.jpg)
และพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสูงสุด ฉะนั้นสกุลวชิรวงศ์ซึ่งรัชกาลที่ ๑๐ ทรงตั้ง จึงมีความสำคัญระดับชาติโดยเฉพาะเมื่อโอรสสองคนในหมู่ ชาย ๔ อันเกิดแก่มเหสีคนที่สอง เดินทางกลับไปอยู่ในไทย คนหนึ่งจัดตั้งบรรษัทธุรกิจ อีกคนดำเนินอาชีพแพทย์
ทำให้พสกนิกรพากันคาดหมายว่า ไม่ช้าชายสี่อีกสองคน (และ/หรือแม่ด้วย) คงตามมา ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของสองชายที่กลับไปปักหลักเป็นมั่นแล้ว จัดอยู่ในประเภท ‘Talk of the town’ มากพอสมควรชนิด ‘มิดีมิร้าย’ แต่ก็ซุบซิบกันให้แซ่ด
ตานี้เกิดมีข่าวซุบซิบดังๆ ในทาง ‘มิดี’ ที่ส่วนใหญ่ออกมาจากไพร่ฟ้าสายห้อย เท่าที่เห็นชื่อบ่อยๆ ทางโซเชียลสองคน ได้แก่ ‘เอ็ดดี้’ กับ ‘ดร.นิว’ บ้างตำหนิว่ากลับมาอย่างฝ่าฝืนพระราชโองการ แล้วไปไหนมาไหนประดุจดังราชนิกุลมิบังควร
คนที่เข้าทำงาน ‘หมอ’ โรงพยาบาลวิชิรฯ ถูกตำหนิว่าเพียงแต่เรียนจบวิชาแพทย์จากอเมริกา ยังไม่ได้ใบประกอบโรคศิลป์ของประเทศไทย ไม่ควรลงมือประกอบอาชีพแพทย์ไปเสียแล้ว พอดีมีผู้แสดงตนเทอดทูนสถาบันกษัตริย์อีกคนคอยตอบโต้
Peter Puttipong Kongpoung เป็นผู้คอยโพสต์แย้ง ‘เอ็ดดี้’ กับ ‘ดร.นิว’ เป็นประจำ หลังสุดนี่แทบจะรายวัน และล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๒ มีนา เมื่อเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น. ปรากฏข้อความบนหน้าเฟชบุ๊คของเขาตอนหนึงว่า “เป็นไปไม่ได้เลย
ที่ท่านชายอ้น หรือท่านชายอ่อง จะกลับมาไทยมาทำนั่นทำนี่ ทำบัตรประชาชน ทำพาสปอร์ต โดยไม่มีการรายงานไปที่ราชสำนัก และก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านสถิตย์พงษ์ (สุขวิมล) ในฐานะ ‘ราชเลขานุการ’ ในพระองค์ จะไม่ได้รับรายงาน”
เลยไปถึงกรณี “การที่มีข่าวลือว่า #พระราชินีสุทิดา ก็ดี หรือตัวท่านเองก็ดี ไม่แฮปปี้กับท่านชาย จึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากไม่แฮปปี้กับท่านชาย เขาว่า “ใครที่ปล่อยข่าวลือแบบนี้ จงใจวางแผนอะไร ไม่ใช่แค่เพียงหวังให้พ่อเกลียดโกรธลูก แต่วางแผนลึกไปกว่านั้น
คือต้องการเลื่อยเก้าอี้ท่านสถิตย์พงษ์ ใช้เรื่องชั้น ๑๔ เล่นงานน้องชายท่าน เรื่อง ‘บิ๊กโจ๊ก’ มินนี่ หวังโยง ‘บิ๊กต่อ’ เพื่อให้ ‘สุขวิมล’ เสื่อมเสีย ว่าน้องเกี่ยวพันธุรกิจสีเทาหรือเรื่องส่วย” เลยเถิดไปถึงว่า “อาจจะทำให้โยงไปถึงในหลวง”
นี่แหละนั่น “เพื่อหวังผลให้เกิดการล้มทั้งท่านชาย และล้มทั้งคุณทักษิณ ถีบราชเลขานุการออกไปด้วยพร้อมกัน” โอว ถึงขั้นนี้จะไม่ทำให้ประชาชนตาดำๆ อกสั่นขวัญแขวนไปได้อย่างไร
