พยานคดีฮั้ว สว.กลับคำให้การ อ้างถูกข่มขู่-ยัดคดีให้ซัดทอด “ภท.”
เรื่องเล่าเช้านี้
พยานคดีฮั้ว สว.อ้างถูกข่มขู่-ล่อลวง-ยัดคดีให้ซัดทอด “พรรคภูมิใจไทย” พร้อมยื่นหนังสือถึง ดีเอสไอขอกลับคำให้การทั้งหมด
https://www.youtube.com/watch?v=A7awJb_omLM
การ ฮั้ว ส.ว. นับเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในกระบวนการ “นิติบัญญัติ”
ฮั้ว ส.ว. โกงกติกา พยานกลับคำให้การ.
อันเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของระบอบประชาธิปไตย
.
ส.ว. มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติของบรรดา “องค์กรอิสระ” ทั้ง กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่อัยการสูงสุด
.
จึงมีผลต่อการตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจทั้งหมด
.
เรื่องนี้มี “พยานเอก” คือ นาย อ. อดีต ส.ส. ภาคอีสาน ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรค ก.
.
เคยให้การต่อดีเอสไอ พาดพิงไปถึง “บุคคลสำคัญ” ในการประชุมเพื่อวางแผน ”ฮั้ว ส.ว.“ โดยมีหลักฐานประกอบถึงรูปภาพนั่งร่วมประชุมวางแผนสั่งการ
.
แถมยังมีหลักฐานเบอร์โทรศัพท์ของผู้วางแผน มีการติดต่อสื่อสารกันโดยตลอด
.
รวมทั้งบรรดา “บุคคลสำคัญ” เดินเข้าออกปรากฏตัวในโรงแรมที่ประชุมด้วย
.
ต่อมาดุลอำนาจเปลี่ยนไป ทำให้ นาย อ. กลับคำให้การใหม่ อ้างว่าก่อนหน้านี้ “ถูกข่มขู่“ สมองมึนงง เลยกลับคำให้การชนิดกลับหลังหัน
.
แต่ดีเอสไอไม่ใช่หมู เพราะมีการสอบปากคำร่วมกับอัยการ และให้พยานเซ็นคำให้การทุกแผ่น รวมถึงหลักฐานทุกชิ้นไว้อย่างแน่นหนา
.
คำให้การครั้งแรกจึงย่อมมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
.
เหมือนตำรวจจับคนร้าย ให้การครั้งแรกตอนเหตุเกิดใหม่ๆ แต่ต่อมากลับคำให้การ ศาลให้น้ำหนักคำให้การในครั้งแรกมากกว่า
.
การที่พยานกลับคำให้การจึงไม่มีผล แต่ที่มีผลคือ รอรัฐบาลนี้หมดอำนาจเสียก่อน
.
การ ฮั้ว ส.ว. ถือเป็นการ “ปล้นอำนาจประชาชน“ เป็นการ “กินรวบประเทศไทย” โดยแท้
.
แย่ยิ่งกว่าสมัย คสช. ที่เป็น “รัฏฐาธิปัตย์“ แต่งตั้ง ส.ว. ด้วยกติกาพิเศษเสียด้วยซ้ำ
.
เพราะครั้งนี้มันคือการ ”โกงกติกา“ ที่มี กกต. เป็นกรรมการผู้ควบคุม
.
การเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้ จะไม่ใช่แค่ละคร “ทศกัณฑ์ร้องไห้” ที่แม้จะเป็นยักษ์ที่ทะเยอทะยาน
.
แต่ถูกครอบงำบัญชาการโดยยักษ์อีกตนที่อยู่เบื้องหลัง ยักษ์ตนนี้หลงตัวเอง และถูกอารมณ์โมหะ กิเลสตัณหาครอบงำ
.
จนถึงขั้นสั่งการไม่ให้ยักษ์ฝั่งตรงข้ามได้ออกจากที่จองจำ
.
ความแค้นนี้จึงต้องรอเวลาชำระ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1394963121995164&set=a.496460395178779