วันอังคาร, สิงหาคม 05, 2568

เดิน...หยุด!! แลนด์บริดจ์ เหตุรับฟังความเห็นไม่รอบด้าน มีข้อมูลผิดพลาด


https://www.facebook.com/theactive.net/posts/1168075268681153
The Active
12 hours ago
·
เดิน...หยุด!! แลนด์บริดจ์
.
.
วันนี้ (4 ส.ค. 68) เข้าสู่วันที่ 3 ของกิจกรรม “เดินหยุดแลนด์บริดจ์” โดยทาง เครือข่ายรักษ์ระนอง, เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ และภาคีเครือข่ายภาคใต้ เริ่มเดินรณรงค์จากหน้าศูนย์ราชการ ไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อยื่นหนังสือให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เรียกร้องให้ยุติเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 (ค.3) โครงการท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง จ.ระนอง และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ไว้ก่อน
.
เครือข่ายฯ อ้างว่า พบข้อบกพร่องเรื่องเนื้อหารายงาน EHIA และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ได้มีตัวแทนสำนักงานจังหวัดมารับหนังสือและรับปากว่าจะประสานเรื่องนี้ให้กับผู้ว่าฯ โดยด่วน
.
หลังจากนั้นเครือข่ายฯ ได้ร่วมรณรงค์ความเข้าใจให้กับผู้คนในพื้นที่เมืองระนอง เพื่อนำเสนอข้อมูล และเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง และโครงการแลนด์บริดจ์ ให้กับประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงในบางมิติที่อาจจะไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อน
.
โดยอธิบายถึงเหตุผลที่ทางเครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง ที่ต้องถมทะเลอ่าวอ่างกว่า 7,000 ไร่ กังวลจะกระทบกับการทำประมงพื้นบ้านทั่วพื้นที่ จ.ระนอง ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการแลนด์บริดจ์ ที่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของ จ.ระนอง อย่างหนัก
.
ขณะที่ในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค. 68) เครือข่ายฯ ยืนยัน จะไปร่วมคัดค้านเวทีรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ณ โรงแรมเฮอริเทจฯ อ.เมืองระนอง โดยเป็นเวทีภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ทั้งนี้เพื่อขอให้ทบทวนร่างรายงานฉบับสมบูรณ์การประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อมเเละสุขภาพ (EHIA) ทั้งโครงการพัฒนาท่าเรืออ่าวอ่าง จ.ระนอง และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร
.
.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตรวจข้อสอบ EHIA แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ตัดเกรด F สอบตกทุกกระบวนการศึกษา
https://theactive.thaipbs.or.th/.../social-movement-20250802


https://www.facebook.com/iLawClub/posts/1166418932198391
iLaw
12 hours ago
·
เดินเท้าหยุดเวทีค. 3 แลนด์บริดจ์ ระนอง เหตุรับฟังความเห็นไม่รอบด้าน มีข้อมูลผิดพลาด
3 สิงหาคม 2568 ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์ระนองทำกิจกรรม “เดินหยุดแลนบริดจ์” ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเริ่มเดินกันตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากท่าเรือยางคด ตำบาลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนองปลายทางคือ ไปคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งทีสามของโครงการสร้างท่าเรือแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่เฮอริเทจ แกรนด์ คอนเวนชั่น ตัวเมืองจังหวัดระนอง เหตุผลสำคัญคือ กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ไม่รอบด้านและไม่ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งยังมีข้อมูลที่ผิดพลาด
.
ท่าเรือแหลมอ่าวอ่างเป็นหนึ่งในชุดโครงการแลนด์บริดจ์ระนองและชุมพร ตามแนวคิดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เป็นแนวคิดที่เกี่ยวเนื่องจากเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2557 – 2566 ที่ต้องการให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก แนวนโยบายดังกล่าวจึงปรากฏผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี 2561 - 2580
--------
ขอบเขตศึกษาไม่ครอบคลุมพื้นที่ได้รับผลกระทบจริง
อภิศักดิ์ ทัศนี จาก Beach for life เล่าภาพรวมของโครงการแลนด์บริดจ์ว่า มีโครงการหลักสามโครงการคือท่าเรือสองฝั่งที่ต้องถมทะเลที่บริเวณแหลมอ่าวอ่าง อำเภอเมือง จังหวัดระนองและแหลมริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ซึ่งกำลังจะมีการรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่จังหวัดระนองและวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่จังหวัดชุมพร มอเตอร์เวย์ซึ่งกำลังจัดทำรายงานรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และทางรถไฟที่ทำรายงานเสร็จแล้วและเตรียมเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
ในกระบวนการจัดทำรายงานผลประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ปรากฏปัญหาเรื่องการกำหนดขอบเขตของการศึกษาที่จำกัดอยู่เพียงรัศมี 5 กิโลเมตรและศึกษาผู้ได้รับผลกระทบเพียงหกชุมชน ทั้งที่ข้อมูลจากการลงพื้นที่ก็สะท้อนให้เห็นว่า มีชุมชนรายล้อมพื้นที่ท่าเรือที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการศึกษาได้รับผลกระทบด้วย
.
.
อภิศักดิ์ยกตัวอย่างความสมบูรณ์ของพื้นที่ในทะเลบริเวณใกล้กับพื้นที่ท่าเรือ มีกรณีของดอนตาแพ้วที่เป็นซากปะการังที่มีสัตว์น้ำชุกชุมถึงขนาดว่า ถ้าเป็นฤดูกุ้งแชบ๊วย เพียงชาวประมงวางอวนจะมีกุ้งติดขึ้นมาจำนวนมาก เมื่อวางพิกัดท่าเรือที่จะสร้างคือจะทับพื้นที่ดอนตาแพ้วครึ่งหนึ่งเลย นอกจากนี้จากการลงพื้นที่ยังพบแหล่งปะการังที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระบุว่า เป็นแหล่งปะการังเสื่อมสภาพ ในรายงานสนข.ก็อ้างเช่นเดียวกัน แต่จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า แหล่งปะการังสมบูรณ์มาก
ในการเก็บข้อมูลมีการติดจีพีเอสในเรือประมงของชาวมอร์แกน เกาะช้าง ชาวประมงบริเวณท่าเรือ 37 และชาวประมงที่ม่วงกลวง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ศึกษาของรายงานผลประเมินผลกระทบฯ เรือประมงดังกล่าวจะวิ่งออกตามแนวคลองและทับกับพื้นที่ท่าเรือและดอนตาแพ้ว “ความหมายคือ ชาวบ้านทั้งหมดนี้เขาคือ ผู้ได้รับผลกระทบถ้ามีโครงการนี้เพราะเขาออกทะเลและมาหาปลาตรงดอนตาแพ้วและถ้าดอนตาแพ้วถูกทับด้วยท่าเรือถมทะเลขนาดใหญ่ ความหมายคือ เขาหากินไม่ได้ นี่คือสิ่งที่สนข.ไม่ได้เขียนเลยและตัวเลขชาวประมงพวกนี้ไม่ได้อยู่ในรายงานสนข.เลยว่า ใครจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบบ้างจากการทำประมงริมชายฝั่ง” สรุปคือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตามรายงานของสนข. มีหกชุมชนนั้นไม่จริง
--------
ชุมชนประมง ขอหยุดเวที ค. 3 ทบทวนกระบวนการรับฟังความเห็นใหม่
เบญจวรรณ ทับทิมทอง ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์เล่าว่า ท่าเรืออ่าวอ่างที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)จะมาเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ท่าเรือดังกล่าวจะเป็นท่าเรือที่ถมลงไปในทะเลจำนวนประมาณ 7,000 ไร่ และมีสะพานยื่นออกไปในทะเลเพื่อเชื่อมกับท่าเรือ สะพานดังกล่าวเป็นการปักตอม่อและกินพื้นที่ของป่าชายเลนประมาณ 2,500 ไร่ ซึ่งกระทบกับพื้นที่แรมซาร์ที่อยู่ใกล้กับท่าเรือ มีการถมทะเลที่เรียกว่า ดอนตาแพ้วใกล้กับเกาะพยามที่เป็นพื้นที่ทำกินของชาวประมง ทั้งนี้รายงาน EHIA วางพื้นที่ในการศึกษาอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรที่ไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจริง
ก่อนหน้านี้ในเวทีรับฟังความคิดเห็นมีการระบุว่า การถมทะลแทบไม่ได้รับผลกระทบกับสัตว์น้ำเพราะจากการสำรวจพบสัตว์น้ำมีประมาณ 4-5 ชนิด ครั้งนั้นประชาชนที่ฟังอยู่ทักท้วงว่า เป็นการสำรวจที่ผิดเพราะในความเป็นจริงบริเวณอ่าวอ่างมีสัตว์ทะเลจำนวนมากประมาณ 200 ชนิดและมีสัตว์ทะเลที่หายากด้วย เช่น พะยูน โลมาและวาฬ
--------
ดารารัตน์ ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์อีกคนหนึ่งเล่าว่า เธอเป็นคนระนอง เกิดที่กะเปอ อยู่ที่นี่มาสี่รุ่นแล้ว ราว ๆ ร้อยปี ในชุมชนมีคนประมาณ 2,000 คน หรือ 500 ครัวเรือน ครอบครัวและชุมชนพึ่งพิงอยู่กับการทำประมงพื้นบ้าน หากมีโครงการแลนด์บริดจ์ พื้นที่ชุมชนและใกล้เคียงจะได้รับผลกระทบเพราะจะมีการถมทะเลทำเป็นท่าเรือ ปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ จะหายไป
ตอนนี้การรับรู้ของคนในชุมชนเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ยังน้อยด้วยวิถีชีวิตชาวประมงที่ต้องทำงานทุกวัน กระบวนการรับฟังความคิดเห็นบางครั้งมีจดหมายเชิญมาในระยะเวลากระชั้นชิด เช่น มีนัดหมายรับฟังความเห็นพรุ่งนี้ แต่วันนี้หนังสือเพิ่งมาถึง ทำให้เตรียมตัวไม่ทันเพราะว่า ชาวประมงต้องทำมาหากิน มีการวางไซ วางอวนทิ้งไว้แล้ว ทำให้การรับฟังความคิดเห็นแล้วส่วนใหญ่แล้วจะมีผู้นำท้องถิ่นไปฟัง บางครั้งเขาก็มาบอกว่า มีโครงการเข้ามาแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดมากมาย
.
.
เธอเคยบอกว่า เธอเขาไปฟังรายละเอียดโครงการในเวทีรับฟังความเห็นครั้งแรกก็ได้ข้อมูลว่า ทรัพยากรธรรมชาติจะไม่ถูกรบกวน จะไม่ได้รับผลกระทบและได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อเข้าไปในเวทีครั้งที่สองพบว่า มีผลกระทบเยอะมาก ข้อเท็จจริงจากทั้งสองเวทีไม่ตรงกัน ทำให้เธอต้องคัดค้านโครงการและเมื่อไปดูรายละเอียดจริงๆ คือ ผลกระทบจากโครงการนี้ในจังหวัดระนองค่อนข้างเยอะ
ในรายละเอียดโครงการมีการพูดถึงการเยียวยา แต่ในความเป็นจริงการจะเข้าถึงสิทธิเยียวยาเป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้เนื่องจากในพื้นที่ระนองเป็นพื้นที่สปก.และป่าชายเลน ซึ่งไม่มีโฉนด
รายงานผลประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่ส่งมาล่าสุด 1,300 หน้า มีรายละเอียดที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง มีข้อเท็จจริงของชลบุรีและระยองเข้ามาด้วย ทั้งที่รายงานนี้เป็นรายงานในพื้นที่ระนอง ทำให้มองว่า รายงานการรับฟังความคิดเห็นนี้ไม่รอบคอบไม่รัดกุม
.
.
เป้าหมายสูงสุดที่ต้องการเวลานี้คือหยุดการรับฟังความคิดเห็นครั้งที่สาม ให้กลับไปทบทวนใหม่และมาฟังเสียงชาวบ้านจริงๆ ไม่ใช่ฟังเพียงผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการหรือกลุ่มเศรษฐกิจ หากมีโครงการแลนด์บริดจ์เธอต้องย้ายออกจากพื้นที่ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ที่พี่น้องชาวประมงอยู่มักติดทะเล “[การย้ายออก]ต้องนับหนึ่งใหม่เพราะมันไม่มีอะไรเลย อายุก็เยอะ ไม่มีใครเขารับทำงานแล้ว…ถ้าเกิดว่ามีโครงการนี้ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้และจะไปอยู่ตรงไหนเพราะจังหวัดระนองมี 20 เปอร์เซ็นต์ที่มีโฉนดที่มีเจ้าของแล้วจะไปอยู่ตรงไหน”