เกือบจะถึงปีใหม่ในไตแลนเดีย พวกสูงๆ สนุกสนานและครื้นเครง บนความกระอักกระอ่วนของระดับล่างๆ ชนิดที่อยู่บนหิ้ง เช่น ‘กบ’ กับ ‘ปัง’ คนพี่ไปปิดสิมิลัน เกาะ ๗ กับเกาะ ๙ ดำน้ำเล่น ห้ามผู้ประกอบการท้องที่แหยม ส่วนคนน้องไปภูเก็ตขี่เจ็ตสกี
ส่วนระดับที่นั่งปรัม เป็นประธานการประชุม ก็ “ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า” กับคนที่นั่งข้างล่าง หยามเหยียดสติปัญญา “โง่เป็นควายเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย” เมื่อผู้น้อยรายงานเกี่ยวกับ “กระบวนการในการปลูก จนกระทั่งกระบวนการเก็บเกี่ยวและการนำส่ง ครับท่านครับ”
สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซักไซ้ ‘ขจร’ บุคคลากรผู้รายงาน “มึงจบอะไรมาวะ” พอเขาตอบว่ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ (เหมือนกับทั่น) ยังซักต่อ “เฮ้ย ทำไมมึงโง่อย่างนั้นวะ คุณรุ่นอะไรล่ะ คุณรุ่นอะไร...เข้าปีอะไรล่ะ”
เขาตอบว่า เข้าเรียนปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสยามอะไรสักอย่าง ก็ร้อง “อ้ออออ กูว่าแล้ว” ถามอีกว่าเรียนภาคผู้บริหารหรือภาคปกตินี่ เขาอึกอักนิดนึงแล้วบอกว่าเป็น ‘ไออาร์สาม’ ครับท่านครับ
ปลัดฯ ดันไม่รู้ว่าไออาร์น่ะ International Relations เป็นสาขาของรัฐศาสตร์มาแต่ไหนๆ สมัยก่อนพวกเรียนแผนกนี้มักตั้งเป้าไปอยู่กระทรวงต่างประเทศกัน ทั่นปลัดฯ บอก “หา แปลว่าอะไรวะ” เขาก็ตอบว่าเป็นหลักสูตรเลือกเรียนได้
ไม่วายเติมสร้อย “ครับท่านครับ” ปลัดฯ ได้แต่ “เหะเหะ โธ่ ไอ้ห่า มหาลัยเดี๋ยวนี้ชอบหาตังค์ เปิดหลักสูตรอะไรไม่รู้มั่วไปหมด” ต้นตอดราม่า ‘วจีขยี้ปัญญา’ ของทั่นปลัด มท. มาจากต้องการอวดภูมิตนเองกับลูกน้องนั่นละ
“อุปสงค์เท่ากับอุปทานนี่ภาษาเศรษฐศาสตร์เค้าคืออะไรรู้ปะ เขามีศัพท์ว่าไงนะ” ขจรดันตอบภาษาปะกิดว่า “ดีมานด์ซัพพลาย ครับท่านครับ” ทั่นปลัดฯ ถึงได้ “โธ่เอ๊ย” อวดศักดา “คนที่เรียนรัฐศาสตร์จุฬา เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว นะ
อุปสงค์เท่ากับอุปทานเนี่ย เขาเรียกว่าตลาดสัมบูรณ์...ก็คุณมีตลาดสัมบูรณ์แล้ว คุณไม่ต้องช่วยอะไรแล้ว” ทั่นหมายถึงมันยังไม่สัมบูรณ์ “ถ้าใช่คุณจะต้องพาสินค้าเกษตรออกนอกทำไมเล่า” แหม่ทั่นก้อ ส่งนอกเนี่ยมันได้เงินตราต่างประเทศเก็บเป็นทุนสำรองไง
เฮ้อ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปบุลลี่ลูกน้องต่อหน้าธารกำนัลถึงขนาดนั้น มันเป็นสันดอนเห้ๆ ห้าๆ เหมือนใครคนหนึ่งนะ ที่ชอบยักคิ้วหลิ่วตา
(ขอบคุณคลิปจาก https://twitter.com/AmaratJeab/status/1608495175772565505)