วันเสาร์, กรกฎาคม 03, 2564

ไม่ไหวก็ไปเถอะ! สงสารประชาชนบ้าง



ไม่ไหวก็ไปเถอะ! สงสารประชาชนบ้าง

27 มิถุนายน 2564
ที่มา Daily News Online

เรื่องวิกฤติโควิด-19 ประเทศอื่นถ้าบริหารกันเละเทะแบบนี้ ผู้นำหรือรัฐมนตรีเขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกไปแล้ว วันนี้ประชาชนคนไทยมีแต่ “ทุกข์” แถมยังต้อง “ทน” จมอยู่กับความเดือดร้อน

ที่ผ่านมาก็เอาใจช่วยเพราะเห็นถึงความตั้งใจ แม้ไม่เห็นด้วยเลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำรัฐประหาร ก้าวเข้าสู่อำนาจแบบไม่งามสง่า และผิดกฎหมายแรงร้าย แต่อย่างว่าพอตีตราคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” แถมออกกฎหมายล้างผิดตัวเอง และพวกพ้อง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ไปยันอนาคต เรียกว่าจะทำอะไรก็ไม่ผิด ทำอะไรก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างก็ดูง่าย ไม่มีใครกล้างัดข้อด้วย

แต่มาถึงวันนี้อดรนทนเอาใจช่วยไม่ไหวจริงๆ บอกเลยท่านไม่เหมาะที่จะบริหารประเทศอีกต่อไปแล้ว หมดเวลาแล้ว ตั้งแต่ปี 2557-2564 นี่เกิน 7 ปีเข้าไปแล้ว ผลงานการบริหารประเทศเป็นยังไง ประชาชนอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับไหม ตอบแบบไม่เกรงใจคือ “ไม่เลย”

วันนี้ประชาชนคนไทยมีแต่ “ทุกข์” แถมยังต้อง “ทน” จมอยู่กับความเดือดร้อน และรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ตั้งแต่คนรากหญ้า ยันชนชั้นกลาง พนักงานออฟฟิศ คนรวยบางคนยังบ่นอุบขนาดมีสายป่านทางการเงินยาวๆ แล้วพวกหาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้า ไม่ตายเหรอ จะอยู่กันยังไง ไม่ต้องมีเซลล์สมองเยอะก็คิดออกตอบคำถามนี้ได้

คงมีแค่นักการเมืองซีกรัฐบาล กับ บรรดาเจ้าสัวระดับต้นๆ และอภิสิทธิ์ชนเท่านั้น ที่ยังเสวยสุขอยู่ได้

ขนาดมีสารพัดตัวช่วย ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ ทำอะไรก็ไม่ผิด ใครก็แตะไม่ได้ 250 ส.ว.ก็นั่งหงอ เพราะทำคลอดมากับมือ แล้วไม่ต้องพูดเรื่องมาตามรัฐธรรมนูญ มาตามกลไกกติกา ประชาชนไม่ได้กินหญ้าขนาดมองไม่ออก ว่าเอามายกมือโหวตให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ กันไปยาวๆ 2 สมัย ไม่เอามา ไม่ออกกฎกติกาผิดเพี้ยน ไม่มี ส.ส.ปัดเศษ ก็ไม่มีทางชนะพรรคเพื่อไทย ไม่มีทางชนะแม้แต่เงา “ทักษิณ ชินวัตร” เพราะฝีมือการบริหารประเทศผิดกันราวฟ้ากับเหว

แล้วบรรดาพรรคการเมืองที่ไปร่วมลงเรือแป๊ะด้วย ถ้าฟาดแรงๆ ตรงๆ ด่ากันสาดน้ำลายใส่กันตอนเลือกตั้งแทบเป็นแทบตายเพื่อแย่งกันเป็นนายกฯ สุดท้ายมาจูบปากกัน กลืนน้ำลายไม่อายชาวบ้าน พลิกลิ้นไปเรื่อย เพราะรู้ว่าคนไทยขี้ลืม เดี๋ยวก็ลืม ที่สำคัญดีดลูกคิดดูแล้ว ไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เดี๋ยวก็เกมอีก เกมอำนาจมันเทไปทาง “บิ๊กตู่” หมดแล้ว เพราะเส้นทางสู่เก้าอี้นายกฯ ปูไว้ให้คนชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เท่านั้น คนอื่นถอยไป นักการเมืองอาชีพเล่ห์เลี่ยมจัดมีหรือจะไม่รู้

อันนั้นพอเข้าใจ เพราะการเมืองไทยมันเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ ทหารยึดอำนาจ ทุกฝ่ายก็สยบยอม นักการเมืองก็ไม่กล้าหือกล้าอือ แถมพอประเคนเก้าอี้รัฐมนตรีเกรดเอให้ก็เงียบกริบเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย แล้วออกมาบอกประชาชนแบบหล่อๆ ว่า “ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้” ฟังแล้วข้าวกลางวันแทบพุ่ง

ที่สำคัญนักการเมืองที่ยิ้มร่านั่งแช่ก้นบนเก้าอี้รัฐมนตรี นักการเมืองที่รายล้อมตัวท่านนายกฯ คนเหล่านี้ก็เคยเดินตาม “ทักษิณ” เคยพินอบพิเทา เคยร่วมบริหารประเทศกับอดีตนายกฯ ที่มีทั้งคนชอบและคนชังมากมายก่ายกองมาก่อนทั้งนั้น

7 ปีกว่าแล้วที่ประชาชนคนไทย ต้องลงเรือแป๊ะที่ฉาบทาให้ดูเป็นประชาธิปไตย มีนายกฯ ที่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นผู้นำ วันนี้เรามองไม่เห็นทางข้างหน้าเลย ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ประเทศกำลังจมดิ่งกับการบริหารประเทศของท่านและพวกพ้อง ประเทศเป็นหนี้เงินกู้เท่าไหร่แล้ว ประชาชนต้องกังวลใจทุกข์ใจว่าจะต้องตามชดใช้กันไปชั่วลูกหลานเป็นร้อยปีแบบที่พรรคฝ่ายค้านเตือนไว้ไหม!?

“คนเถรตรง” พูดในฐานะคนไทยคนหนึ่ง แม้จะเป็นเสียงเดียวในคนไทยกว่า 60 ล้านคน แต่เชื่อเหลือเกินว่ามีคนไทยจำนวนมากที่คิดเช่นเดียวกัน “พอเถอะครับท่านนายกฯ ทำไม่ได้ บริหารไม่เป็น ไม่เก่งพอ ก็ลาออกเถอะครับ” ปล่อยให้คนที่เก่งกว่าเข้ามากอบกู้สารพัดวิกฤติที่ถูกก่อในยุคท่านได้แล้ว

วิกฤติโควิด-19 ระลอกสาม คร่าชีวิตคนไทยรายวันไปแล้วเท่าไหร่ เจ็บป่วยเท่าไหร่ เศรษฐกิจพังพินาศไปแค่ไหน ร้านค้าร้านรวงปิดตัวเจ๊งระเนนระนาด กู้เงินมาก็แจกๆๆ บริหารจัดการวัคซีนก็ล้มเหลว ภาพลักษณ์ทางการเมืองก็ย่ำแย่ เอาคนมีคดีค้าแป้งมาเป็นรัฐมนตรี แม้จะมีคำวินิจฉัยแล้วว่าไม่ผิด ทำได้ แต่ภาพลักษณ์ความสง่างามไม่เหลือแล้ว ความเป็นผู้นำติดลบ ท่านอย่าโยนว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่เป็นเพราะท่านไม่ทำหน้าที่ที่ “ผู้นำที่ดี” ควรจะทำ นิติรัฐนิติธรรมไม่เหลือความน่าเชื่อถือ การสื่อสารในภาวะวิกฤติล้มเหลวทั้งรัฐบาล

นโยบายก็โลเล ล่าสุดมาประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ–ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบดึกๆ ดื่นๆ ประชาชนด่ากันสาดเสียเทเสีย เข้าใจว่ามีเหตุผล เพราะต้องการสกัดโควิดให้อยู่หมัด เป้าหมายเพื่อเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วันตามแคมเปญที่วางไว้ แต่ประชาชนเหมือน “ถูกลักหลับ” อยู่ในอารมณ์โกรธกริ้ว

แค่วิกฤติโควิด-19 ประเทศอื่นถ้าบริหารกันเละเทะแบบนี้ ผู้นำหรือรัฐมนตรีเขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกไปแล้ว อย่าง เออร์เนสโต อารัวโฌ รัฐมนตรีการต่างประเทศบราซิล ลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกวิจารณ์ถึงความล้มเหลวทางการทูต ทำให้บราซิลได้รับวัคซีนโควิด-19 น้อย, ซามีร์ โมบีดีน ลาออกจากรัฐมนตรีมหาดไทยจอร์แดน พร้อมกับรัฐมนตรียุติธรรม หลังทั้งคู่ถูกกล่าวหาละเมิดมาตรการล็อกดาวน์ ไปเข้าร่วมงานปาร์ตี้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และรัฐบาลถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์หนักถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน คือเข้มงวดแต่กับประชาชน

จูเซปเป คอนเต นายกฯ อิตาลี ประกาศลาออก แสดงความรับผิดชอบที่ควบคุมโควิด-19 ไม่ได้ ตอนนั้นมีชาวอิตาลีเสียชีวิตไปแล้วกว่า 85,000 คน, คูเรลซูค อุคนา นายกฯ มองโกเลีย ลาออก หลังประชาชนประท้วงไม่พอใจการบริหารจัดเรื่องโควิด-19 ของรัฐบาล, อิกอร์ มาโตวิก ลาออกลงจากเก้าอี้นายกฯ สโลวาเกีย หลังถูกวิจารณ์หนักเรื่องแอบทำข้อตกลงลับซื้อวัคซีนของรัสเซีย โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลและไร้ฝีมือบริหารจัดการโควิด-19

ถ้ายังดื้อนั่งเป็นนายกฯ แบบที่ประกาศว่า “มึงลองมาไล่ดูสิ” เอาจริงๆ กลไกกติกาที่ถูกจัดวางไว้อย่างแยบยลเพื่อท่านและพวกพ้อง ก็คงไม่มีใครไล่ท่านได้ ท่านอยู่ได้จนกว่าจะพอใจนั่นแหละ ประชาชนก็หลับหูหลับตาก้มหน้าทนกันไป ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่ที่ตัวท่านนายกฯ นั่นแหละ ประกาศเสียงดังฟังชัดไปเลยว่า “ผมพอแล้ว” แล้วไม่ต้องกังวลว่าไปแล้วจะเอาใครมา, ไม่ต้องกังวลว่าเปลี่ยนผู้นำกลางสนามรบในสงครามโรคแล้วจะเกิดความเสียหาย คนไทยเก่งๆ มีอีกเยอะ

ลองมองดูความจริงที่เกิดขึ้นบ้าง ลองมองไปที่ประชาชน อย่าฟังแต่เสียงสอพลอ หมดเวลารัฐบาลผู้นำทหารแล้ว หมดยุค “3 ป.” แล้ว ปล่อยมือเถอะครับ อย่าดันทุรังต่อไปอีกเลย สงสารประชาชนบ้าง.

----------------

คนเถรตรง