วันเสาร์, กันยายน 06, 2568

เมื่อไหร่จะมีความยุติธรรม


ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
4 hours ago
·
วันที่ 5 ก.ย. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีของนักกิจกรรมและประชาชนรวม 5 ราย ได้แก่ เอกชัย หงส์กังวาน, “ฟรานซิส” บุญเกื้อหนุน เป้าทอง, “ตัน” สุรนาถ แป้นประเสริฐ และประชาชนอีก 2 คน ที่ถูกฟ้องในข้อหาหลักประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 จากกรณีถูกกล่าวหาว่าขัดขวางขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินีและเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องและอัยการโจทก์อุทธรณ์ต่อมา
.
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ เห็นว่าการกระทำของทั้งห้าผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทที่หนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 จำคุกคนละ 16 ปี ส่วนเอกชัยเพิ่มโทษตามคำขออัยการโจทก์ 1 ปี 3 เดือน รวมจำคุกเอกชัย 21 ปี 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
.
ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกัน เชื่อได้ว่าจำเลยทราบว่ามีขบวนเสด็จของพระราชินี มีเจตนาพยายามขัดขวาง
.
ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยสรุปได้ว่า หลังศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนและปรึกษาหารือแล้ว คดีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์และจำเลย ดังนี้
.
1. จำเลยทราบหรือไม่ว่าขบวนที่ผ่านเป็นขบวนเสด็จ
.
จากพยานโจทก์หลายปาก เช่น ปาก พ.ต.ท.พิทักษ์ ลาดล่าย ผู้กล่าวหา เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงที่มีกจะมีการถวายพระราชกุศล ประชาชนทั่วไปอาจทราบจากการฟังข่าว วิทยุ และสื่อต่าง ๆ ได้ มีการประกาศผ่านทางพระราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่ได้ประกาศว่าจะเรื่องเส้นทางใด ปกติแล้วขบวนเสด็จใช้เวลาประมาณ 1 นาที แต่ในวันเกิดเหตุใช้เวลานานกว่านั้น แต่จำไม่ได้ว่าจะนานเท่าไร
.
พ.ต.ท.พิทักษ์ มีภารกิจหลักของพยานคือการถวายอารักขาและดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีหน้าที่สืบสวน ติดตาม เฝ้าระวังกลุ่มผู้ชุมนุม และยังได้เบิกความว่าในวันดังกล่าวประชาชนผู้รับเสด็จใส่เสื้อสีเหลือง ในขณะที่ผู้ชุมนุมสวมเสื้อหลากสี และก่อนเกิดเหตุผู้ชุมนุมอยู่ฝั่งทำเนียบรัฐบาล รวมถึงคำเบิกความพยานปากอื่น เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งหมดทราบว่ามีขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชินีผ่าน
.
2. ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้นหรือไม่
.
ที่จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่า ไม่ทราบว่ามีขบวนเสด็จฯ และเคลื่อนไปตามประกาศของแกนนำและได้ยื่นคล้องแขนกับจำเลยอื่นและผู้ชุมนุมเนื่องจากคิดว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนจะผลักดันพื้นที่เพื่อสลายการชุมนุม แต่เมื่อเห็นว่าเป็นขบวนเสด็จฯ ผู้ชุมนุมก็ได้ถอยร่นและตนก็ได้ตะโกนบอกให้ผู้ชุมนุมทราบว่ามีขบวนเสด็จฯ
.
ที่จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า ในวันเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเจ้าหน้าที่สั่งให้เลิกการชุมนุม และไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะมีขบวนเสด็จฯ ผ่าน แต่เมื่อจำเลยเห็นว่ามีขบวนรถผ่าน แต่ไม่ทราบว่าเป็นขบวนอะไร จึงได้ใช้โทรโข่งประกาศกับฝ่ายผู้ชุมนุม
.
ที่จำเลยที่ 3 ต่อสู้ว่า เห็นตำรวจยืนคล้องแขนทำให้นึกว่าจะสลายการชุมนุมและเห็นว่ามีคนถูกเจ้าหน้าที่ผลักล้มจึงให้ผู้ชุมนุมนั่งลง เพื่อให้ตำรวจหยุดการกระทำดังกล่าว รวมถึงจำเลยไม่เห็นขบวนเสด็จด้านหลังตำรวจควบคุมฝูงชน
.
ที่จำเลยที่ 4 ต่อสู้ว่า ได้ไปที่เกิดเหตุเพื่อถ่ายภาพการชุมนุมเพื่อจะขายผลงานอิสระ โดยจำเลยเห็นรถยนต์สีแดงและเห็นผู้ชุมนุมยืนชูสามนิ้ว โดยที่ไม่ทราบว่าเป็นขบวนเสด็จฯ เนื่องจากเห็นเพียงว่ามีตำรวจนั่งในรถดังกล่าว
.
ที่จำเลยที่ 5 ต่อสู้ว่า ได้ไปร่วมการชุมนุมเนื่องจากอยากลองไปสักครั้ง จำเลยไม่ทราบข้อเรียกร้องของการชุมนุม จำเลยได้ยินจากผู้ชุมนุมพูดต่อ ๆ กันว่าจะกระชับพื้นที่การชุมนุมและเห็นผู้ชุมนุมชูสามนิ้ว จึงไปร่วมชู สามนิ้วด้วย
.
ตามที่ได้วินิจฉัยไปข้างต้นว่าจำเลยทราบว่ามีขบวนเสด็จของพระราชินีผ่าน แม้จำเลยจะปฏิเสธ ข้อต่อสู้มีเนื้อหาทำนองเดียวกันกับบันทึกคำให้การ แต่จำเลยมาชุมนุมก่อนเกิดเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนต้องมาปฏิบัติหน้าที่ตามเหตุการณ์
.
อีกทั้งศาลอุทธรณ์ได้เปิดคลิปหลักฐานแห่งคดีและเห็นว่าเหตุการณ์ตามฟ้องเกิดขึ้นก่อนมีขบวนเสด็จเพียงเล็กน้อย ในคลิปปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เดินมาประกบจำเลยที่ 2 ที่ยืนประชันหน้ากับตำรวจ จำเลยที่ 2 ถือโทรโข่งและพูดประกาศหันไปทางตำรวจ
.
เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 มีเจตนาขัดขวางขบวนเสด็จฯ อย่างชัดเจนยากที่จะปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ที่อ้างว่าให้ผู้ชุมนุมนั่งเพื่อลดความรุนแรง แต่กลายเป็นการทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากมากขึ้น จึงเห็นว่าจำเลยที่ 3 จึงมีเจตนาขัดขวางขบวนเสด็จฯ
.
ส่วนจำเลยที่ 4 เมื่อจำเลยที่ 1 พูดว่าขบวนเสด็จฯ จำเลยที่ 4 ก็เดินเข้าไปและถ่ายภาพ แสดงว่าจำเลยที่ 4 ก็ร่วมขัดขวางขบวนเสด็จฯ ด้วย ข้อกล่าวอ้างของจำเลยทั้งหมดฟังไม่ขึ้น
.
พิพากษาว่า จำเลยทั้งหมดมีความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 ประกอบมาตรา 80 มาตรา 215 มาตรา 385 และกีดขวางทางจราจร โดยฐานกีดขวางทางจราจรให้ปรับทางพินัย
การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทที่หนักที่สุดตามมาตรา 110 จำคุกคนละ 16 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 (เอกชัย) รวมตามคำขอของโจทก์ เพิ่ม 1 ใน 3 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 21 ปี 4 เดือน
.
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องประกันตัวให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 วัน ทำให้วันนี้ทั้ง 5 คน ต้องถูกนำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยอดผู้ต้องขังทางการเมืองจึงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 53 ราย
.
.
อ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ที่https://tlhr2014.com/archives/78139
.....

.....

https://www.facebook.com/watch/?v=1326518355798102
iLaw 
9 hours ago
·
18:35 น. ราชทัณฑ์คุมตัวจำเลยทั้ง 5 ในคดี #ม110 ไปฝากขังเพื่อรอคำสั่งประกันตัว ซึ่งคาดว่าจะรอผลคำสั่งประกันตัวจากศาลฎีกา 3 วัน


https://www.facebook.com/iLawClub/posts/1193088959531388
iLaw 
10 hours ago
·
“กูโดนหมายเหรอ ชิบหายแล้วข้อหาอะไรเนี่ย 110 ไม่เคยได้ยิน รู้จักแต่ 112 และพอมารู้ว่าเป็นข้อหาประทุษร้ายพระราชินีก็แบบโอ้โห ยังกะผู้ก่อการร้ายทั้งๆที่จริงๆแล้ววันนั้นไม่มีอะไรเลย ตั้งกูแต่ละข้อหา 112 116 ไปถึง 110…ก็อย่างที่บอกเหมือนชะตาชีวิตมันลิขิตไว้แล้วว่าพี่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ มันคงไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมแล้ว” เอกชัย หงส์กังวาน จำเลยคดีประวัติศาสตร์ มาตรา 110 คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีขบวนเสด็จผ่านบริเวณทำเนียบรัฐบาลที่ผู้ชุมนุมคณะราษฎรกำลังเคลื่อนขบวนมาปักหลักเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563
:
5 กันยายน 2568 ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พลิกจากเดิมยกฟ้องเป็นลงโทษจำคุกเอกชัยและพวกรวม 5 คน คนละ 16 ปี เอกชัยยังพ้นโทษจากคดีก่อนหน้ามาไม่ถึง 5 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 21 ปี 4 เดือน
เอกชัยเคลื่อนไหวทางการเมืองมานานกว่า 10 ปี และเขาถูกดำเนินคดีมาแล้วอย่างน้อย 30 คดี เคยถูกเอาตัวไปเข้ากระบวนการ 'ปรับทัศนคติ' 3 ครั้ง และถูกข่มขู่ ลอบทำร้าย เผารถยนต์ รวมแล้ว 9 ครั้ง และในตอนที่รู้ว่า ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 110 ที่โทษขั้นต่ำคือ 16 ปี สูงสุดคือ 20 ปีแต่เขาไม่เคยคิดหนี
:
"มีคนยุให้หนี กูไม่หนี การหนีมันไม่ใช่การแก้ปัญหา คนส่วนใหญ่คิดว่าก้าวพ้นประเทศไทยก็รอดแล้ว แต่ถามหน่อยไปต่างประเทศมึงจะอยู่ยังไง อยู่เมืองไทยอย่างน้อยพูดภาษาไทยได้ ยังมีคนรู้จัก ไปอยู่ที่โน่นต้องพูดภาษาต่างประเทศมึงพูดได้มั้ย มีเงินมีคอนเนคชันพร้อมมั้ย ไปถึงแล้วมีคนช่วยมั้ย พี่ว่าเอาเข้าจริงแล้วลำบากกว่าติดคุกอยู่ที่นี่อีก ดูอย่างพี่พอติดคุกออกมาก็เป็นอิสระไปไหนมาไหนทำอะไรก็ได้ แต่คนที่เลือกหนีหลายคนก็ไปลำบากอยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่"
หลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสร็จ เอกชัยต้องถูกคุมตัวมารอคำสั่งประกันเกือบ 6 ชั่วโมง เมื่อเจอหน้าครั้งแรกผ่านลูกกรงเขาถามทันทีว่า โหวตนายกฯ เสร็จหรือยัง พอได้คำตอบว่า กำลังจะโหวตเขาก็เงียบไป ตอนที่เราเดินไปบอกผลมติโหวตนายกฯ เขาถามรายละเอียดว่า ใครได้คะแนนเท่าไหร่บ้าง จากนั้นเขาถามคำสั่งประกันด้วยหวังว่า ครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งที่ 7 ที่ต้องเดินเข้าเรือนจำ อย่างไรก็ตามวันนี้เขาต้องเข้าเรือนจำระหว่างรอศาลฎีกาสั่งคำร้องขอประกันในชั้นฎีกา คาดว่า ประมาณ 3 วันจึงจะทราบผล
:
ชวนรู้จักเอกชัย หงส์กังวานผ่านบทความ "จาก 112 – 110 ชีวิตติดเลขท้ายของเอกชัย หงส์กังวาน" : https://www.ilaw.or.th/articles/9746



https://www.facebook.com/sripenchan/posts/25249142158021529
สิริวรรณ ศรีเพ็ญจันทร์ 
8 hours ago
·
#saveตันสุรนาถ
พี่ตัน คนที่คนรุ่นใหม่ยอมรับ นับถือ ให้ความเคารพ และอยากร่วมงานด้วย
ทำงานขับเคลื่อนชุมชนในเมืองมานานตั้งแต่รุ่นพ่อของเขา จนวันนี้ภารกิจนี้ มาอยู่ในมือพี่ตันอย่างเหมาะสมตามกาลเวลา
.
#บางกอกฮับดีจัง พื้นที่แห่งชีวิตที่พี่ตัน ฝังเมล็ดพันธุ์การสร้างชุมชนยกกำลังดีให้ชุมชนไม่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ จำไม่ได้ว่ากี่ชุมชน แต่เราเห็นการทำงานของทีมนี้ ที่มีพี่ตันเป็นขุนพล ชวนน้อง ๆ บุกทะลวงฟันฝ่าความยาก ไปเติมความรัก ความรู้ ให้กับพี่น้องทุกคนในชุมชนที่เข้าร่วม
.
ไม่ง่ายนัก ที่จะมีคนแบบพี่ตัน ในสังคมการทำงานพัฒนา #ถ้าหัวใจไม่ใหญ่พอ
พี่ตันเชื่อมร้อยหัวจิตหัวใจ เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่ม เด็กสาวได้ทดลองชีวิต ได้ลองทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ให้มีคุณค่า ให้คนที่ไม่มีที่ไป ได้มีทิศทางชีวิตที่ชัดเจนขึ้น
.
งานหนักไม่เคยฆ่าคน พี่ตันพร้อมหนุนช่วย เป็นลมใต้ปีกให้หลาย ๆ งาน มีพลังและเกิดแสงส่องให้สังคมมองเห็น ดูให้ชัด มองให้ลึก #งานขอบป่าเฟสติวัล ก็เป็นผลงานที่ต้องก้มหัวให้กับผู้ชายคนนี้
.
ยิ่งเขียนยิ่งพรั่งพรู งานล่าสุด เราก็ทาบทามพี่ตันให้มาช่วยเป็นฝ่ายหนุนนำพื้นที่ ไม่มีคำเกี่ยงงอน มีแต่น้อมรับที่จะมา แต่งานนี้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด คนแบบพี่ตันนี้ คุณค่าของเขามีความหมายกับทุกพื้นที่ มีพลังกับทุกคนที่เข้าใกล้
.
แต่ฟ้าไม่เป็นใจ ขวากหนามแห่งชีวิตยังไม่ผ่านพ้น เหมือนขี้มูกเกรอะกรังไม่ยอมหลุดออกจากรู ทำให้ลมหายใจผ่านเข้าออกยากเย็นยิ่งยวด
.
ช็อคเมื่อเห็นข่าว เราได้แต่ภาวนา ส่งพลังบุญที่ทำและมีให้พี่ตันผ่านพ้นแบบไม่มีเงื่อนไข กลับคืนมาจะขอไปกอดให้หนำใจ
#รอฟังข่าวด้วยใจเต้นไม่ปกติ
#saveตันสุรนาถ