วันเสาร์, มีนาคม 22, 2568

“บุ๊ค” ปากแตก มือถลอก เหตุอารยะขัดขืนย้ายเรือนจำ แต่กำลังใจยังดี – ด้าน “ก้อง” เรียกร้องนำผู้ต้องขังการเมืองมารวมกัน เหมือนช่วงคนเสื้อแดง


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
9 hours ago
·
“บุ๊ค” ปากแตก มือถลอก เหตุอารยะขัดขืนย้ายเรือนจำ แต่กำลังใจยังดี – ด้าน “ก้อง” เรียกร้องนำผู้ต้องขังการเมืองมารวมกัน เหมือนช่วงคนเสื้อแดง
.
.
21 มี.ค. 2568 ที่เรือนจำกลางบางขวาง ทนายความเข้าเยี่ยม “บุ๊ค” ธนายุทธ ณ อยุธยา และ “ก้อง” อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล สองผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2568 โดยเกิดเหตุที่ทั้งสองคน ร่วมกับ “เก็ท โสภณ” และ “จอย สถาพร” อีกสองผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ร่วมกันคล้องแขนและนั่งลงเพื่อทำอารยะขัดขืนปฏิเสธการย้ายเรือนจำ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย และทางเรือนจำไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่เรือนจำเข้าล็อกตัวทั้งหมดแยกออกจากกัน จนเก็ทได้รับแผลถลอก และอีกสามคนถูกย้ายเรือนจำไป
.
ทั้งนี้ การเยี่ยมในเรือนจำกลางบางขวางของทนายความ ต้องมีการทำใบแต่งตั้งทนายความเข้าไปในคดี และมีตราประทับของศาล จึงจะเข้าเยี่ยมได้ แตกต่างจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทำให้การเยี่ยมมีความยุ่งยากเพิ่มขึ้น
.
ทนายความพบว่าสามผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกย้ายมาเรือนจำนี้ ได้ถูกแยกแดนกันไปตั้งแต่วันแรก โดยบุ๊ก ถูกแยกไปที่แดน 2, ก้องถูกแยกไปที่แดน 5 และจอย ถูกแยกไปที่แดน 4 และต้องเยี่ยมแต่ละคนแยกกัน
.
.
บุ๊คปากแตก-มือถลอก เหตุอารยะขัดขืน เห็นว่าเรือนจำใหม่ไม่แออัดเท่า–อาหารดีกว่า แต่ไม่มีระบบส่งจดหมาย DomiMail
.
#บุ๊คธนายุทธ เดินมาทักทายด้วยสีหน้าสดใส เขาดีใจที่มีคนมาเยี่ยม เขายังใส่แว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมสีเงินอันเดิม สวมชุดผู้ต้องขังเสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ผมยาวขึ้นเล็กน้อย
.
บุ๊คแจ้งว่าตัวเองสบายดี ตอนนี้ถูกจำแนกไปยังแดน 2 ซึ่งเป็นแดนผู้ต้องโทษขังจำคุกตลอดชีวิตและโทษประหารชีวิต ตอนแรกก็รู้สึกกลัว เพราะในแดนและในห้องขังไม่มีกล้องวงจรปิด แต่เขาถูกจัดไปอยู่ในห้องที่อยู่มีกัน 20 คน พบว่าเป็นคนที่ถูกย้ายมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หมดเลย และทุกคนต้องอยู่กักตัวจนถึงวันจันทร์หน้า ถึงได้จำแนกไปอีกที ถึงจะรู้ว่าต้องอยู่ที่ไหนกันแน่
.
บุ๊คเล่าว่าในแดน 2 นี้ ทราบข้อมูลว่ามีผู้ต้องขังประมาณ 700 คน มีห้องนอนที่เป็นห้องขังประมาณ 40 ห้อง จำแนกให้อยู่ห้องละประมาณ 20 คน จึงไม่ถึงกับแออัดมาก แต่ละห้องจะเป็นพัดลม 3 ตัว ช่วยให้อากาศถ่ายเทดี
.
“อาหารหลวงที่นี่ อร่อยกว่าที่พิเศษกรุงเทพฯ เยอะ ใช้คำว่าอยากให้ทุกเรือนจำเป็นแบบนี้เลย รสชาติเหมือนอาหารที่ญาติสั่งให้กิน ตอนอยู่ที่เดิม”
.
“เจ้าหน้าที่ก็พูดจาดี ให้เกียรติ และไม่เคร่งเครียดมากเกินไป เขาบอกว่าเพราะรู้ว่าผู้ต้องขังเครียดอยู่แล้ว เลยทำตัวค่อนข้างเป็นกันเอง ตอนจำแนกเขาเห็นอาชีพผมเป็นศิลปินแร็ปเปอร์ เขาก็ให้ร้องให้ฟัง แล้วบอกว่าเดี๋ยวถ้ามีโครงการดนตรีจะชวนไป แล้วผมเหลือโทษแค่ 6 เดือน ไม่ต้องซีเรียส” บุ๊คเล่า
.
แต่บุ๊คบอกว่า พอย้ายมาที่นี่รู้สึกอากาศเปลี่ยน ค่อนข้างเย็นกว่าที่พิเศษกรุงเทพฯ เลยมีอาการไข้ จึงไปขอยาพาราฯ กับยาแก้แพ้มา โดยที่นี่ไปต้องลงชื่อขอออกไปแดนพยาบาล เหมือนที่พิเศษกรุงเทพฯ ด้วย
.
แต่ปัญหาของเรือนจำนี้ก็มีเช่นกัน บุ๊คเล่าว่าสภาพตึกอาคารของที่นี่ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม คือพยายามดูแล แต่อาจจะไม่มีงบซ่อมบำรุง รวมทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด คิดว่าเจ้าหน้าที่ก็อยากได้ เพื่อสร้างความปลอดภัยและทำให้ทำงานง่ายขึ้น แต่อาจจะไม่มีงบ อีกเรื่องสำคัญคือที่บางขวางยังไม่มีระบบส่งจดหมายผ่าน DomiMail เหมือนที่พิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นช่องทางส่งจดหมายที่ทำได้รวดเร็วและสะดวกสำหรับญาติและผู้ต้องขัง ไม่ต้องเขียนผ่านทางไปรษณีย์ การถูกย้ายมาเรือนจำนี้ จึงมีผลกระทบอาจจะทำให้ติดต่อโลกภายนอกได้ยากขึ้น
.
บุ๊คยังย้อนเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่กลุ่มของพวกเขาพยายามอารยะขัดขืน ปฏิเสธการย้ายเรือนจำ เพราะเห็นว่ากระบวนการดูไม่ปลอดภัย ไม่โปร่งใส ไม่มีญาติหรือทนายความได้รู้ล่วงหน้า
.
“ทางเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าต้องทำตามนโยบายกรมฯ พวกผมก็เริ่มคล้องแขนอารยะขัดขืนกัน เขาก็เลยสั่งให้ชุดจู่โจมเข้ามาจับเรา แล้วชุดจู่โจมก็กดเราลงพื้น ตอนจังหวะชุลมุนก็มีบาดเจ็บอยู่บ้าง ปากผมแตก มือถลอก และแขนช้ำ หลังจากนั้น ผอ. ก็บอกว่าถ้าไม่เรียบร้อยก็แบบนี้แหละ และเขาบอกว่าจะทำบันทึกวินัยไว้ด้วย
.
“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเพราะเราต้องการอภิสิทธิ์ แต่เรายืนยันว่ากับผู้ต้องขังทุกคน กระบวนการก็ต้องปลอดภัย โปร่งใส ญาติและทนายความต้องรู้ และหลักการที่ต้องเคารพคือ ผู้ต้องขังที่ศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ก็ยังถือว่าบริสุทธิ์อยู่ ต้องได้รับการปฏิบัติแบบคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย
.
“ตอนนี้ ก็ถือว่าเรียนรู้ที่ใหม่แล้วกัน มีพี่ผู้ช่วยเข้ามาให้กำลังใจว่า ของพี่โทษตลอดชีวิตนะ ของน้องนี่เหลือ 6 เดือน อยากให้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความหวัง” บุ๊คบอกเล่า
.
บุ๊คยังคิดว่ากลุ่มผู้ต้องขังทางการเมือง ควรได้อยู่รวมกัน เขาได้ฝากข้อความถึงผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ด้วยว่า “ขอให้พี่เก็ท พี่อานนท์ และผู้ต้องขังคดีการเมืองเข้มแข็ง แม้ว่าจะต้องอยู่คนละเรือนจำ แต่ผมก็เชื่อว่าพลังของการต่อสู้จะไม่ลดน้อยลง พวกเราที่อยู่ที่นี่ ก็จะดูแลกันให้ดีที่สุด ยังคิดถึงทุกคนเสมอครับ”
.
.
ก้องกังวลเรื่องสื่อสารกับเพื่อน ๆ ที่ช่วยดูเรื่องสอบ หลังบางขวางไม่มีระบบ DomiMail-ไม่ใช่ญาติเยี่ยมไม่ได้ พร้อมเรียกร้องนำผู้ต้องขังการเมืองมารวมกัน
.
ทางด้าน #ก้องอุกฤษฏ์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงการร่วมอารยะขัดขืนเช่นเดียวกับบุ๊ค โดยในการยื้อยุดแยกกันนั้น ก้องบอกว่าเขาถูกกดลงพื้นที่จากด้านหลัง แต่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
.
แต่เมื่อย้ายมาแล้ว และถูกจับแยกแดนหมด ตอนนี้เขาค่อนข้างรู้สึกจิตใจว้าเหว่ ไม่มีเพื่อนพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการเมือง ต้องปรับตัวใหม่ ทำให้ยังตื้อ ๆ คิดอะไรไม่ออก
.
ส่วนของก้องนั้น เขาต้องถูกกักตัว 5 วัน ถึงวันจันทร์เช่นกัน และในรอบเยี่ยมของวันพุธหน้า ญาติถึงจะมาเยี่ยมได้ แต่เข้าใจว่าเรือนจำนี้ก็มีข้อจำกัดให้เยี่ยมเฉพาะญาติแท้ ๆ กัน คนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ญาติอาจจะเยี่ยมไม่ได้เลย สิ่งแตกต่างจากที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
นอกจากนั้น ก้องยังมีข้าวของและหนังสือกฎหมายที่ใช้อ่านเตรียมสอบ ปรากฏว่าเอาเข้าไปที่เรือนจำใหม่ด้วยไม่ได้ ต้องให้ญาติมาติดต่อรับคืนภายใน 3 เดือน ตอนนี้เรื่องสอบของเขากับ ม.รามคำแหง ก็ยังไม่รู้จะเป็นไปอย่างไรต่อ เขาคงต้องหาหนังสือกฎหมายมาใหม่อีก
.
ก้องฝากข้อเรียกร้องว่า อยากให้ผู้ต้องขังคดีการเมืองต้องอยู่เรือนจำเดียวกัน หรือในแดนเดียวกัน อาจจะย้ายกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือจัดเรือนจำคุมขังเฉพาะผู้ต้องขังทางการเมือง เช่น สโมสรตำรวจ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว สมัยผู้ต้องขังในคดีของคนเสื้อแดงช่วงปี 2554 ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการแยกผู้ต้องขังคดีการเมืองมาขังรวมกัน
.
“ถ้าเป็นการดี อยากให้แฟร์ทุกฝ่าย ขอศาลอนุญาตประกันตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง เพื่อให้ปัญหาเรื่องย้ายเรือนจำจบไป” ก้องบอกอีกข้อเสนอ
.
เขาเห็นว่าการแยกกระจายผู้ต้องขัง โดยที่หลายคนไม่เต็มใจเป็นการลิดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์อย่างมาก และยังกังวลเรื่องที่เรือนจำบางขวางไม่มีระบบ DomiMail และเข้าใจว่าส่งจดหมายใส่ซองออกไป ก็ส่งไปได้เฉพาะญาติที่เยี่ยมได้เท่านั้น ทำให้เขาอาจไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย ที่ช่วยดูเรื่องการสอบได้ ทำให้ปัญหาเรื่องนี้ยากขึ้นอีก
.
สุดท้ายก้องฝากข้อความถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วยว่า “ประเด็นผู้ต้องขังคดีการเมืองเป็นประเด็นสำคัญ ควรรีบดำเนินการนำมาอยู่รวมกันเหมือนปี 53-54 ถ้านายกฯ ทำไม่ได้ ผมก็ไม่ฝากความหวังนโยบายอื่น ๆ ที่จะทำให้ประชาชน
.
“ฝากถึงรัฐมนตรียุติธรรม ถ้าไม่กล้าตัดสินใจเอาผู้ต้องขังคดีการเมืองมาอยู่รวมกันที่เดียว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ประชาชนจะฝากความหวังเรื่องความยุติธรรม แค่ผู้ต้องขังคดีการเมืองยังอยู่รวมกันไม่ได้ นับประสาอะไรกับอนาคตของประชาชน”

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1060198505950619&set=a.656922399611567


https://tlhr2014.com/archives/74084