วันพุธ, เมษายน 12, 2566

ทหารหมวกแดง รบพิเศษ ?




“การปฏิรูปกองทัพไทยให้เป็นกองทัพในศตวรรษที่ 21 ให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงานมากขึ้นกว่าการมีชั้นยศสูงๆ จำนวนนายพลก็ลดลงเป็นสัดส่วนตามลงไปได้ในที่สุด จึงควรเป็นการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยโอนเงินที่เป็นงบประจำมาเป็นยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูง แทนการมีอาวุธจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีต่ำกว่า สงครามในยุคปัจจุบัน การมีอาวุธจำนวนมากไม่จำเป็นเท่ากับการมีอาวุธคุณภาพสูง การจัดหาอาวุธต้องมั่นใจว่า มีขีดความสามารถสูงกว่าอย่างน้อยในอาเซียน ได้แก่การมีระยะปฏิบัติการหรือระยะยิงไกลกว่า แม่นยำกว่า รวดเร็วกว่า และมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ทั้งนี้ ต้องไม่มากเกินไปจนทำให้เกิดการแข่งขันกันทางอาวุธจนทำให้เป็นภาระทางเศรษฐกิจ” พล.ท.พงศกร ระบุ

โดยก่อนหน้านี้ พล.ท.พงศกร โพสต์รายละเอียดข้อเสนอการปฏิรูปกองทัพและระยะเวลาดำเนินการ เช่น
– ลดกำลังจากขนาด 330,000 นายเหลือ 170,000 นาย นายพลจาก 1,600 นายเหลือ 400 นาย โดยกำหนดเป็นกฎหมายใช้เวลา 5-10 ปี เริ่มจากปฏิรูประดับกลางและปิดอัตราระดับนายพลหลังมีผู้เเกษียณอายุราชการ
– ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบปัจจุบัน ใช้สมัครใจ เกณฑ์เฉพาะเมื่อเกิดสงคราม (แก้กฎหมายใช้เวลา 1 ปี เปลี่ยนผ่านอีก 3 ปี)
– รับราชการเป็นพลอาสาสมัคร เงินเดือนและเงินตอบแทนทั้งหมดประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน (หลังแก้กฎหมายเสร็จ 1 ปี) ระหว่างรับราชการมีทุนการศึกษาสายวิศวกรรมหรืออาชีพ ปลดแล้วมีทุนประกอบอาชีพ
– พลอาสาสมัคร จะเติบโตรับราชการเป็นนายทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรไม่เกินพันโท อายุ 45 ปี ( 5 ปีหลังเริ่มดำเนินการ ทำการสอบบรรจุจากพลอาสาสมัคร)
– การลดกำลังพลและปรับระบบการส่งกำลังบำรุงจะทำให้ประหยัดงบประมาณได้ปีละ 50,000 ล้านบาทหรือมากกว่า โดยจะลดงบประมาณจาก ร้อยละ 1.5 เหลือ 1.13 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (เริ่มต้นได้ในปีงบประมาณที่ 2 และ มีผลในปีงบประมาณที่ 5)
– การจัดซื้ออาวุธอย่างโปร่งใส โดยเชิญประชาชน และสื่อมวลชน ร่วมกำหนดสเปคและราคากับกองทัพ เพื่อให้ได้อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะกับการรบ ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด (กำหนดเป็นนโยบายและปฏิบัติได้ใน 3 เดือน)