วันอังคาร, กรกฎาคม 20, 2564

ทำไมต้องเน้นย้ำ 3 ข้อนี้ 1. ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข 2. ปรับลดงบประมาณสถาบัน-กองทัพสู้โควิด 3. เปลี่ยนวัคซีนเจ้าสัว CP เป็นวัคซีน mRNA



กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG
18h ·

เน้นย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง
1. ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข
2. ปรับลดงบประมาณสถาบัน-กองทัพสู้โควิด
3. เปลี่ยนวัคซีนเจ้าสัว CP เป็นวัคซีน mRNA
————————————
แม้เมื่อวานจะเกิดการสลายการชุมนุมประชาชนอย่างบ้าคลั่งจากเจ้าหน้าตำรวจ ภาพที่ปรากฏออกมาคือความรุนแรงที่รัฐมีต่อประชาชนอย่างร้ายแรง กระนั้นเราก็ยังอยากจะเน้นย้ำจุดยืนข้อเรียกร้องให้ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อเตือนว่าสิ่งที่รัฐกระทำต่อประชาชนนั้น เพียงเพราะต้องการเข้าขัดขวางความต้องการขั้นพื้นฐานอันเป็นสิทธิที่ทุกคนควรเข้าถึง และได้รับอย่างเสมอภาคเท่าเทียม
————————————
ข้อ 1 #ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข
• นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นั้นจงรักภักดีขนาดที่ยอมเอาชีวิตของประชาชนเข้าแลก เพื่อทำให้บริษัทผลิตวัคซีนสยามไบโอไซเอนซ์ของกษัตริย์มีกำไร (หลังจากขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี)
เพื่อเอาอกเอาใจกษัตริย์และนายทุน ประเทศไทยจึงเต็มไปด้วยวัคซีนด้อยประสิทธิภาพจาก 3 เจ้า คือ วัคซีนเจ้าแผ่นดิน วัคซีนเจ้าฟ้า และวัคซีนเจ้าสัว
การบริหารราชการแผ่นดินโดยคำนึงถึงประโยชน์ของสถาบันกษัตริย์และเหล่านายทุนเป็นที่ตั้ง สร้างความฉิบหายและนำมาสู่ความพังพินาศของประเทศชาติ
หากปล่อยให้นายกรัฐมนตรีที่มีทัศนคติเห็นเจ้าและนายทุนสำคัญกว่าประชาชนเช่นนี้บริหารประเทศต่อไป ก็ไม่ต่างจากการที่เราทุกคนกอดระเบิดเวลาเอาไว้
การลุกขึ้นสู้ในวันที่ 18 ก.ค. จึงเป็นการลุกขึ้นสู้ที่แข่งกับเวลา เราต้องชนะก่อนที่ระเบิดเวลาที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศนี้
เราไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่จงรักภักดีต่อกษัตริย์ แต่เราต้องการนายกรัฐมนตรีที่จงรักภักดีต่อประชาชน
เราไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ทุ่มเททำงานเพื่อกษัตริย์ แต่เราต้องการนายกรัฐมนตรีที่ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชน !
————————————
ข้อ 2 #ปรับลดงบประมาณสถาบันและกองทัพสู้โควิด
• การยืนหยัดในความจริงและความถูกต้องย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายในประเทศที่เต็มไปด้วยคำสดุดีจอมปลอม
เสียงสรรเสริญเยินยอด้วยความมืดบอด ไม่อาจกลบความจริงที่ว่าการดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของปวงชน แต่เป็นการดำรงอยู่เพื่อความสุขสบายของตนบนกองซากศพของคนในชาติ
งบประมาณสถาบันกษัตริย์ 37,228 ล้าน จะมีไว้เพื่ออะไร หากประชาชนต้องตากแดดตากฝน ค้างคืนกลางถนนกับหนูและแมลงสาบ ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อต่อแถวเข้าคิวให้ได้รับการตรวจโรค
งบประมาณสถาบันกษัตริย์ 37,228 ล้าน จะมีไว้เพื่ออะไร หากประชาชนไม่มีวัคซีนที่ดี ไม่มีโรงพยาบาลสนาม หรือไม่มีแม้แต่อาหารเพื่อประทังชีวิต
งบประมาณสถาบันกษัตริย์ 37,228 ล้าน จึงไม่ได้มีไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชน
แต่มีไว้เพื่อสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้ผู้มืดบอดยังเคารพบูชาสถาบันกษัตริย์
แต่มีไว้เพื่อสร้างกองกำลังทหารที่ขึ้นตรงกับกษัตริย์ใช้ในการปราบปรามผู้ที่ตาสว่าง
แต่มีไว้เพื่อสร้างความสุขสบายให้กับครอบครัวและบริวารของกษัตริย์
ครอบครัวของเจ้ามีอยู่ไม่กี่คน ไม่มีเหตุผลต้องใช้เงินฟุ่มเฟือยหลายหมื่นล้าน
เราต้องหยุดหลอกตัวเองว่าครอบครัวกษัตริย์คือผู้มีบุญ เกิดมาบนกองเงินกองทองมีชีวิตอยู่ด้วยความสุขสบาย เพราะความจริงแล้ว ความสุขสบายทั้งหมดที่พวกเขามีตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ก็เป็นความสุขสบายที่ได้มาด้วยการกดขี่และเอารัดเอาเปรียบประชาชน
ข้อเรียกร้องให้ตัดลดงบประมาณสถาบันกษัตริย์และเปิดทุกเขตพระราชฐานสร้างเป็นโรงพยาบาลสนาม จึงเป็นข้อเรียกร้องขั้นต่ำ เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข และลดระดับการกดขี่ประชาชน
ตอนสุขท่านก็สุขอยู่คนเดียว ประชาชนไม่ได้ร่วมสุขสบายไปกับท่าน ตอนทุกข์ประชาชนก็ทุกข์แต่เพียงฝ่ายเดียว ท่านไม่ได้มาร่วมทุกข์กับประชาชน
เราต่างรู้ว่าการต่อสู้เพื่อสร้างบรรทัดฐานความถูกต้องนี้ไว้ให้ประจักษ์แก่สาธารณชนไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เราก็ยังจะสู้และยังคงก้าวเดินต่อไป เพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ที่รอเราอยู่ข้างหน้า
ด้วยความเชื่อว่าความหวังเพียงน้อยนิดย่อมดีกว่าร้อยพันความสิ้นหวัง
ข้อ 3 #เปลี่ยนวัคซีนเจ้าสัวCPเป็นวัคซีนmRNA
• รัฐบาลที่สนใจแต่จะสร้างผลกำไรให้นายทุน สั่งซื้อวัคซีน Sinovac ที่แพงและห่วยที่สุดในตลาดมาให้ประชาชนใช้ เพียงเพราะว่าเจ้าสัว CP มีส่วนได้เสียกับบริษัทผลิตวัคซีน Sinovac
การเปลี่ยนจากวัคซีนเจ้าสัว CP เป็นวัคซีน mRNA ในระดับหนึ่งจึงไม่ควรเป็นข้อเรียกร้อง แต่ถือเป็นคำสั่งจากประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ
รัฐบาลที่บริหารประเทศในช่วงวิกฤตครั้งใหญ่โดยถือประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา ย่อมนำมาซึ่งความพังพินาศของประชาชน จะพังช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเวลา แต่ตอนจบบทสุดท้ายอย่างไรก็ต้องพังพินาศอย่างแน่นอน
ตอนยอดผู้ป่วยหลัก 10 เราก็รู้ว่าการบริหารราชการแผ่นดินโดยถือประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา เป็นที่ตั้งจากหลัก 10 จะกลายเป็นหลัก 100 แต่เราก็ปล่อยผ่านไป
พอยอดผู้ป่วยถึงหลัก 100 เราก็รู้กันดีว่าหากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สนใจชีวิตของประชาชนแบบนี้ต่อไป จากหลัก 100 ก็ต้องกลายเป็นหลัก 1,000 ในอีกไม่ช้า
วันที่ยอดแตะหลัก 1,000 เรารู้กันดีว่าหากยังอยู่ในรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแบบนี้ จากหลัก 1,000 จะหลายเป็นหลัก 10,000 แต่เราก็ยังให้โอกาส มองโลกในแง่ดีว่าปาฏิหาริย์ (ไม่ใช่รัฐบาล) จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
มาถึงวันนี้ยอดแตะหลักหมื่นแล้ว หากไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เราคงเห็นจำนวนยอดผู้ป่วยเป็นแสนอย่างแน่นอน
อย่าปล่อยอนาคตของประเทศไทยไว้ในมือปรสิต
อย่าปล่อยอนาคตของประเทศไทยไปตามยถากรรม
————————————
#ประยุทธ์ออกไป
#ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
#นำเข้าวัคซีนmRNAเป็นวัคซีนหลัก