
Puangthong Pawakapan
1d
My two cents #แนวรบด้านศิลปะ
ตลอดปีที่ผ่านมา กิจกรรมการเมืองของเยาวชนซบเซาลงเพราะถูกอำนาจรัฐเล่นงานกดปราบด้วยสารพัดวิธีอันเลวทราม แต่แนวรบด้านศิลปะกลับคึกคักอย่างยิ่ง กลุ่มศิลปินที่ได้ชื่อว่าท้าทายวัฒนธรรมอำนาจนิยม-จารีตประเพณีจัดแสดงผลงานหลายที่หลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งงานเล็กงานช้าง ตามดูกันไม่หวาดไม่ไหว --- เช่น ของอ.ทัศนัย เศรษฐเสรี, ตะวัน วัตุยา, มิตร ใจอินทร์, สุมาลี เอกชนนิยม, วนะ วรรลยางกูล, เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล, อาจิณโจนาธาน อาจิณกิจ, ประกิต กอบกิจวัฒนา ฯลฯ
อาจจะมีงานของคนอื่นๆ อีกที่เราไม่รู้จัก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเพราะเป็นมือใหม่หัดดูงานศิลปะ แม้ว่าจะเข้าไม่ถึงหลายงาน แต่ก็อยากติดตามอยากรู้ว่าวงการนี้เขาทำอะไรกันอยู่ แล้วการดูงานศิลปะก็ไม่เคยทำให้ปวดไมเกรน บ่อยครั้งเดินออกจากงานด้วยจิตใจเบิกบาน มีเรื่องให้คิดต่อ มีเรื่องที่เราต้องเรียนรู้อีกมาก
เบิกบานมากขึ้นเมื่อมองเห็นภาพใหญ่ว่าแนวรบด้านศิลปะของฝ่ายทวนกระแสกำลังเติบโตมากขึ้น มีพื้นที่ในสังคมมากขึ้น งานของพวกเขาได้รับการต้อนรับจากคนเสพศิลปะทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ทราบจากเพื่อนในวงการว่าผู้อุปถัมภ์ (patron), ผู้เสพ-สะสมงานศิลปะในปัจจุบันคือคนรุ่นใหม่รายได้สูง คนกลุ่มนี้เบื่อหน่ายศิลปะแนวจารีตประเพณี ด้านหนึ่งพวกเขามาพร้อมกับกระแสสังคม-การเมืองที่กำลังเปลี่ยนด้วย ศิลปินสายทวนกระแสจึงมีผู้อุปถัมภ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ พวกเขาจึงยืนยันตัวตนทางศิลปะของตนเองได้โดยไม่ต้องก้มกราบงอนง้อพวก establishment.
ในอดีต ศิลปะแนวทวนกระแส มักปรากฏเป็นแค่ส่วนหนึ่งของขบวนการนักศึกษาหลัง 14 ตุลา เป็นส่วนประกอบที่มาช่วยสนับสนุน-สร้างสีสันให้กับการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาในรูปของรูปคัทเอาท์ขนาดใหญ่ โปสเตอร์ต่างๆ ซึ่งไม่มีการเก็บรักษาไว้หลังจบงาน ศิลปะแนวนี้หดหายไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ศิลปินก็ดูไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการทำงานศิลปะแนวนี้ ยิ่งขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองอ่อนแอลง ศิลปะพุทธนิยม-ชาตินิยมก็ยิ่งงอกงามมากขึ้น สร้างรายได้มหาศาลให้กับศิลปินแนวนี้ งานของพวกเขาครอบครองพื้นที่แสดงศิลปะทั้งของรัฐและเอกชนมากว่าครึ่งค่อนศตวรรษ หน่วยงานราชการก็ซื้อแต่งานแนวนี้ไปประดับตบแต่งสถานที่ราชการ พวกเขาดูจะมองไม่เห็น ไม่ให้ค่าศิลปะสายทวนกระแสเอาเสียเลย แม้ว่าศิลปินหลายคนที่เอ่ยมาข้างต้นจะไปโด่งดังในต่างประเทศมาหลายปีแล้วก็ตาม
แล้วบ่อยครั้งคนไทยก็ต้องรอให้ต่างชาติแสดงการยอมรับก่อน เราจึงจะเห็นว่าเรามีเพชรวางอยู่ตรงหน้ามากมาย บางคนดังระดับโลก พวก establishment ของไทยก็ยังไม่รู้ว่าจะสัมพันธ์กับเขาอย่างไร (เช่น เจ้ย อภิชาตพงศ์ ในฐานะผู้สร้างหนัง) พูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่ากะลาที่ครอบอยู่นั้นแข็งจนไม่สามารถใช้วิจารณญาณได้เอง ต้องรอให้ฝรั่งชี้ให้ดูก่อน หนึ่งในปรากฏการณ์ที่สำคัญคือเมื่อสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ซื้อผลงานและจัดแสดงงานของศิลปินสายทวนกระแส เช่น ตะวัน วัตุยา ทัศนัย เศรษฐเสรี มิตร ใจอินทร์ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล – เพื่อนฝูงบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานราชการยอมควักกระเป๋าสนับสนุนงานศิลปะสายนี้!
นี่คือสิ่งบอก turning point ที่สำคัญ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้รู้สึกเบิกบานได้อย่างไร







