วันเสาร์, กันยายน 06, 2568

ใครคือคนกำหนดเกมส์เลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อผู้นำอำนาจนิยมเผชิญภัยคุกคาม และข้อชวนคิด


Siripan Nogsuan Sawasdee 
September 2
·
ใครคือคนกำหนดเกมส์เลือกนายกรัฐมนตรี
วันนี้แลกเปลี่ยนกับนิสิต จากการอ่านงาน Gandhi, J., & Przeworski, A. (2007). Authoritarian Institutions and the Survival of Autocrats.
หัวใจของงาน ชี้ว่า เมื่อผู้นำอำนาจนิยมเผชิญภัยคุกคาม สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อให้อยู่ได้ยาวนานคือ
1.ออกแบบสถาบันทางการเมืองเพื่อรองรับ ค้ำจุนอำนาจ
2.ควบรวมดึงคนเข้ามาเป็นพวก (cooptation) โดยใช้เครื่องมือทางกฎหมายทั้งเพื่อการลงโทษ หรืองดการลงโทษ
และให้รางวัล ตำแหน่ง สถานะ ทรัพย์สิน ตลอดจากการเปิดให้นโยบายบางอย่างเกิดขึ้นได้
ประเด็นที่อยากชวนคิด คือ
1.การตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องพิจารณาให้ลึกว่า ณ ขณะนี้ ใครคือคนที่ยึดกุม กำกับองคาพยพและสถาบันทางการเมือง ที่จะกำหนดทิศทางของประเทศได้ตามประสงค์ ทั้งสภาบน สภาล่าง และ องค์กรอิสระ
คิดให้ดีว่าใครกันแน่ คือผู้ที่วางแผนเดินหมากบนกระดานนี้ และความขัดแย้งชายแดนทำหน้าที่อย่างไร
การตัดสินใจเลือกคนใหม่ อาจหมายถึงการรื้อฟื้นคืนชีพระบอบเก่าที่องค์กรและสถาบันทางการเมือง ถูกควบคุมอยู่ภายใต้ศูนย์อำนาจเดียวเช่นเดิม
2.ความกลัวคนเก่าที่แว่วว่าอาจกลับมาเป็นอัศวิน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีพลังในการกำหนดการตัดสินใจเหมือนเดิมแล้ว ทำให้ตัดสินใจเลือกคนใหม่ ที่มีวาระเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องชัดแจ้งเหมือนเขียนไว้ข้างฝา เป็นเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี
3. การอพยพย้ายถิ่นครั้งใหญ่ คือ สัญญาณบ่งชี้ว่า ศูนย์กลางใหม่ของการใช้สถาบันทางการเมืองเพื่อค้ำจุนอำนาจ และดึงเข้ามาเป็นพวกอยู่ที่ใด
4. พึงระวังว่า เงื่อนไข 4 เดือนของการยุบสภาไม่มีอยู่จริง กว่าจะแถลงนโยบาย อย่างน้อยก็บวกไปอีก 1 เดือน เมื่อประกาศยุบสภา รัฐธรรมนูญกำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45 ถึง 60 วัน ให้ กกต. มีเวลาประกาศผลอีก 60 วัน และเราต้องเผชิญกับการต่อรองและความไม่แน่นอนว่าใครจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา
ระหว่างนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี อยู่ในอำนาจยาว ๆ ไป รวมแล้วอาจถึง 10 เดือน หรือกว่านั้นก็เป็นได้
5. หากมุ่งเป้าเพื่อจะแก้รัฐธรรมนูญ สิ่งที่ต้องคิดให้ทะลุคือ วุฒิสภา ซึ่งใช้อำนาจเหยียบเบรก (veto power) มาตลอด จะยอมผ่อนปรนให้จริงหรือ
อาจเป็นไปได้ เพราะถึงเวลานั้น พวกเขาก็ได้เข้ายึดกุม (capture) องค์กรทางการเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ไว้หมดแล้ว
และจะควบคุมทิศทางต่อไปได้อีก 7 ปี ตามวาระ
6. คำถามประชามติที่อาจเลี่ยง 1/3 หรือ 67 เสียงของ สว. คือ
1. “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จัดทำโดย สสร.?”
2. “หากเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ระหว่างระยะเวลาของการจัดทำ ท่านเห็นชอบให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 ใช้บังคับเป็นการชั่วคราวหรือไม่”
คำถามนี้ ไม่ใช่การเสนอแก้ รธน. 2560 ที่ต้องใช้เสียง สว. และ ถ้าประชามติผ่าน รธน. 2560 จะถูกล้มโดยปริยายด้วยอำนาจสถาปนา รธน. ใหม่ของประชาชน
7. ที่ต้องหลีกเลี่ยงที่สุดคือ ปล่อยอิสระให้ต่างคนต่างโหวต เพราะนั่นหมายถึงการดึงเข้ามาเป็นพวกโดยพลังดูดจะทำงานได้ง่าย
ดังที่แสดงในโพสก่อนหน้านี้ว่า จำนวนที่ต้องการเพิ่ม อาจไม่ถึง 50 เสียง
ดังนั้น ต้องมีมติพรรคให้ชัดเจน
8. ถ้าเอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง กรุณาตัดอคติและการเอาชนะคะคาน
เวลานี้ คือเวลาที่จำเป็นที่สุดที่ต้องหันมาเจรจา และหาทางออกร่วมกัน เงื่อนไขที่สร้างไว้ ใช่จะปรับเปลี่ยนไม่ได้ หากทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ จะยิ่งน่านับถือ เช่น จัด ครม. ร่วมกัน (ป.ล. edit เพิ่ม)
เป้าหมายคือ เพื่อประคองประเทศไม่ให้กลับไปตกอยู่ในสภาวะเดิม ที่อำนาจรวมศูนย์อยู่ภายใต้ผู้ผูกขาดองค์กรและสถาบันทางการเมือง จากการควบรวมผู้คนมาเป็นพวก

https://www.facebook.com/siripan.nogsuansawasdee/posts/31680677348190182