เรียนกุนซือ ‘ตู่’ ถ้าคิดจะเก็บตัวเลขเศรษฐกิจบางอย่างที่ THE STANDARD WEALTH ทำไว้ มาใช้คุยโวหาเสียงละก็ คิดอีกที อัตราว่างงาน กับเกณฑ์ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ที่ลดลงต่อเนื่องช่วงกว่า ๘ ปีที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ชี้ว่าประชาชนอยู่ดีมีกินถ้วนทั่ว
เพราะมาตรวัดความสมบูรณ์พูนสุขของชาติอื่นๆ อีก ๖ อย่างล้มคว่ำ หัวขมำไม่เป็นท่า ตั้งแต่ค่าจีดีพีด้อยกว่าใครๆ ในอาเซียน หนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะสูงขึ้น ๆ ตลอดมาทุกปี แม้แต่อัตราเงินเฟ้อสูงๆ ต่ำๆ ควบคุมไม่ได้ ไม่คงที่ ขัดขวางการเติบโต
มาไล่เรียงกันดูสักหน่อย เริ่มที่ผลิตภัณฑ์มวลรวม ไม่เคยทำได้ถึงขีด ๕% อันควร เมื่อปี ๖๕ ที่ผ่านมาถึงขั้นเกือบจะลงนรกจกเปรต ๒.๖% ต่ำสุดกว่ากลุ่ม ๔ ประเทศอาเซียน อันได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และมาเลเซีย
ทำให้ ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ ‘FDI’ ไม่เคยเงยหน้าเทียบชั้นเพื่อนบ้านได้ ไอ้ที่จัดทำเม็กกาโปรเจ็ค อีอีซี โดยเป้าหมายจะดึงทุนจากนอกประเทศทั่วโลกมาลง นอกจากเป็นเพียงเพ้อฝันแล้วยัง ‘เปียก’ เสียอีก เมื่อบริษัทเจ้าสัวคือผู้สำเร็จความใคร่
ประชาชนทั่วไปโดยรวมยังคง ‘มีไม่พอกิน’ หรือ ‘ไม่มีจะกิน’ อย่างใดอย่างหนึ่ง บนบ่าแบกหนี้ บนหลังมี ‘ปรสิต’ เกาะกิน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีตัวเลขหนี้ครัวเรือนเห็นๆ “เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี” ปี ๖๔ อยู่ที่ ๑๔.๖ ล้านล้าน พอปี ๖๕ มากกว่า ๑๕ ล้านล้าน
ประชาชนย่ำแย่แล้ว รัฐบาลยิ่งกว่า แต่คนบริหารรัฐบาลไม่รู้สึกรู้สา วันๆ เอาแต่เก๊กท่า เดี๋ยวฉุนเดี๋ยวเซี้ยว บางทีทำไม้ทำมือ ยักคิ้วหลิ่วตาหนี้สาธารณะก็ไต่บันไดลิงขึ้นไปเรื่อยๆ ปี ๖๓ เข้าไป ๔๙.๕% ไม่พอ ปี ๖๔ ถีบถึง ๕๘.๔ พอปี ๖๕ ทะลุแม่งเลย
ปริมาณหนี้สาธารณะขณะนี้ ๑๐.๗ ล้านล้านบาท (เมื่อเดือนกุมภา) ก็ทำไขสือได้ ที่บังเอิญตัวเลขเมื่อปีที่แล้วมีมาเลเซียแซงหน้าเฉือนอันดับหนึ่งไปครอง ถึงอย่างนั้นยังต้องกระมิดกระเมี้ยน เนื่องจากขายขี้หน้าเวียดนาม
ตัวเลขหนี้สาธารณะเวียดนามลดต่อเนื่องจากปี ๖๒ ที่ ๔๑.๓% มาเป็น ๔๐.๒ ในปี ๖๕ ของไทยก็ลดเหมือนกัน จาก ๖๑.๕% ในปี ๖๕ มาเป็น ๖๑.๑% ในปีนี้ ถ้าตู่ใช้เล่ห์จนได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกปีหน้า รับรองหนี้กลับมาเพิ่มอีกแน่ๆ
เพราะคุยนักคุยหนา ว่าภารกิจยังไม่เสร็จ อะไรที่ทำๆ ไว้ ‘บรรลัยกัลป์’ จะกลับมาทำต่อน่ะสิ
(https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/DPjWxH9Q3Yl)