วันอังคาร, กรกฎาคม 20, 2564

คนธรรมดาที่กล้าหาญ เป็นขวัญใจชั่วข้ามคืน



ปิดอกแม่ค้า อยุธยา เล่านาทีสุดอัดอั้นโวยจนท. ฟาดแรง รบ.เป็นภาระ ถ้าเป็นนายกฯ จะปลดส.ว. เอาเงินมาซื้อวัคซีน

จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปคุณป้าขายอาหาร ปะทะคารมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ลงพื้นที่ตรวจร้านข้าวเปิดขายเกินเวลา จนเกิดการถกเถียงระบายความในใจในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ต้องทำตามมาตรการของรัฐ แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยา

แม่ค้าสุดอัดอั้น สวนกลับ ตร.สั่งปิดร้านตามมาตรการเคอร์ฟิว ลั่น ได้แต่สั่ง-ไม่ฟังความลำบาก ปชช.

รายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD วันที่ 19 กรกฎาคม ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เปิดใจสัมภาษณ์ นงนุช ก้อนทอง เจ้าของร้านอาหาร และ สงวน ฆ้องคำกล เจ้าของร้านนวดแผนโบราณ ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการล็อกดาวน์

นงนุช ก้อนทอง เจ้าของร้านอาหาร กล่าวว่า เปิดร้านอาหารไทยอีสาน หมูจุ่ม มา 7 ปีกว่า ๆ แล้ว เป็นแม่ครัวเอง และมีลูกน้องด้วย ร้านเริ่มเงียบลงตั้งแต่โควิดรอบแรก ก่อนหน้านั้นยังไม่เดือดร้อน ยังพออยู่ได้ มีรายได้ต่อเดือน หักทุกอย่างแล้วอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท แต่พอโควิดมาก็ล้มเลย ลูกน้องต้องแยกทางสะเปะสะปะ

“ก่อนโควิดมีลูกน้อง 15 คน พอโควิดเข้ามาก็ปิดตามเขาสั่ง อย่างแรกเลยจะทำยังไงกับลูกน้อง ก็พยายามช่วยถูๆไถๆไป จนไม่ไหวแล้ว ก็บอกลูกน้องไปตรงๆ ลูกน้องเลยกระจัดกระจายกลับบ้าน มันล้มไปหมด ถึงขั้นเกือบจะเลิกกิจการเลย เพราะมันต้องแบกทุกอย่าง ตลอดทั้ง 4 เดือน มันหนักตรงค่าเช่าที่เดือนละ 18,000 บาท เขาไม่มีมาตรการเยียวยาลดหย่อนอะไรให้เลย เจ้าของที่เขาก็บอกว่าถ้าไม่ไหวก็ออกไป มีคนอื่นเขาพร้อมจะมาอยู่ต่อ เขาตอบมาแบบนี้ก็อึ้งไปเหมือนกัน แล้วก็จำไว้ว่าไม่ต้องร้องขออะไรอีกต่อไป” นงนุช กล่าว

ทั้งยังเล่าว่า โควิดรอบแรก ได้เงินเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน ที่เขาให้ประชาชนทุกคน แต่สำหรับร้านไม่มีเลย ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ต้องการเยียวยาเลย เราแค่ต้องการทำมาหากินให้ได้ เราเชื่อในศักยภาพของเรา ขอให้เราทำมาหากินให้ได้ ไม่ว่ารัฐจะมีมาตรการอะไรก็แล้วแต่ ขอให้รัฐได้ให้เราทำมาหากินในเวลาที่เราต้องทำ ทุกวันนี้รายได้ก็ต้องถูๆไถๆ เราไม่หยุดขาย

“เรามีประสบการณ์จากครั้งแรก ครั้งแรกที่เราหยุดไปเลย จนเราจิตตก เราคิดว่าเดี๋ยวภาครัฐจะเข้ามาช่วย เราคอย แต่มันก็ไม่มี ครั้งนี้เรารู้ตัวแล้วว่าไม่มีใครช่วยเราแล้ว เราก็เลยต้องเตรียมตัว เปลี่ยนจากขายอาหารเป็นขายผัก ช่วงสี่ทุ่มถึงตีสี่ก็ทำของขายส่งให้พี่สาวที่ตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาท”

นงนุช ยังได้เล่าถึงคลิปวิดีโอ ที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ว่า ส่วนเรื่องคลิปที่แชร์กันในโลกออนไลน์นั้น จุดเริ่มต้นคือ มาม่า 2 ซองเท่านั้น มีลูกค้ามาสั่ง วันนั้นเราปิดร้านแล้ว ปิดไฟหมด กำลังขนของเก็บร้านกัน มีน้อง 2 คนมาขอซื้อข้าว เพราะหิวมาก เราบอกว่าข้าวหมด แต่เขาหันไปเห็นมาม่า เขาก็ขอซื้อเป็นมาม่า เราก็ลุกขึ้นไปทำให้เขา ระหว่างกำลังทำ เราก็ได้ยินเสียงเรียกเจ้าของร้าน หันไปเห็นแสงไฟไซเรนอยู่หน้าร้าน เราก็เลยออกไป แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาสอบถามและพูดคุย ขอความร่วมมือให้ปิดร้าน ตามคลิปที่เห็น”

แม่ค้ารายดังกล่าว ยังเผยด้วยว่า ถ้าได้เป็นนายกฯ จะปลด สว. ทั้งหมด เอาเงินเดือนทั้งหมดมาซื้อวัคซีน มาช่วยโควิด ปลดทหาร เอางบมาทำเตียงสนามให้หมด เพราะเราไม่รู้จะรบอะไรกับใครแล้ว เรารบกับโรค ไม่จำเป็นต้องซื้ออาวุธ ในวันนี้ ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร



“อยากจะบอกผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยาเลยว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ เราเปลี่ยนจังหวัดของเราได้ไหม เปลี่ยนหอประชุม เป็นโรงพยาบาลสนาม ให้ไม่ต้องไปแออัดกันที่โรงพยาบาล ใช้สอยสถานที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ณ เวลานี้ เรารอวัคซีนไม่ได้แล้ว สมุนไพรใช้ได้ก็ต้องเอามาใช้ คนไทยไม่มีทางเลือกแล้ว ตอนนี้ประชาชนได้แต่ลองผิดลองถูก เพราะไม่มีการวิจัยที่ชัดเจน เราเลยมีความรู้สึกว่า อะไรเราก็ไม่ได้ วัคซีนก็ไม่ได้ เลยอยากให้ผู้ว่าฯ อยุธยา สนับสนุนเรื่องสมุนไพร ทำขึ้นมาเป็นอยุธยาโมเดลเลยก็ได้”

“ฝากวอนถึงผู้ว่าฯ นี่มันคือชีวิตคน จะต่างด้าวหรือใครเขาก็มีชีวิต ทำไมปล่อยให้นอนรอความตาย ไม่ต้องให้หรอก เงินเยียวยา ตอนนี้รัฐบาลคือภาระ เพราะสิ่งที่คุณคิดออกมามันคือการขัดขวางการทำมาหากิน คุณคือภาระ ตอนนี้เราหมดหวังกับรัฐบาลแล้ว แต่เราหวังกับท้องถิ่นมากกว่า เขาสามารถเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า

“ถ้าประชาสัมพันธ์ดีๆ เชื่อเลยว่าประชาชนให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ผบ.ทร. เขาบอกว่ามีความจำเป็นต้องยื่นซื้อเรือดำน้ำ แต่ความจำเป็นของเราก็คือค่าที่ กับค่ากินของเรานี่แหละ เราเชื่อว่า ที่รัฐประกาศจะเปิดประเทศใน 120 วัน เขาทำได้ เพราะเขาอยากจะเปิดเขาก็เปิด เขาไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้นหรอก ถ้า 14 วันต่อจากนี้ มันไม่ดีขึ้น ขอให้ภาครัฐ รู้ตัวไว้เลยว่าพวกคุณล้มเหลว หลังจากนี้พวกคุณควรจะฟังประชาชนให้มากกว่านี้” นงนุชกล่าว

ด้าน สงวน ฆ้องคำกล เจ้าของร้านนวดแผนโบราณ เล่าว่า ตนเปิดร้านนวดมา 14 ปีแล้ว มีลูกค้าทั้งคนไทยทั้งต่างชาติ เมื่อก่อนรุ่งเรืองมาก หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลืออยู่ 3 – 4 หมื่นบาท มีลูกน้อง 14 คน สถานการณ์เริ่มแย่ตั้งแต่ก่อนโควิดแล้ว ยิ่งพอมาโควิดยิ่งหนักขึ้นไปอีก มองไปทางซ้ายทางขวาก็ไม่รู้จะทำยังไงดี รอบแรกยังดีที่พอมีเงินเก็บ รอบสองมาอีก เงินเก็บก็ยิ่งร่อยหรอลงไปทุกที เราก็พยายามพยุงเอาไว้ ดึงเอาไว้จนสุดแขนแล้ว หนักถึงขั้นที่ไปสมัครขายตัว แต่เขาไม่รับเพราะแก่เกินไป ความรู้สึกความเสียใจมันเยอะมาก เราไม่รู้จะไปพึ่งพาใคร

“เราตัวคนเดียว เราเป็นตัวหลักที่หาเงินให้แม่ด้วย ตอนนี้ไม่ต้องถามว่าแย่ขนาดไหน มันคือศูนย์เลย ไม่มีรายได้ เข้ามาเลย ไม่เคยมีหน่วยงานไหนลงมาดูอะไรเลย มีแต่พอมีมาตรการออกมาก็แค่ลงมาบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง เราก็ทำตามทุกอย่าง ร้านนวดเป็นอย่างแรกที่เจอ มันก็ไม่ได้ต่างกับร้านตัดผม แต่ร้านตัดผมเปิดได้ ร้านนวดต้องปิด การเยียวยาอะไรก็ไม่มี เราได้จากที่เขาให้ทุกคน ซึ่งมันไม่พอหรอก ตอนนี้มีแต่เงินเก่าที่ใช้กินอยู่ จนมันใกล้จะหมดแล้ว ตอนนี้หนักที่สุดในชีวิต”

“อยากให้รัฐบาลทำอะไรให้มันไว แล้วคล่องแคล่วกว่านี้ บอกว่า 3 เดือนจะดีขึ้น แล้ว 3 เดือนนั้นจะให้เรากินอะไร ค่าเช่าค่าใช้จ่ายมันตามมาตลอดแล้วเราจะอยู่ยังไง คิดว่าอีก 2 – 3 เดือนก็คงจะลาแล้ว เพราะมันไม่ไหว ยังมองไม่เห็นเลยว่าจะทำอะไรต่อ ตะวันจะขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้มันสุดเอื้อมแล้ว เงินเยียวยาผมไม่อยากได้หรอกครับ เอาเงินมาให้อย่างกับขอทาน ผมขอแค่ให้ประชาชนได้ออกมาทำงานได้ก็พอ” สงวน กล่าว

สงวน ตั้งข้อสงสัยถึงการ ซื้อปืน ซื้อเรือดำน้ำ ด้วยว่า เอามารบกับใคร มารบกับโควิดเหรอ เอาปืนไปยิงโควิดมันตายไหม เรือดำน้ำเอามาให้ใครนั่ง มันไม่ได้ ยังไงก็ต้องประชาชนมาก่อน ผมดูข่าวทุกวัน เห็นคนล้มตายทุกวัน ใกล้บ้านผมมีรถมารับไปตลอด ตอนนี้เป็นพ่อแม่พี่น้องก็ยังรังเกียจกันเลย เดี๋ยวนี้กลับบ้านไปก็ไม่ได้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปทั้งหมด จนผมคิดว่าเราเป็นอินเดียไปแล้ว จากที่ไม่เคยมีหนี้สินก็ต้องมี เพื่อทำให้สิ่งที่ผมรักอยู่ต่อไปให้ได้

“ที่รัฐบาลบอกว่าอีก 120 วัน จะเปิดประเทศได้ ผมที่จบ ป.4 ยังไม่เห็นหนทางเลยว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง เวลาคุณจะเก็บภาษี คุณให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตลอด แต่พอเราเดือดร้อน คุณไม่เคยมีใครลงมาดูแล มาตรวจสอบเลย คุณให้มาอย่างกับพวกผมเป็นขอทาน กว่าจะได้อะไรมาต้องลงทะเบียนนั่นนี่ ยิ่งคนรุ่นเก่าๆ เขายิ่งทำไม่เป็น” สงวนทิ้งท้าย

สามารถติดตามรายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ภายใต้การผลิตของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35 และสามารถรับฟังผ่านทาง hitz955.com