วันศุกร์, พฤศจิกายน 21, 2568

สองแม่ค้าบะหมี่ โดน 112 จาก “ป้ายที่ 1 เรียกร้องให้ยกเลิก #มาตรา112 และป้ายที่ 2 ให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังการเมือง พร้อมข้อความ “ไปไหนก็เป็นภาระ”


ยูดีดีนิวส์ - UDD news
8 hours ago
·
อัยการสั่งฟ้อง ม.112 “เจ๊จวง – เจ๊เทียม” สองแม่ค้าบะหมี่ กรณีติดป้ายหน้าร้านเรียกร้องยกเลิก 112 – ปล่อยเพื่อนเรา ก่อนศาลอาญาพระโขนงให้ประกันตัว วางหลักประกันคนละ 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์
.
วันที่ 20 พ.ย. 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เวลา 11.00 น. ที่ศาลอาญาพระโขนง พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องคดีของ “เจ๊จวง” (สงวนชื่อสกุล) อายุ 54 ปี และ “เจ๊เทียม” (สงวนชื่อสกุล) อายุ 59 ปี สองแม่ค้าขายบะหมี่-ก๋วยเตี๋ยว ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เหตุจากการติดป้ายไว้บริเวณหน้าร้าน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรา 112, งบประมาณแผ่นดิน และเรียกร้องให้ “ปล่อยเพื่อนเรา” จำนวน 2 ป้าย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566
.
คดีนี้มี ทรงชัย เนียมหอม สมาชิกกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน (ปภส.) เป็นผู้กล่าวหา โดยทรงชัยอ้างว่า ถ้อยคำภายในแผ่นป้ายดังกล่าวนั้น เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมาตรา 112
.
เกี่ยวกับคดีนี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 เจ๊จวงและเจ๊เทียม ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.บางนา พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์โดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2566 ทรงชัยได้มากล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดตามมาตรา 112 โดยผู้กล่าวโทษพบโพสต์ภาพและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งเป็นสาธารณะ ในวันที่ 18 ม.ค. 2566 เวลาประมาณ 18.30 น. เป็นแผ่นป้ายที่ติดแสดงอยู่บริเวณหน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยว จำนวน 2 แผ่นป้าย ที่ประชาชนทั่วไปสามารถพบเห็นได้ ซึ่งเห็นว่าถ้อยคำเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญไทยและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
.
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กที่ผู้กล่าวหาอ้างว่าพบภาพและข้อความนั้น ไม่ได้เป็นของ “เจ๊จวง” และ “เจ๊เทียม” แต่อย่างใด ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
.
ต่อมาพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการพระโขนงเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2568 และอัยการนัดผู้ต้องหามารายงานตัวและฟังคำสั่งเดือนละหนึ่งครั้ง จนกระทั่งมีคำสั่งฟ้องในเดือนนี้
.
อัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 เห็นว่าป้ายที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยว มีประชาชนเดินผ่านไปมาเห็น ข้อความทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ-ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
.
.
ในวันนี้ (20 พ.ย.) ภาสวิชญ์ บัณฑิตทัศนานนท์ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 เป็นผู้เรียงฟ้อง ตามข้อกล่าวหาในมาตรา 112 โดยมีใจความสำคัญในคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2566 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำแผ่นป้ายจำนวน 2 ป้าย โดยป้ายที่ 1 ระบุข้อความที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรา 112 และป้ายที่ 2 ระบุข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังการเมือง พร้อมกับมีข้อความว่า “ไปไหนก็เป็นภาระ” มาติดไว้บนตู้กระจกร้านขายก๋วยเตี๋ยวของจำเลยทั้งสอง
.
ข้อความดังกล่าว อัยการกล่าวหาว่า เป็นข้อความที่ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถพบเห็นได้ และทำให้เข้าใจว่าพระมหากษัตริย์ พระราชินี ทรงใช้พระราชอำนาจโดยมิชอบ แสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้แก่พระองค์เอง และทรงใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน อันเป็นภาษีของประชาชนจำนวนมาก ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป และทรงเสด็จไปพระราชดำเนินที่ใด ก็เป็นภาระให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
.
อัยการระบุว่า ที่ตั้งร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสถานที่ซึ่งมีประชาชนเดินผ่านไปมา และพบเห็นข้อความดังกล่าวได้ แล้วนำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เกิดการกดไลค์ กดแชร์เผยแพร่ต่อสาธารณชน อันเป็นการจงใจ เสียดสี จาบจ้วง ล่วงเกินพระมหากษัตริย์และราชินี ให้เกิดการเสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังอย่างร้ายแรง

อัยการยังคัดค้านการประกันตัวจำเลย โดยระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูง และเป็นภัยต่อสังคม เกรงจำเลยทั้งสองจะหลบหนี
.
.

ต่อมา เวลา 14.33 น. ศาลอาญาพระโขนงอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยในระหว่างพิจารณาคดี โดยให้วางหลักประกันคนละ 200,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์
.
คำสั่งระบุว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง เห็นสมควรให้กำหนดเงินประกันคนละ 200,000 บาท จึงจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว” ลงนามคำสั่งโดย สาโรจน์ จิตต์ศิริ พร้อมกับศาลกำหนดวันนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 22 ม.ค. 2569 เวลา 08.30 น.
.
ทั้งนี้ คดีนี้นับว่าเป็นคดีมาตรา 112 คดีที่สองของเจ๊จวงที่ถูกกล่าวหา โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้พิพากษาในคดีที่เธอถูกกล่าวหาจากเหตุการปราศรัยในประเด็น ‘ขบวนเสด็จ’ หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2565 โดยพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
.
.
ขอบคุณข้อมูล : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1467897548037238&set=a.523881972438805