วันจันทร์, เมษายน 24, 2566

ฝุ่นตลบกับการชักเย่อของฝ่ายเดียวกัน “ระวังอย่าตกร่องฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย”

ฝุ่นตลบละนี่ อย่างที่ มุทิตา ว่า “กลายเป็นการชักเย่อของฝ่ายเดียวกัน เสียมากกว่าการสู้กับฝ่ายตรงข้าม” จากที่ ภูมิธรรม สอนเด็กให้มีวุฒิภาวะ แต่ขาดจิตตะภาวะในภาษา เลยกลายเป็น ดูแคลนเขา ทำให้ ทนายน้อย เอาบ้าง

“คนที่เป็นไดโนเสาควรพักได้แล้ว มันหมดเวลาของท่านแล้ว ให้คนรุ่นใหม่ในพรรคที่ใจถึงมาทำงานเถอะครับ (ขอโทษที่พูดตรงๆ)” จึงโดนคนรุ่นเดียวกันซัดเข้าให้ การดี ศรีสุเมธ ออกลูกเด็กแว้น “ไอ้ที่ต้องกลับบ้านนั่นน่ะคือมึงนั่นแหละ...รกสังคม”

ในระลอกนี้วุฒิภาวะมากกว่าในทางจิตวิญญานแห่ง คนเท่าเทียม น่าจะคุณ เชื้อช่าง“ปลายทางจริงๆ แล้วอาจใกล้เคียงกัน แต่จังหวะก้าวไม่เหมือนกัน” ผู้เล่นเก่าในกระดานรู้จักประคอง กับผู้เล่นใหม่เพิ่งขึ้นสังเวียน มีความจริงใจสูง เมื่อปะทะกันอาจเสียรู้พวกกาฝาก

“ปลายทางจริงๆ แล้วอาจใกล้เคียงกัน แต่จังหวะก้าวไม่เหมือนกัน...เพราะการเลือกตั้งนี้ คือระยะเปลี่ยนผ่านของจริง จากเผด็จการซ่อนรูป ไปสู่ประชาธิปไตยที่จะกลับมาเตาะแตะอีกหน” ไม่เหมือนเก่าครั้ง ปชต.เฟื่องฟู “เพราะโดนบดขยี้มาหนักหนา”

และย่อหน้านี้เตือนใจเตือนปัญญาของทั้งสองฝ่าย “เราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงโดยชี้นิ้วประณามกันนั้นง่ายเกินไป เราทำการบ้านกันจริงจังแค่ไหนกับความใฝ่ฝันของเรา และความฝันของเรานับรวมคนอื่นกว้างขวางแค่ไหน”

กับอีกย่อหน้า “การเมืองจะว่าน่ารังเกียจก็คงใช่โดยเฉพาะกับคนนอกสนามจริง แต่ธรรมชาติของมันป็นเรื่องผลประโยชน์และการต่อรอง...มากหรือน้อยแล้วแต่แต้มที่มีในมือ และเราไม่จำเป็นต้องปลุกปั้นเทวดาหรือซาตาน”

เธอพูดถูกว่ามีอสุรกายคอยจ้อง “เห็นเงียบๆ ไม่รู้จะฟาดเรียบแค่ไหน” อันเป็น “ตัวแปรที่ทำให้อำนาจเก่าจัดตั้งรัฐบาลได้ของจริง” พร้อมเตือน “ระวังอย่าตกร่องฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย เพราะวิธีคิดเช่นนั้นจะทำลายตัวระบอบเอง”

(https://www.facebook.com/mutita.ubekka//pfbid02mtAKeJyJKy)