โถ รมช.สา’สุขเขาพูดเหมือนน้อยใจอะนะ “ไม่หวังพึ่งแอสตร้าเซเนก้ารายเดียวแล้ว” หลังจากได้รับแจ้งว่า “ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ตามกรอบระยะเวลาที่ไทยได้แจ้งไว้ภายในสิ้นปี ๒๕๖๔ จำนวน ๖๑ ล้านโด๊สเซส ซึ่งถูกเลื่อนไปเป็นเดือน พ.ค. ๒๕๖๕”
มองเผินๆ เหมือนรัฐบาลถูกเทเอาดื้อๆ แบบนี้หัวหน้า ‘ตู่’ ควรจะหัวฟัดหัวเหวี่ยง หน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ไอ้บริษัทนี้น่ะ แต่ทุกๆ คนก็สงบเสงี่ยมยอมรับโดยดุษฎี มิหนำซ้ำนายกฯ ยังไปพูดส่งภาพไปสมุย เปิดโมเดล ‘พลัส’ “คืนรอยยิ้ม คืนความสุข” ปิดหน้ากากใครจะเห็น
ทว่าคนจำนวนมากเห็นโพสต์ ถือแถน@pran2844 เอ๊ะยังไง “ซื้อของและจ่ายเงิน ๖ พันกว่าล้านโดยที่ไม่รู้จะได้ของวันไหน” หารู้ไม่ว่านี่ละมาตรฐานประยุทธ์และพวกไง ตอนไปทำปราสาททรายที่ภูเก็ต ก็สร้างภาพโคตรหรู เจอคลื่นซัดปราสาททะลาย ไม่รู้ไม่ชี้
อ้างชื่อใหม่ ‘โมเดลสมุย’ + (Plus) ซึ่งมีความหมาย ‘positive’ เหมือนกับตรวจเจอเชื้อโควิด-๑๙ ก็ได้นะ ถ้ายังเป็นการบริหารจัดการแบบเดิมๆ โดยคนกลุ่มเดิม สักแต่ว่าทำๆ ไปตามเพลง เกิดผิดขึ้นมาถ้าโทษคนนั้นคนนี้ไม่ได้ แค่ยอมรับกลายๆ
“มันมีข้อคลาดเคลื่อนนิดหน่อย” สาธิต ปิตุเตชะ บอกว่าเท่านั้นเอง เพราะในสัญญาต้นตอ “ไม่มีการระบุเงื่อนไขและข้อกำหนดเรื่องเวลาส่งมอบ บอกเพียงแค่เรื่องจำนวน” มีคนมากมายอยากรู้ว่าเนื้อแท้ในสัญญาว่าไรแน่ โดยเฉพาะ ‘ก้าวไกล’ ฝ่ายค้าน
ทั่นรัฐมนตรีช่วยฯ บอกได้แค่ “เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวัง ไม่สามารถเปิดเผยได้” กับการที่ทำสัญญาสั่งซื้อและจ่ายเงินไปแล้ว ๖,๐๔๙,๗๒๓,๑๑๗ บาท ไปตั้งแต่ ๑๗ พฤศจิกา ๖๓ ประชาชนเพิ่งรู้วานนี้ว่าไม่มีการกำหนดวันเวลาส่งมอบของ
ทั้งๆ ที่ “แอสตร้าฯ ดูจะมีปัญหาความรับผิดชอบต่อลูกค้าของตัวเองในหลายประเทศ” ดัง Puangthong Pawakapan ฟันธง เธอยกตัวอย่างกรณีที่บรัทนี้ถูกสหภาพยุโรปฟ้อง “แม้ว่าสัญญาที่อียูทำจะหละหลวมเช่นเดียวกับรัฐบาลไทย คือไม่มีบทลงโทษ”
แต่อียูก็ฟ้องสำเร็จ “ศาลมีคำสั่งให้แอสตร้าฯ ต้องส่งวัคซีนเพิ่มให้อียู (แม้ว่าจำนวนที่ศาลสั่งจะน้อยกว่าที่อียูต้องการ) หากทำไม่ได้ จะต้องถูกปรับโด๊สละ ๑๐ ยูโร” กรณีไทย รัฐบาลคงไม่มีกล้ามพอทำได้อย่างนั้น “เมื่อผู้ผลิตแอสตร้าฯ คือ SBS”
ข้อสันนิษฐาน อจ.พวงทอง น่าเชื่อถือ “เป็นไปได้หรือว่าบริษัทแอสตร้าทั้งในไทยและยุโรป ไม่รู้ความสามารถในการผลิตของตนเอง...ทำสัญญาไปก่อน เอาออเดอร์มาเยอะๆ แล้วทยอยส่ง...พอฉีดเข็มหนึ่งแล้ว ก็ต้องรอเข็มสอง ลูกค้าจะไปไหนเสีย”
มีนักข่าวถามว่าแล้วเงิน ๖๐๐ กว่าล้านบาทที่รัฐบาลยัดเข้าไปอุดหนุนสยามไบโอไซน์ ให้ใช้ลงทุนปรับสมรรถนะมาผลิตวัคซีนสำหรับโควิดล่ะ ประเทศชาติจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร นายสาธิตตอบอะไรไม่ได้ เว้นแต่ว่า “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเจรจา”
Chaturon Chaisang สรุปภาพรวมให้ “ได้ว่าในปีนี้ แอสตร้าเซเนก้า คงส่งมอบวัคซีนได้ประมาณครึ่งหนึ่งหรือ ๓๐ ล้านโด๊สเซส” และ “ไม่สามารถใช้วัคซีนซิโนแว็ค ๓๐ กว่าล้านโด๊สเซสนี้ตามแผนได้...บางคนก็เสนอให้ฟ้องแอสตร้าเซเนก้า”
แบบนั้นก็ทำไม่ได้อีก “เมื่อไม่ได้กำหนดในสัญญาว่าจะต้องส่งมอบภายในเมื่อไหร่ ก็ไม่ทราบจะฟ้องว่ายังไง หากฟ้องได้ก็ไม่ทราบว่าฟ้องแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” เข้าข่ายปัญหางูกินหางอีกละ “เท่ากับแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลล่มแล้ว”
กระนั้นตอนนี้มีฮึกใหม่เรื่องวัคซีนทางเลือกที่ดีกว่า
เมื่อสภากาชาดไทยอันมีพระกนิษฐาธิราช เทพรัตนราชสุดาฯ เป็นอุปนายิกา
ได้ติดต่อสั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์น่าเป็นจำนวน ๑ ล้านโด๊ส จะนำมาฉีดให้ประชาชนฟรี ไม่ต้องรอกลางปีหน้า
เสริมชุดไฟ้เซอร์ ๒๐ ล้านโด๊สเซสที่ นพ.บุญ วนาสิน ติดต่อไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำสัญญากันไปเมื่อวานนี้ (๑๕ ก.ค.) ผ่านองค์กรหลัก ๑ ใน ๕ ของประเทศ ซึ่งขอปิดชื่อไว้จนกว่าจะเสร็จกระบวนการจัดซื้อตามระเบียบของรัฐบาล
เป็นไปได้ว่าองค์กรนั้นก็คือ ‘สภากาชาดไทย’ ซึ่งได้รับงบประมาณจากภาษีหลักหมื่นล้าน (ดู กานดา นาคน้อย@kandainthai) เนื่องเพราะต้องเป็น “หน่วยงานของรัฐที่จะเป็นตัวแทนไปเจรจากับ Pfizer โดยทางบริษัทไม่สามารถคุยกัเราได้โดยตรง”
สำหรับวัคซีนโมเดอร์น่าที่เครือโรงพยาบาลธนบุรีติดต่อขอซื้อไว้ก่อนหน้านี้ผ่านองค์การเภสัชกรรม “ไม่รู้เขาจะตัดหรือไม่ เพราะไปมีเรื่องกับเขา ตอนแรกเราขอซื้อคนเดียว ๕ ล้านโด๊สเซส...สภากาชาดไทยขอไป ๑ ล้านโด๊ส” และ รพ.ธนบุรีก็ถูกตัดเหลือ ๘ แสน
ลงเอยสภาวะการระบาดโควิดในไทยขณะนี้ยังมองไม่เห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงก์ เพราะปัญหาวัคซีนมีไม่พอ มาไม่ทัน แล้วเอาผิดตรงไหนไม่ได้ ไม่มีใครรับผิด มีแต่ผู้รับชอบที่ ต่างคนต่างพยายามลื่นไหลเอาตัวรอด ผลักเวรผลักกรรมให้ประชาชน
(https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/posts/354049412752418, https://twitter.com/kandainthai/status/1415842754383564800, https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/4425591520824906 และ https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1652809438421661)