วันศุกร์, ธันวาคม 30, 2565

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ฝากให้ "พญามัจจุราช" ใคร่ครวญ เรื่องผลของการกลับมาของ ม.112 ด้วย หลังจากไม่มีการบังคับใช้เกือบ 2 ปี


Suchart Sawadsri
13h
ส่งท้ายปี 2565
ฝากให้ "พญามัจจุราช" ใคร่ครวญ
ม.112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เป็นผลดีต่อ "สถาบันกษัตริย์"
.....
iLaw
 13h
การกลับมาของ #มาตรา112 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 หลังจากไม่มีการบังคับใช้เกือบ 2 ปี ส่งผลให้ในปี 2563-2565 เป็นช่วงเวลาที่มีผู้ถูกดำเนินคดีเป็นตัวเลขสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือจำนวนอย่างน้อย 225 คน ใน 243 คดี
และในปี 2565 ก็มีคดีมาตรา 112 ที่ทยอยมีคำพิพากษาออกมาแล้วจำนวน 33 คดี ซึ่งส่วนมากเป็นประชาชนทั่วไปที่ใช้โซเชียลมีเดียแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์
โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 17 ใน 26 คดีที่ศาลพิพากษาว่ามีความผิด ศาลลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี ซึ่งเป็นบทลงโทษขั้นต่ำสุดของมาตรา 112
สำหรับผลคำพิพากษาทั้งหมด ไล่เรียงกันจากโทษเบาไปหนักได้ดังต่อไปนี้
คดีที่ยกฟ้องทุกข้อหา : 6 คดี
1) คดีของอิศเรศ : โพสต์ข้อความถึงการไม่แต่งตั้งกษัตริย์ใหม่หลังการสวรรคต
16 มีนาคม 2565 ศาลจังหวัดนครพนมยกฟ้องโดยระบุว่า ข้อความไม่ได้แสดงความอาฆาตมาดร้าย ไม่ได้ระบุถึงบุคคลให้รู้ได้แน่นอนว่าเป็นใคร พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอ และเมื่อไม่ผิดตามมาตรา 112 จึงไม่มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
2) คดีของทิวากร : โพสต์ภาพตนเองสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” และอีก 2 ข้อความ
29 กันยายน 2565 ศาลจังหวัดขอนแก่นยกฟ้องทั้งมาตรา 112 และมาตรา 116 โดยระบุว่าข้อความและรูปภาพของจำเลยเป็นการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้กล่าวถึงองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ
3) คดีของสุริยศักดิ์ : ส่งข้อความผ่านไลน์
5 ตุลาคม 2565 ศาลอาญา รัชดา พิพากษายกประโยชน์ความสงสัยให้แก่จำเลย เนื่องจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีมีความขัดแย้งกันและพบพิรุธหลายประเด็น เช่น การเบิกความของพยานโจทก์ การพิสูจน์ตัวตนของจำเลยในการใช้บัญชีไลน์
4) คดีของ "วารี" : คอมเมนต์รูปการ์ตูนบนเฟซบุ๊ก และอีก 2 โพสต์
6 ตุลาคม 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากพยานโจทก์ไม่เพียงพอให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ และมีเพียงผู้กล่าวหาคนเดียวที่เบิกความว่าจำเลยโพสต์ แต่กลับเบิกความถึงการเห็นโพสต์แตกต่างกัน อีกทั้งภาพที่นำมาแจ้งความไม่ปรากฏ URL ประกอบการคำเบิกความของพยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเห็นว่า ภาพมีการตัดต่อมา
5) คดีของพิพัทธ์ : โพสต์ภาพรัชกาลที่สิบในรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส
26 ตุลาคม 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานเป็นเพียงการแคปภาพหน้าจอ ไม่ใช่สิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง จึงไม่สามารถนำสืบได้ว่าข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีจุดเริ่มต้นส่งข้อมูล และปลายทางส่งข้อมูลเป็นอย่างไร หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งเป็นข้อมูลระบุตัวตนสำคัญ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
6) คดีของ "ชัยชนะ" : โพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์
21 ธันวาคม 2565 ศาลจังหวัดนราธิวาสยกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวจริง ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ที่เป็นพยานจำเลยก็เบิกความว่า ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกเผยแพร่อยู่บนอินเทอร์เน็ต สามารถถูกนำไปตัดต่อ ปลอมแปลงเป็นภาพและข้อมูลเท็จได้ นอกจากนั้นจากการตรวจสอบโทรศัพท์ของจำเลยก็ไม่พบว่ามีประวัติการเข้าถึงเฟซบุ๊กที่เป็นปัญหาในคดีนี้ ประกอบกับจำเลยมีอาการทางจิต จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
คดีที่ยกฟ้องเฉพาะมาตรา 112 แต่ลงโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ : 1 คดี
1) คดีของ “วุฒิภัทร” : โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ 3 จำเลยกรณีสวรรคต ร.8
25 มีนาคม 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการยกฟ้องโดยเห็นว่า องค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เนื่องจากเห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป จึงพิพากษาจำคุก 1 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
คดีที่พิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 : 26 คดี
รอกำหนดโทษ : 2 คดี
1) คดีของชลสิทธิ์ จากการโพสต์ภาพวาดล้อเลียน รัชกาลที่ 10 ลงในสตอรี่เฟซบุ๊ก
ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ พิพากษาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี ให้คุมความประพฤติไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง เนื่องจากไม่เคยทำผิดมาก่อนและขณะโพสต์รู้เท่าไม่ถึงการณ์
2) คดีของ "โจ" จากการแชร์โพสต์ข้อความจากเพจเยาวชนปลดแอกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโอกาสครบรอบ 7 ปี การรัฐประหาร
ศาลจังหวัดลำปางพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี โดยพิจารณาถึงพฤติการณ์ของจำเลย ประวัติส่วนตัว ที่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน ทั้งนี้ ในการสอบคำให้การของศาล โจได้ตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา และศาลได้มีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์จำเลยเพิ่มเติมก่อนพิพากษา
รอการลงโทษ (รอลงอาญา) : 7 คดี
1) คดีของ “บุญลือ” จากการคอมเมนต์ถึงลักษณะที่ดีของกษัตริย์และความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันฯ
ศาลจังหวัดพังงาพิพากษาเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพราะจำเลยรับสารภาพ ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี โดยให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง และทำกิจกรรมบริการสังคม 12 ชั่วโมง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อตักเตือนก็ยินยอมลบข้อความ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองหรือหวังผลอย่างอื่นใด
2) คดีของ “ณชา” จากการคอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพราะจำเลยรับสารภาพ พร้อมเหตุผลว่า จำเลยไม่เคยรับโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนครั้ง ภายใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง และริบโทรศัพท์ที่เป็นของกลาง
3) คดีของจรัส จากแสดงความคิดเห็นวิจารณ์แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9
คดีนี้ ในเดือนสิงหาคม 2563 ตำรวจแจ้งข้อหาจรัสตามมาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่มาแจ้งข้อหาแจ้งมาตรา 112 เพิ่มภายหลังการประกาศใช้กฎหมายทุกบททุกมาตราของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยใน 30 พฤศจิกายน 2564 ศาลจังหวัดจันทบุรีศาลยกฟ้องมาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่า องค์ประกอบมาตรา 112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ให้มีความผิดตามมาตรา 14(1) ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือนและปรับเงิน 26,666.66 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ใน 1 ปี
ต่อมา ในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จังหวัดจันทบุรี กลับคำพิพากษา เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2565 โดยเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากเห็นว่า การกระทำต่อพระมหากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้วนั้น ย่อมกระทบมาถึงกษัตริย์องค์ปัจจุบันด้วย ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
4) คดีของพิทยุตม์ จากการวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10
คดีของพิทยุตม์เป็นคดีมาตรา 112 ที่มีเหตุสืบเนื่องจากการการวางเพลิงคดีแรก ที่มีคำพิพากษาออกมา โดยศาลจังหวัดอุดรธานีพิพากษาเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 5 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง
5) คดีของ "พนิดา" จากการพ่นสีใต้พระบรมฉายาลักษณ์ในเมืองพัทยาจำนวน 2 จุด
ศาลจังหวัดพัทยาพิพากษาเมื่อ 14 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 2 ปี 12 เดือน แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี พร้อมทั้งให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
6) คดีของ เพชร ธนกร จากการปราศรัยในการชุมนุมคนนนท์ท้าชนเผด็จการ (ม็อบ10กันยา63)
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางจังหวัดนนทบุรี พิพากษาเมื่อ 22 ธันวาคม 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่พิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุ 17 ปี เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน และให้รอลงอาญา 2 ปี
7) คดีของ "อัปสร" จากการแชร์โพสต์ข้อความของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ วิจารณ์ราชวงศ์ไทย
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ให้จำคุก 4 ปี แต่ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี เพราะจำเลยรับสารภาพ ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี กับคุมประพฤติโดยให้ไปรายงานตัว 3 ครั้งภายในระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
8 ) คดีของธัญดล จากการแชร์โพสต์จากเพจ “KonthaiUK” 2 ข้อความ
ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพากษาเมื่อ 27 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รับสารภาพ เหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวม 2 ปี 12 เดือน แต่เห็นว่าจำเลยสำนึกผิด ประกอบกับไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญา 3 ปี และให้คุมประพฤติ 3 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง
กรรมละ 2 ปี ได้แก่ คดีของเพชร ธนกร จากการปราศรัยในการชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ เมื่อ 6 ธันวาคม 2563
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิพากษาเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2565 ว่าแม้คำปราศรัยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ ม.142 (1) เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นคุมประพฤติ นำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี
กรรมละ 3 ปี
1) คดีของ “ปุญญพัฒน์” ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 4 ข้อความ
ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาเมื่อ 20 มิถุนายน 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 12 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 4 ปี 24 เดือน
2) คดีของพอร์ท ไฟเย็น ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 15 สิงหาคม 2565 ว่าข้อความทั้งสามเป็นข้อมูลเท็จ ให้จำคุกกรรมละ 3 ปีรวม 9 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 6 ปี
3) คดีของสมบัติ ทองย้อย ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาเมื่อ 28 เมษายน 2565 ว่าจากการโพสต์ 3 ข้อความ มี 2 ข้อความที่เป็นการกระทำด้วยเจตนาเดียวกัน เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน สมบัติจึงมีความผิด 2 กรรม ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี ไม่มีเหตุลดโทษ
4) คดีของ “กัลยา” ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 2 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 2 สิงหาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี ไม่รอการลงโทษ ไม่มีเหตุลดโทษ
5) คดีของอุดม ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 7 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 26 กรกฎาคม 2565 ว่ามีความผิด 2 ข้อความ จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือโทษจำคุก 4 ปี โดยอีก 4 ข้อความ ศาลมองว่าไม่ครบองค์ประกอบเนื่องจาก ม.112 คุ้มครองเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ขณะที่อีก 1 ข้อความ โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหมายถึงบุคคลใด
6) คดีของนรินทร์ ถูกกล่าวหาว่าแปะสติกเกอร์ “กูkult” คาดทับพระเนตรบนพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 10
ศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 4 มีนาคม 2565 ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ ให้จำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษจำคุก 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี
7) คดีของ นิว จตุพร ถูกกล่าวหาว่าใส่ชุดไทยเลียนแบบพระราชินี
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาเมื่อ 12 กันยายน 2565 เห็นว่าจำเลยมีการแสดงตนเป็นราชินี ในเชิงล้อเลียนเสียดสี ก่อให้เกิดความตลกขบขัน จำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี
8 ) คดีของภัคภิญญา ถูกกล่าวหาว่าแชร์เฟซบุ๊ก 6 ข้อความ
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิพากษาเมื่อ 19 ตุลาคม 2565 ว่ามี 3 ข้อความที่เข้าข่ายมาตรา 112 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 9 ปี
9) คดีของสุทธิเทพ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 1 ข้อความ
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
10) คดีของพรชัย ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 3 ข้อความ
ศาลจังหวัดยะลา พิพากษาเมื่อ 15 ธันวาคม 2565 ว่ามี 1 ข้อความที่เข้าข่ายมาตรา 112 ให้จำคุก 3 ปีให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 2 ปี ในขณะที่อีก 2 ข้อความให้ยกฟ้องเนื่องจาก ภาพหลักฐานไม่ปรากฏ URL ที่มาของข้อความในเอกสารที่นำมาแจ้งความ
11) คดีของอุกฤษฏ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ 5 ข้อความ
ศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 21 ธันวาคม 2565 ให้จำคุกกรรมละ 3 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน รวม 5 ปี 30 เดือน และเนื่องจากคดีเป็นเหตุร้ายแรง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและดูหมิ่นเกลียดชังสถาบันฯจึงไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ
กรรมละ 4 ปี ได้แก่
1) คดีของมีชัย ถูกกล่าวหาว่า โพสต์วิจารณ์การใช้ภาษีของสถาบันกษัตริย์ โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาเมื่อ 18 กรกฎาคม 2565 ว่าข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ มีเจตนาลดเกียรติและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ จำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอการลงโทษ
2) คดีของ "ปณิธาน" ถูกกล่าวหาว่า คอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส โดยศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 4 ปี รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี ทั้งนี้ ศาลระบุว่าจากรายงานการสืบเสาะจำเลยประกอบอาชีพสุจริต ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ต้องเลี้ยงดูครอบครัว แต่การกระทำของจำเลยทำให้กษัตริย์เสื่อมเสียเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นความผิดร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
กรรมละ 5 ปี ได้แก่
1) คดีของ "พลทหารเมธิน" ถูกกล่าวหาว่าพาดพิงกษัตริย์ระหว่างเถียงกับคู่กรณีที่ขับรถเฉี่ยวชน โดยคดีนี้พิจารณาในศาลทหารกรุงเทพ เมื่อ 11 สิงหาคม 2565 จำเลยให้รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
2) คดีของ พิทักษ์พงษ์ ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความพาดพิงถึงความประพฤติของกษัตริย์ โดยศาลอาญา รัชดา พิพากษาเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2565 ให้จำคุก 5 ปี รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน และเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
อ่านทั้งหมดบนเว็บไซต์ https://freedom.ilaw.or.th/node/1100