https://www.facebook.com/timpitaofficial/videos/139799584827818
Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
9h ·
[ เราต้องการรัฐบาลที่มีความสามารถมาจัดการวิกฤตโควิด-19 ที่ประเทศกำลังเผชิญ ]
.
100 นาทีต่อหนึ่งคน คือ สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขนี้ มากที่สุดในรอบ 20 ปี และยังไม่นับรวมอีก 1,800 ชีวิตที่ต้องสูญเสียจากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
.
เราจะต้องใช้น้ำตาอีกกี่หยด ใช้ชีวิตคนไทยอีกกี่ชีวิตกว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะตื่นและได้ยินเสียงร้องไห้ของพี่น้องประชาชนคนไทยเสียที
.
ยังไม่นับว่า โควิดระลอก 3 มีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาไปแล้วอีก 6,500 คน หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 500,000 ล้านบาท คนว่างงานและคนถูกลดชั่วโมงทำงานอีก 5,000,000 คน ร้ฐบาลมักอ้างว่า ทุกประเทศก็เหมือนกัน ทุกประเทศก็ลำบาก ควรต้องเลิกอ้างได้แล้ว เพราะเวลานี้ไทยแย่กว่าอเมริกา แย่กว่าอินเดีย และแย่กว่าค่าเฉลี่ยขอเอเชียถึง 2 เท่า
.
ในช่วงเช้า ผมตั้งใจจะมาถามนายกรัฐมนตรีว่า รัฐบาลจะตั้งรับปัญหาโควิด-19 อย่างไร จะทำอย่างไรให้เปลี่ยนจากการทำงานเชิงรับเป็นเชิงรุก และจะแก้ปัญหาวัคซีนอย่างไรเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าได้
.
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อวานนี้ ส.ส.รัฐบาลก็ไม่มาประชุม วันนี้สภาตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีก็ไม่มีใครมาตอบ ดังนั้น วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอดทัน เพราะอดทนมามากพอแล้ว
.
นายกฯ มีทั้งอำนาจ มีทั้งงบประมาณ แต่ปล่อยให้คนไทยตายเป็นใบไม้ร่วงกันแบบนี้ ผมและคนไทยอีกหลายคนรับไม่ได้ครับ ผมคิดว่าถ้า ศบค. ไม่สามารถปกป้องชีวิตคนไทยได้ ก็ควรยุบ ศบค. ไปเสีย
.
ความจริงการตั้ง ศบค. ถือว่าถูกต้องตามหลักการบริหารในภาวะวิกฤติที่ต้องมีการรวมศูนย์ เพื่อลดคนตัดสินใจ มีความเร็ว ไว มีเอกภาพ และมีทั้งคนรับผิดและคนรับชอบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น กลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตาลปัดหมด
.
นายกรัฐมนตรีมีแต่อำนาจแล้วไม่รับผิดชอบ ศบค. มีไว้เพื่อกลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ งบซ้อนงบ นอกจากไม่ทำตามหลักบริหารในภาวะวิกฤติที่ผู้นำควรทำแล้ว การสื่อสารยังสับสน ไม่รู้ใครตัดสินใจ ช้าเกินไป สายเกินไป น้อยเกินไป ทำแต่สิ่งที่ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น ดังนั้น เราต้องยุบ ศบค. เพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติที่ตรวจสอบได้ เป็นทิศทางเดียวกัน และแก้ปัญหาได้
..
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการยุบ ศบค. วงจรอุบาทว์ก็จะยังไม่หายไป จะต้องปรับ ครม. ด้วยการหารัฐมนตรีเก่งๆมาดูแล ต้องมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่สามารถติดต่อหาวัคซีนได้
.
ต้องหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ไม่ใช่ใช้วิธีกระจายความเสี่ยงช่วงที่มีโรคระบาดด้วยการเอาคนออกข้างนอก
.
"ต้องหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่รู้เรื่องสาธารณสุขจริง "
.
ต้องมีรัฐมนตรีว่าการกระรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่รู้เรื่องแรงงานจริงๆ ต้องรู้ว่าเงินจากกองทุนประกันสังคมไม่ใช่เงินที่จะเอาไปใช้เพื่อเยียวยา เพราะท่านมีเงินกู้อยู่แล้ว และต้องรู้ว่าจะดูแลแรงงานให้ครอบคลุมอย่างไรทั้งในระบบนอกระบบ แรงงานข้ามชาติ
.
ต้องมองเห็นว่าต่อไปการบริหารด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องเดียวกันอย่างแยกไม่ออก จากนี้ไป ถ้าทำกับเขาเหมือนไม่ใช่คนไทยแบ่งแยกแรงงานข้ามชาติ ต่อไปพอถึงเวลาที่จะต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็จะกลายเป็นไม่มีแรงงาน ต้องคิดร่วมกัน ต้องเอาคนรุ่นใหม่ที่เก่งๆ มีความจริงจัง เข้าใจ อยู่กับประชาชนเข้ามามาทำงานให้สำเร็จ
.
การแก้ปัญหาโควิด-19 ลำดับแรกที่ต้องทำให้ได้คือการคัดกรองเพื่อแยกปลาจากน้ำหรือก็คือแยกผู้ป่วยจากชุมชน ได้ ซึ่งจะต้องใช้การตรวจ Antigen จากนั้นค่อยตรวจด้วย PCR ซ้ำก็ได้ จากตัวอย่างกรณีพื้นที่ของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ซึ่งเป็น ส.ส.เขตบางแค ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาด เขาได้นำเอาการตรวจ Antigen ไปตรวจในพื้นที่มากกว่าพันกรณี ทำให้ตรวจพบการติดเชื้อทันที 60 คน แล้วจึงนำไปตรวจแบบ PCR ต่อยืนยันว่าเป็นการติดเชื้อร้อยละร้อย การพบเร็วสามารถทำให้แยกคนออกจากชุมชนได้
.
สิ่งต้อมาที่เราต้องเร่งทำคือ การลงทุนเพื่ออัพเกรดสถานพยาบาล ไม่ว่าห้องเขียว เหลือง หรือแดง ผมรู้สึกหงุดหงิดและสะเทือนใจมาก เพราะสภาได้ผ่านงบประมาณไปให้แล้ว 1 ล้านล้านบาท โดยประมาณ 10,000 ล้านบาทเพื่อนำไปอัพเกรดสิ่งที่สำคัญในการบริหารสถานการณ์สาธารณสุข แต่ผ่านมา 14 เดือน เบิกจ่ายได้แค่ 3 % หรือราว 380 ล้านบาท ตอนแรกเห็นซื้อเครื่องช่วยหายใจแค่ 450 เครื่อง ก็โมโหแล้ว แต่พอซื้อมาจริงได้แค่ 37 เครื่อง สำหรับคน 60 ล้านคน ในสถานการณ์ที่คนตายเป็นใบไม้ร่วงแบบนี้
.
รัฐบาลมีทั้งงบประมาณ มีทั้งเวลา มีทั้งอำนาจ ล่าสุดเงินกู้อีก 500,000 ล้าน ก็ให้อีก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็มี ทำไมทีเรื่องแบบนี้ต้องรอระบบราชการ ประชาชนที่ไหนจะด่าหรือถ้าท่านเอาเงินไปอัพเกรดโรงพยาบาลให้พร้อมกว่านี้ กลุ่มคนที่ต้องไปห้องแดงจะได้น้อยกว่านี้ ห้องเขียวอาจได้ใช้ หรืออาจไม่แทบไม่ต้องใช้เลยถ้าสามารถทำ Home Isolation ได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนในอังกกฤษ
.
เราจะชนะได้ก็ด้วยการบริหารจัดการ ด้วยวิทยาศาตร์ ด้วยข้อมูล แต่เราไม่สามารถชนะด้วยการทำมือชูสองนิ้วหรือไม่สามารถชนะได้ด้วยการทำให้เรื่องวัคซีนหรือเรื่องเตียงผู้ป่วยเป็นเรื่องการเมืองเพราะนี่คือชีวิตของคน
.
แต่ตอนนี้ในสถานการณวิกฤติ นายกรัฐมนตรี มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินและมีอำนาจตาม พ.ร.บ. อีก 31 ฉบับ แต่กลับมีคนต้องเสียชีวิตเพราะรอเตียงต้องรอเตียง มันทารุณเกินไปสำหรับประเทศที่ทรัพยากรพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตพลเมืองของตัวเองไว้ได้ ถ้ามีคอขวดแบบนี้ในระบบสาธารณสุขที่แก้ไม่ได้ ก็จะทำให้เกิดคอขวดของการเยียวยาและชดเชยมากขึ้นด้วย ซึ่งต้องพูดทั้งสองระดับ คือการเยียวยาไปที่บุคคลในฐานะพลเมือและการเยียวยาในภาคธุรกิจที่ต้องแยกให้ชัด
.
ถ้ายังบริหารแบบนี้ ผมก็ไม่แปลกใจหากจะมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นอีก
.
เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ที่ผ่านมามีนักดนตรีเสียงไพเราะ คนที่เคยสร้างความสุขที่ต้องปรับตัวแล้วปรับตัวอีกจากวิกฤตจนไม่ไหว และตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง ผมได้รับอนุญาตต่อครอบครัวของเธอเพื่อนำมาเล่าต่อในสภา เพื่อหวังว่ากรณีนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีการสูญเสียเกิดขึ้น
.
ในประเด็นวัคซีน ก็ล้มเหลวในทุกมิติ ขณะที่ประเทศอื่นคิดเรื่องวัคซีนเข็มที่สาม หรือมีทางเลือกหลายชนิด บางประเทศอาจคิดไปถึงว่านี่คืออำนาจอ่อนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปรมาณู เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่มองว่าจะบริจาคให้ใคร อย่างไร เป็นอำนาจใหม่อันทรงพลังที่รัฐบาลยังคิดไม่ถึง
.
เพราะถ้าให้ความสำคัญ ป่านนี้จะต้องมีวัคซีนแล้ว 200-300 ล้านโดส หรือขั้นต่ำที่สุดจะต้องหาวัคซีนชนิด mRNA มาให้ได้ 200,000- 300,000 โดส เพื่อนำมาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ เพราะพวกเขาคือปราการด่านสุดท้าย ถ้าเขาติดเชื้อเหมือนที่เกิดขึ้นแล้วในเชียงราย นี่คือชีวิตของทุกคนที่เราต้องเดิมพันอยู่
.
ตอนนี้ผมกำลังค้นหาอีเมลผู้ก่อตั้ง Pfizer และ Moderna พบว่าเป็นรุ่นพี่ที่ MIT ทั้งสองคน เราเป็นฝ่ายค้านก็จริง แต่ต้องหาทุกวิธีที่ทำให้ได้ 200,000- 300,000 โดส ควรเป็นขั้นต่ำที่นายกฯ ไทยควรทำได้เพื่อให้ด่านหน้าที่ต่อสู้กันจนเหนื่อยล้ามีขวัญกำลังใจ จากการที่ทุกวันเขาออกไปเสี่ยงและเขามีลูกรอที่บ้านเหมือนกับเรา วัคซีนจำนวนเท่านี้ถึงทลายคอขวดไม่ได้ก็นำพาไปสู่อนาคตได้
.
ถ้าไม่ยุบ ศบค. ไม่ปรับ ครม. ก็ถึงเวลาที่ท่านต้องถอยให้คนรุ่นใหม่ที่เข้าใจและทำงานเป็นเข้ามาแทน ถ้าท่านรักครอบครัวของท่าน จงกลับไปดูแลครอบครัว กลับไปดูแลลูกหลาน แล้วให้คนที่มีความพร้อมได้ทำงาน
.
"น้ำตาของคนเวลามันไหลออกมามันเป็นน้ำ แต่ถ้ามันหยดลงพื้นเมื่อไหร่ มันก็กลายเป็นไฟได้เช่นกัน”