วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 22, 2565

เรือหลวงสุโขทัย อับปาง คือความผิดพลาด ในความผิดพลาด ในความผิดพลาด ในความผิดพลาด - รอฟังข่าว ผบ.ทร.ลาออก

พรรตก้าวไกล

จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ รวมต่อเนื่องกัน นำมาซึ่งวิกฤตที่ยิ่งใหญ่กว่าได้อย่างไร ?

1. เรือหลวงสุโขทัย ซึ่งเป็นเรือคอร์เวต 1 ใน 5 ของกองทัพเรือได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปร่วมทำพิธีครบรอบ 100 ปี การสิ้นพระชนม์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ออกเดินทางจากกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เดินทางไปที่ จ.ชุมพร

2. นอกจากกำลังพลประจำเรือ 76 คนแล้ว ยังมีหน่วยนาวิกโยธิน (นย.) และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) อีก 30 คน รวมเป็น 106 คน ร่วมเดินทางไปด้วย นั่นทำให้เสื้อชูชีพที่มีอยู่ในเรือไม่เพียงพอ แต่กองทัพเรือกลับก็ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ล่วงหน้าให้มีเพียงพอกับกำลังพลทุกคนบนเรือ

3. หลายคนในนั้นถูกบังคับเกณฑ์ทหาร ไม่ได้มาเป็นทหารด้วยความสมัครใจ และว่ายน้ำไม่เป็น!

4. กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนคลื่นลมแรงในอ่าวไทย เรืองดออกจากฝั่ง ผู้ว่าฯ จ.สุราษฎร์ธานี เซ็นคำสั่งห้ามออกเดินเรือทุกประเภท และแน่นอน กองทัพเรือไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งนี้ คำถามสำคัญ คือกองทัพเรือเห็นภารกิจทำพิธีสำคัญกว่าความปลอดภัยของกำลังพลและเรือหรือไม่? และภารกิจมีความจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหนที่ต้องฝ่าคลื่นลมแรง

5. แต่แค่คลื่นลมแรงก็ไม่ทำให้เรือลำหนึ่งล่มได้ โดยเฉพาะเรือรบที่มีระบบป้องกันน้ำเข้าเรือ รวมทั้งป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเข้าเรือก่อนที่เรือจะล่มด้วย ทำให้มีความทนทะเลมากกว่าเรือเดินสมุทรปกติ แถมอ้างจากการแถลงข่าวของกองทัพเรือ เรือลำนี้เพิ่งผ่านการซ่อมบำรุงใหญ่เมื่อปี 2563 อายุการใช้งานเรือก็ยังเหลืออีกนับสิบปี

6. ที่น่าติดตามต่อคือ การซ่อมบำรุงเรือนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นไปตามมาตรฐานหรือเปล่า หรือจะมีการทุจริตเกิดขึ้น จนทำให้อุปกรณ์เกิดปัญหาใช้การจริงไม่ได้ จนเกิดโศกนาฏกรรมในที่สุด

7. ภายหลังที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว การเข้าไปให้ความช่วยเหลือก็มีความล่าช้า เพราะตั้งแต่เมื่อรู้ว่าเรือมีปัญหาในเวลา 18.16 น. กว่าความช่วยเหลือจะเข้าไปถึงก็เป็นเวลา 20.30 น. หรือกำลังพลบนเรือต้องอยู่ในสภาวะวิกฤตกว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างนี้สามารถให้ความช่วยเหลือทางอากาศก่อนได้ เช่นการส่งเสื้อชูชีพให้เพียงพอ

8. เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว การไม่เปิดเผยโปร่งใสในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ของกองทัพเรือ ทำให้สถานการณ์นี้เปลี่ยนจาก ‘วิกฤติ’ เป็น ‘หายนะ’ ตอนแรกบอกทุกคนปลอดภัย ผ่านไปคืนนึงค่อยมาบอกว่ายังหาไม่พบอีก 31 ชีวิต / ผ่านไปหลังจากนั้น กองทัพเรือใช้เวลากว่า 40 ชั่วโมง เมื่อจนมุมกับพยานหลักฐานและพยานบุคคลซึ่งเป็นกำลังพลในกองทัพเอง จึงค่อยยอมรับว่าเสื้อชูชีพมีไม่เพียงพอ และยังให้สัมภาษณ์ที่ทำให้คนทั้งประเทศเดือดอีกด้วยการบอกว่า “การมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรอดชีวิต”

9. เมื่อกองทัพเรือของสหรัฐอเมริกา – อังกฤษ – มาเลเซีย ติดต่อแสดงความพร้อมร่วมภารกิจค้นหาผู้ประสบภัย แต่ทหารเรือไทยกลับปฏิเสธ และบอกว่าจะขอไปเมื่อมีความจำเป็น….

ถ้า..ถ้าเราไม่บังคับเกณฑ์ทหาร จะไม่มีทหารเรือที่ว่ายน้ำไม่เป็น เพราะทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบความรู้ความสามารถจึงจะมาเป็นทหารได้ถ้ากองทัพเรือยอมเลื่อนพิธีการออกไปหรืองดเดินเรือในอ่าวไทยช่วงคลื่นลมแรงตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน เรือหลวงสุโขทัยก็คงไม่เข้าไปเสี่ยงภัยโดยไม่จำเป็นถ้าการซ่อมบำรุงดี ไม่มีทุจริต อุปกรณ์ป้องกันอันตรายบนเรือก็คงจะป้องกันเรือล่มได้ถ้ากองทัพใส่ใจในชีวิตกำลังพลมากกว่านี้ ก็คงเตรียมเสื้อชูชีพไปให้เพียงพอถ้ากองทัพยอมให้นานาชาติเข้าร่วมภารกิจ ก็มีโอกาสช่วยคนได้มากกว่านี้เมื่อเกิดวิกฤตแล้ว ถ้าดำเนินการทุกอย่างโดยเปิดเผยโปร่งใส ก็คงจะไม่กลายมาเป็นหายนะอย่างตอนนี้ที่ประชาชนทั้งประเทศไม่เชื่อมั่นในกองทัพอีกแล้ว

ถ้า ถ้า ถ้า ถ้าเราไม่ปฏิรูปกองทัพ ก็คงจะเกิดหายนะแบบนี้ขึ้นอีก ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตเมื่อมีเรือดำน้ำแล้ว เกิดเหตุแบบนี้ จะไม่ยิ่งสูญเสียไปมากกว่านี้อีกหรือ???

21 ธันวาคม 2022
https://www.moveforwardparty.org/news/16176/