วันอังคาร, เมษายน 11, 2566

เล่าประสบการณ์ของการลี้ภัย คดี112 และ การย้ายประเทศของผู้ยื่นขอลี้ภัยม.112 รายล่าสุดในปารีส


Plumpgirl Rn
April 8

สวัสดีค่าทุกคน
จะมาแชร์ประสบการณ์สุดมันของการลี้ภัย คดี112 และ การย้ายประเทศ แบบบังคับย้าย อ่านให้จบนะคะ มีคำบรรยายใต้รูปอีก สนุกแน่นอน
.
วันนี้ วันที่ 9 เมษายน คือวันคล้ายวันเกิดของเราเอง อายุครบ 27 ปีบริบูรณ์ มาแชร์ช่วงเวลาที่ผ่านมากันดีกว่า ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก และโหดสุดๆ จะได้จดจำใว้ว่า ” ช่วงชีวิตนึงของชีวิต ตอนอายุ27ปี ได้ผ่านอะไรมาบ้าง “ และทุกปีที่ผ่านมาถึงวันนี้ ก็เตือนตัวเองใว้ตลอดว่า เวลาในการอยู่บนโลกนี้ น้อยลงอีกแล้วนะ
.
ปีนี้เป็นปีที่ยากมากๆ แต่เอาจริงๆมันก็ยากมากมาได้2 ปีเกือบ3ปีแล้ว ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว หลังจากโดนคดี 112 จนทำให้ต้องลี้ภัยมาฝรั่งเศส ใครจะคิดว่าช่วงชีวิตที่โคตรจะสั้นและไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตได้ถึงเมื่อไหร่ ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนจะคิดว่า อิจฉาจังได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ลงรูป ลงสตอรี่สวยๆ แต่น้อยคนมากๆจะรู้ว่า “มันไม่ง่ายเลย และไม่มีทางง่าย”
.
สิ่งที่ต้องเจอมาตลอดระยะเวลาเกือบ3ปี ในเรื่องของ Mental health มันพังมาก กลายเป็นคนคิดมากแบบสุด ความรื่นเริงในชีวิตแทบจะหายไปมากกว่าครึ่ง วินาทีที่ตัดสินใจออกมาจากประเทศไทย ตอนที่ครอบครัวและเพื่อนมาส่งที่สนามบิน ตอนร่ำลาพยายามไม่ร้องไห้ และบอกว่า เดี๋ยวก็ได้เจอกันใหม่ ซึ่งเชื่อแบบนั้นจริงๆ แต่พอพ้นจากทุกคน นี่นั่งร้องไห้ในสนามบินคนเดียวแบบหนักมาก จนคนข้างๆมานั่งปลอบ555555 เข้าใจคนที่ต้องห่างบ้าน ห่างครอบครัวและแมวอีก4ตัวป่ะ มันยากที่จะอธิบาย แต่อีกใจนึงก็รู้สึกโล่งที่จะได้หลุดพ้นและได้เป็นอิสระสักที จบสิ้นกับความทรมานที่เจอมาตลอด2ปี แต่หารู้ไม่ สิ่งที่ต้องเจอหลังจากบินออกจากประเทศ ก็ไม่ได้เรียบหรูเหมือนอย่างที่คิดใว้เลย
.
“ยิ่งกว่าในละคร” ประเทศที่เลือกทีาจะไป ก็คือ ไต้หวัน เพราะมันเป็นประเทศที่เปิดให้เข้าได้ประเทศเดียวตอนนั้น และคนไทย ไม่ต้องใช้วีซ่า แต่การไปครั้งนี้ไม่ได้ไปเพื่อที่จะเข้าไต้หวัน แต่ไปเพราะต้องการให้ทางสนามบินติดต่อประเทศที่3 ให้ เพื่อที่จะบินไปลี้ภัย ถึงสนามบินตอน1 ทุ่ม ก็ได้ติดต่อเจ้าที่ในสนามบิน เจ้าหน้าที่เกือบ 15 ชีวิต พยายามที่จะช่วยติดต่อ เข้ามาสอบถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง พอเราเล่าให้ฟัง พร้อมหลักฐาน เค้าก็บอกว่า เสียใจด้วยที่คุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราจะพยายามช่วยนะ เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อสนามบินปลายทางให้ ตั้งแต่1ทุ่ม จนถึงตี2 ซึ่งในสนามบินตอนนั้นไม่มีคนอยู่แล้ว #ช่วงโควิดสนามบินเปิดแค่อาคารเดียวและคนน้อยมากๆ
เหลือแค่เรเน่ แล้วก็เจ้าหน้าที่ตม. อีกประมาณ7คน แล้วก็โชคดีมากๆที่มีเข้าหน้าที่ตม.พูดไทยได้นิดหน่อย จังหวะนั้นคือ ร้องไห้เลยค่าาา แบบบบบบ ก๊อดดดดด มีคนเข้าใจสักที
เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่สามารถให้บินไปปลายทางได้ เพราะว่าเราไม่มีวีซ่าด้วย ซึ่งเราเข้าใจได้ ตอนนั้นคือตันมาก ไม่รู้จะทำยังไง เพราะกลับไทยก็ไม่ได้ ภาพในสนามบินคือกุ๊กกู๋มาก
จนเจ้าหน้าที่บอกว่า เราจะให้คุณเข้าประเทศก่อน แล้วให้คุณพยายามติดต่อหาคนช่วยเหลือ
แต่!! ตอนนั้นยังต้องกักตัว แล้วค่าโรงแรมต้องจ่ายเอง! โดนค่าโรงแรมกักตัวไป 9800 บาท ทั้งที่พกเงินติดต่อไปแค่ 10000 บรรเทิงงงงงงง
.
การที่ต้องติดอยู่ไต้หวัน14วัน และลุ้นทุกวันว่าพาสปอร์ตจะโดนยกเลิกเมื่อไหร่ เพราะต้องการเดินทางไปประเทศที่3 พยายามติดต่อทุกคนให้มากที่สุดเท่าที่จะติดต่อได้ ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือเงินติดตัวอยู่ 800 กว่าบาท

#800บาทในต่างประเทศ ซึ่งก่อนที่จะบินก็พยายามที่จะยืมเงินคนนู้นคนนี้ เพราะรู้ได้ว่าสิ่งที่ต้องเจอมันต้องยากและต้องใช้เงิน ก็มีคนช่วยเหลือมาบ้าง “ซึ่งขอบคุณมากๆขอบคุณจริงๆ” ไม่มีทางลืมว่าใครหยิบยื่นมาช่วยเหลือบ้าง แต่ก้มีหลายคนที่ไม่ช่วยเหลือแล้วยังออกห่าง ซึ่งเข้าใจได้ ไม่เป็นไร แต่ก็ดีแล้วได้คัดคนออก
.
หลังจากออกจากโรแรมกันตัว ทุกๆวันผ่านไปแบบทรมานสุดๆ กระเป๋าที่เอาไป หนักประมาณเกือบ30 กิโล แล้วเชื่อป่ะว่า ล้อพังหมดเลย เหลือล้ออยู่ 1 ล้อ แล้วต้องลากกระเป๋าเพื่อหาโรงแรม*ซึ่งมีพี่จองให้จากอเมริกา และหาโรงแรมไม่เจอ รวมแล้วเดินกว่า2กิโล ใช้เวลาหาโรงแรมประมาณ2ชั่วโมง ภาพที่คนมองมาคือ “มีอีใครก็ไม่รู้ เดินลากกระเป๋าเสียงดัง แถมยังเดินร้องไห้อีก” จนเข้าไปร้านชานมร้านนึง เจอผญ ไต้หวันคนนึง ก็ขอความช่วยเหลือเค้า แต่ก็อุดหนุนเค้าก่อนนะ55555 เค้าก็พยายามช่วยหาโรงแรม ระหว่างนั้นก็พูดคุยกัน จนแลกคอนเทคกัน แล้วก็ Kepp talking กันมาถึงตอนนี้ เหมือนได้เพื่อนใหม่เลย นางช่วยจนเจอโรงแรม มึงงงงโรงแรมแบบอยู่ในตึกแถวและป้ายเล็กนิ๊ดเดียวว แล้วที่สำคัญคือ “ ห้องอยู่ชั้น6 และมันไม่มีลิฟต์”!!!! แทบตาย ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ว่าทรมานแค่ไหน555
สุกท้ายก็พยายามติดต่อ และพยายามหาทางเอาตัวรอด สุดท้ายก็ได้บิน ค่าใช้จ่ายก็มีคนซัพพอร์ต
#ซึ่งดีเทลๆมาขอพูดค่าาาา พูดมั้ยดั้ย
และประเทศที่หวยออกก็คือ “ฝรั่งเศส หรือ France” นั่นเอง และภาษาฝรั่งเศสคือ -100
.
วันที่จะบินออกจากไต้หวันเพื่อมาฝรั่งเศส ก็มีคนที่เค้าช่วยเหลือเรา มาส่งด้วย ตอนเช็คอินคือมีปัญหาเลยคือ เค้าให้เราบินไม่ได้เพราะเราไม่มีวีซ่าฝรั่งเศส คนที่มาด้วยก็ช่วยอธิบายจนเคลียร์ได้ แต่ต้องซื้อตั๋วใหม่หน้าเค้าเตอร์เลย เค้ามาส่งจนถึงตอนเข้าประตู ก็ได้สวมกอดกันแล้วก็ร่ำลา อวยพร แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะกลับมาเยี่ยม เพราะทุกคนที่ช่วยเหลือ โคตรดี ดีแบบสุดๆ แบบบบบแม่พระ ซึ่งการได้เจอคนกลุ่มนี้ ถือว่าเป็นโชคดีที่สุด เลยบอกกับทุกคนที่ได้คุยว่า “การมาไต้หวันครั้งนี้คือการใช้แต้มบุญในชีวิตไปหมดแล้ว”
ใว้เจอกันใหม่ จะกลับไปเยี่ยมพร้อมกับสามีชาวฝรั่งเศสค่ะ
.
แล้วก็ได้มาเหยียบฝรั่งเศสค่า แต่ก็โดนตำรวจรวบเลย เข้าไปติดอยู่สถานที่กักกันประมาณ7 วัน 7วันนั้นโคตรแย่ แย่กว่าทุกอย่างที่เจอมา! โดนยึดโทรศัพท์ยึดทุกอย่างหมด จนครอบครัว หรือเพื่อน คืดว่า โดนอุ้มฆ่าไปแล้ว เพราะหายไปนานหลังจากลงเครื่อง
ระหว่างที่อยู่ในนั้นก็มีการดำเนินเรื่องทางกฏหมาย ส่งเรื่องขอความช่วยเหลือจากองค์กรที่เราพอจะรู้ แล้วก็มีคนที่ฝรั่งเศสคอยช่วยประสาน
จนเราได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ที่จะมาช่วยเราออกไป
สัมภาษณ์ประมาณ1-2 ชั่วโมง ถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องบินมาที่นี่ แล้วเราเจอกับอะไรบ้างที่ไทย จนทำให้เราอยู่ไม่ได้
.
หลังจากที่สัมภาษณ์เสร็จ เวลาก็ผ่านไปจนถึงประมาณ1ทุ่ม หลังจากกินข้าวเย็น *ซึ่งคือกินแทบไม่ได้ นี่ก็ออกไปเดินเล่นตรงสนามหญ้าที่เค้ามีให้ ติดกับรันเวย์สนามบิน แต่ถูกกั้นด้วยรั้วสูงเกือบ3เมตร กิจวัตรที่ทำประจำคือ ยืนมองเครื่องบินผ่านไปมา
แต่แล้ววันนั้นก็มีเข้าหน้าที่วิ่งมาหา แล้วถามว่า คุณชื่อ มาดาม กลิ่นยี่โถใช่มั้ย เราก็บอกใช้ เค้าก็บอกว่า โอเค ให้ขึ้นไปเกือบของที่ห้องแล้วตามเค้ามา คุณจะได้ออกวันนี้ วินาทีนั้นคือ คนที่อยู่ที่นั้นด้วย ตะโกนแสดงความดีใจด้วย นี่ก็ยังงงเลยว่า เป็นกูหรอออ ใช้จริงมั้ยยย จนสุดท้ายก็ได้ออก แล้วก็มีคนมารับ
.
พาร์ทนี้ จะเป็นชีวิตที่อยู่ที่ ปารีสแล้ว
“Rene in Paris”
อัพเดตตอนนี้เลยก็แล้วกัน หลังจากการโดนปฏิเสธการขอลี้ภัยและโดนยกเลิกการช่วยเหลือไป1รอบ ทำให้โคตรเฟล เฟลสุดๆ *แต่ยังไม่เคยได้รับเงินจากทางนี้สักเซนต์เดียวนะ เพราะรู้สึกเสียเวลามากกกกก
ตอนแรกที่คิดใว้คือ เหยียบประเทศที่3 ได้เมื่อไหร่ จะทำงานก่อนเลย
เพราะทางครอบครัวหมดเงินในการส่งเรเน่ออกมาจากไทย เยอะมาก ไหนจะกู้ธนาคาร ยืมคนนู้นคนนี้ ทำให้เป้าหมายการมาถึงที่นี่คือการหางานทำ เพราะเอาจริงๆ ไม่ได้ห่วงตัวเองที่นี่เลย ห่วงทางครอบครัวที่ไทยมากกว่า เลยพยายามที่จะหางาน แต่ก็หาไม่ได้ เพราะไม่ได้มีสิทธิ์ทำงานได้ถูกกฎหมาย เลยไม่อยากเสี่ยงที่จะทำ ก็เลยยังไม่ได้งานทำจนถึงตอนนี้
.
ทำให้ปัญหาหลักเลยคือเรื่องเงิน จะบอกว่าทุกวันนี้ ครอบครัวก็ยังส่งเงินมาให้ใช้อยู่ ซึ่งเป็นเงินที่ไม่ได้เยอะเลย 1-3 พันต่อเดือน คิดดูวววว อยู่ปารีสใช้เงินหลักพัน ใครจะเชื่อ แต่อยู่ได้จ้า ยังมีพี่ๆและอาจารย์ที่นี่คอยให้เงินใช้ พอประทังชีวิต5555 และสกิลการทำอาหารที่เรามีก็เกิดผล ซื้อของทีทำกินได้เป็นอาทิตย์ ทุกวันนี้กินข้าวมื้อนึง แต่ก็ดี ได้เป็นการทำ IF ไปในตัว จนทำให้น้ำหนักลงมาเกือบ15 โล 55555555
.
สถานะตอนนี้ คืออยู่แบบถูกกฎหมาย100% แต่ยังต้องรอการเรียกสัมภาษณ์เรื่องการลี้ภัย และ ขึ้นศาลปกครอง เกี่ยวกับเรื่องการช่วยเหลือเรื่องเงินและที่พักที่เราโดนปฏิเสธไป ซึ่งทั้ง2 คือยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ ก็คือ รอออ ต่อออ ไปปปป อดทนใว้เรเน่ เดี๋ยวมันจะดีขึ้น
.
ปารีส สวยมากกกก โรแมนติกสุดๆ แต่ก็เหงา55555
เรื่องภาษาอีก ฝรั่งเศสยากมากกกก แต่จะพยายามเรียนรู้ และผู้ชายก็หล่อมาก หล่อจริง เจอได้ตามถนนและเมโทร แล้วก็จิกแรงพุ่งแรงสุดๆ55555
ถ้าได้ทำงาน มีเงิน พอจะสื่อสารได้ ก็คิดว่าจะเอนจอยและมีความสุขมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ยังเรียกไม่ได้ว่าใช้ชีวิต เลยไม่รู้ว่าจะเลิฟปารีสและเอนจอยการใช้ชีวิตได้ขนาดไหน
และที่สำคัญ ปารีสโอริมสระ2024กำลังมา ตอนแรกคุยกับเพื่อนตั้งใจว่าจะเก็บเงินมาดูกัน ใครจะรู้ ว่าได้มาก่อนใครเลย แถม ย้ายประเทศมาอยู่เลยค่าา
.
ส่วนในพาร์ทของวันเกิดวันนี้ ปกติก็ไม่ได้เป็นคนจัดวันเกิดอยู่แล้ว แต่ปีนี่จะเป็นปีที่จดจำไปตลอดชีวิต ว่าอายุ 27 ปีครั้งแรก แม่งผ่านอะไรมาบ้าง และเจออะไรบ้าง555555555555555
พอใกล้ถึงวันเกิด คนก็เริ่มทักมาว่าอยากได้ของขวัญอะไร อยากได้อย่างเดียว
.
“อยากให้ทุกคนช่วยอวยพรให้หน่อยค่า”
.
อันนี้มีคอมเม้นโมเม้นในแต่ละรูปด้วยยย ลองอ่านดูนะคะ เดี๋ยวจะมีพาร์ท2 เพราะปารีสสนุกมากจริงๆ
แชร์ได้ค่ะ แต่ถ้าสลิ่มมาด่า ด่ามันกลับเลยนะคะ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=606260801537952&id=100064621124661