วันอาทิตย์, มิถุนายน 13, 2564

ข่าวการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานมูลค่า 1.28 แสนล้านบาทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมถึงความไม่โปร่งใสหลายประการ



มานะ นิมิตรมงคล
17h ·

ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า
...
ข่าวการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานมูลค่า 1.28 แสนล้านบาทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดข้อกังขาจากสังคมถึงความไม่โปร่งใสหลายประการ โดยผู้เขียนมีข้อสังเกตดังนี้
1. กติกาถูกเปลี่ยนก่อนการประมูล
เพื่อประโยชน์สูงสุดในการใช้เงินงบประมาณ รัฐต้องจูงใจและส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมแข่งขันประมูลให้มากที่สุด
ดังนั้นในปี 2558 ครม. จึงมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธาน [1] กำหนดให้การประมูลรถไฟทางคู่ต้องกระจายงานออกเป็นสัญญาที่วงเงินต่อสัญญาไม่สูงเกินไปและแยกงานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานโยธา เพื่อป้องกันการฮั้วประมูลและเปิดให้ผู้ประกอบการรายย่อยแข่งขันได้ [2]
แต่มติ ครม. นี้กลับถูกยกเลิกไปตามข้อเสนอของรัฐมนตรีคมนาคมคนปัจจุบัน [3] ก่อนที่การประมูลรอบใหม่จะเริ่มขึ้น
เรื่องนี้ทำให้นึกถึงคดีทุจริตยาที่ศาลตัดสินจำคุกอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะใช้อำนาจสั่งให้ ‘ยกเลิก’ บัญชีราคากลางยาส่งผลให้ราคายาแพงขึ้น ถือเป็นตัวอย่างคอร์รัปชันเชิงนโยบายจนทุกวันนี้
2. แบ่งเค้ก – ฮั้วราคา หรือไม่?
การประมูลครั้งนี้แยกเป็น 5 สัญญาผลคือมีผู้เข้าประมูลเพียง 5 รายแต่ละรายต่างชนะการประมูลรายละ 1 สัญญา โดยราคาประมูลนั้นเกือบเท่าราคากลางแตกต่างเฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.08 ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับการประมูล 7 สัญญาช่วงปี 2558 – 2560 ที่บางสัญญาราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยมากคือ ช่วงวิหารแดง - บุใหญ่ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 31.99 และช่วงหัวหิน - ประจวบฯ ต่ำกว่าถึงร้อยละ 20.51 [4] ประหยัดไปกว่าสามพันล้านบาท!!!
3. กลุ่มผูกขาด
การประมูลครั้งนี้กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้มีแต่ผู้รับเหมารายใหญ่หน้าเดิมๆ ยื่นซองแล้วเอางานไปคนละสัญญาแถมได้ราคาดี แต่ทำไมงานใหญ่ขนาดนี้ไม่เปลี่ยนเกมแข่งขัน โดยเปิดให้บริษัทต่างชาติที่ทุนหนา เทคโนโลยี่สูงมาร่วมประมูลจะได้มีตัวเปรียบเทียบกันมากขึ้น ผลประโยชน์และการประหยัดงบประมาณจะเกิดกับประเทศ
4. ถูกกฎหมาย แต่ขัดใจประชาชน
บ้านเมืองของเรามีคดีคอร์รัปชันมากมายที่กว่าจะถูกจับโกงได้ก็ผลาญชาติจนเสียหายไปมากแล้ว เพราะสังคมหลงเชื่อคนมีอำนาจที่คอร์รัปชันแต่ปากก็อ้างว่าโปร่งใส ทุกอย่างถูกกฎหมายแล้ว เช่น กรณีสนามฟุตซอล คลองด่าน โฮปเวลล์ บ้านเอื้ออาทร จำนำข้าว เครื่องตรวจระเบิดจีที 200 ถุงมือยาง ฯลฯ
บ่อยครั้งที่พบว่ามีการวางแผน ‘สมรู้ร่วมคิด ล็อคสเปค ฮั้วประมูล’ อยู่เบื้องหลัง การเปิดประมูลอีบิดดิ้งกลายเป็นเรื่องบังหน้า กลไกปรกติในการป้องกันคอร์รัปชันอย่าง ป.ป.ช. และศาลก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ประชาชนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีการโกงกิน ทำให้รัฐเสียหาย ซื้อแพงเกินเหตุ ของใช้การไม่ได้ หรือไม่คุ้มค่าเงินที่เสียไปก็ตาม
คำอวดอ้างที่ว่า ‘ไม่มีโกง เพราะทำถูกระเบียบ เป็นไปตามขั้นตอน’ จึงอาจเป็นเพียงคำลวงที่ทำให้พวกเขาดูดี แล้วลอยนวลกอบโกยได้ต่อไป
5. อย่าปล่อยตามยถากรรม
เชื่อว่า ครม. และ รฟท. มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้และหวังว่าจะทำด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เปิดประมูลใหม่ทำให้มีการแข่งขันที่เปิดกว้างโปร่งใสกว่านี้ หรืออย่างน้อยก็ให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่ามีการเจรจาต่อรองกับผู้ประมูลให้ได้เงื่อนไขดีขึ้น
ทำให้ถูกต้องชัดเจน นำมาตรการตาม ‘กฎหมายฮั้วประมูล’ มาใช้เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องน่ากังขาแบบนี้อีก เพราะยังมีรถไฟทางคู่สายปากน้ำโพ - เด่นชัย และสายชุมพร - ปาดังเบซา เปิดประมูลอีกเร็วๆ นี้
บทสรุป…
ถ้าเบื่อคอร์รัปชัน เราต้องสู้ เราคนไทยเจ้าของประเทศต้องไม่ถูกครอบงำ ต้องไม่นิ่งเฉยยอมรับชะตากรรม มาช่วยกันขุดคุ้ยเปิดโปง ช่วยกันโวย ปฏิเสธและก่นด่าพวกโกงชาติ พวกที่พร่ำชวนเชื่อว่าโปร่งใส แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ตรวจสอบแถมไม่เปิดกว้างรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน
เพราะ ‘ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า’
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
อ้างอิง
1. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/746612
2. https://www.ryt9.com/s/iq05/2623952
3. https://www.prachachat.net/property/news-505555
4. https://www.isranews.org/.../98979-SRT-railway-double...
.....

Mb Bodyandpaint

สาเหตุที่ประมูลทางคู่ครั้งแรก ไม่ค่อยมีปัญหานั้นเพราะเบื้องหลังขณะนั้น คสช.ได้ตั้งคตร.ขึ้นมาตรวจสอบและติดตาม เพื่อป้องปรามการทุจริตโดยเฉพาะ แต่สุดท้ายอาจจะผลงานดีเกินไป เลยทำให้หัวหน้า คสช.สั่งยุบคตร.ไป ปรากฎตามรายละเอียดข่าวดังนี้
https://mgronline.com/daily/detail/9590000124556
รถไฟประมูลทางคู่5เส้นทาง คตร.ทิ้งทวนชงสตง.สอบหมกเม็ดราคากลางสูงเกินจริง
เผยแพร่: 14 ธ.ค. 2559 21:24 ปรับปรุง: 15 ธ.ค. 2559 00:09 โดย: MGR Online
15 ธ.ค. 2559 00:09
ร.ฟ.ท. ประกาศทีโออาร์รถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เปิดขายซองประมูลระหว่าง 14 ธ.ค.59-5 ม.ค.60 เร่งโครงการระยะแรก ขณะที่ คตร.ทิ้งทวน ส่งหนังสือถึง ผู้ว่าฯสตง. ลงวันที่ 6 ธ.ค.ขอให้ตรวจสอบทีโออาร์ทางคู่ ทั้ง 5 เส้นทาง เหตุยังหมกเม็ด ล็อคสเปค ทำราคากลางสูงเกินจริง ประเทศสูญงบประมาณ ระบุช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ลดสะพานจาก 167 เหลือ 115 สะพาน แต่ราคาเท่าเดิม
รายงานข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท. โดยฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ได้ประกาศขายเอกสารประกวดราคา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. ราคากลาง 16,234,640,000 บาท ,ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. ราคากลาง 9,853,260,000 บาท ,
ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. ราคากลาง 28,505,030,000 บาท , ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. ราคากลาง 23,921,710,000 บาท และช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กม. ราคากลาง 19,269,890,000 บาท โดยกำหนดขายเอกสารประกวดราคาตั้งแต่วันที่ 14ธ.ค.2559- วันที่ 5 ม.ค. 2560
ทั้งนี้ โครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง อยู่ในติดตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan)ปี2559 ที่กระทรวงคมนาคมเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.เปิดประมูลก่อสร้างในปี 2559 แต่ที่ผ่านมา มีการตรวจสอบในเรื่อง ร่างขอบเขตของงาน (TOR) ที่มีการล็อคสเปคทั้งจาก คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ที่มี พลเอกชาตอุดม ติตถะสิริ เป็น ประธาน และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยมีหนังสือขอให้ทบทวนการดำเนินการ ที่มีการกำหนดเงื่อนไข ทีโออาร์ โดยไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2559 พลเอกชาติอุดม ประธานคตร. ได้ลงนามในหนังสือ ถึงผู้ว่าฯสตง. ก่อนที่จะมีคำสั่ง มาตรา 44 ยุบคตร. ในวันที่ 7 ธ.ค. 2559 โดยขอให้ตรวจสอบร่าง TOR รถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง เพื่อให้การประมูลเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และประเทศไม่สูญเสียงบประมาณสูงเกินความเป็นจริง โดยระบุว่า ยังมีความพยายามที่จะออกTOR โดยผิดระเบียบและกฎหมาย โดยยังมีการล็อคสเปค และส่อทุจริต
โดยมีข้อสังเกตเรื่องการคำนวณราคากลาง ตาม Bill of Quantities (BOQ) โครงการช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ในส่วนของการคำนวณราคากลางของโครงสร้าง(หมวด4 : Structure ) สะพาน (Bridge) ประมาณการณ์ไว้ 167 สะพาน แต่ในร่างTOR ข้อ 4 (รูปแบบรายการหรือคุณลักษณะเฉพาะทาง) กำหนดให้สร้างสะพานเพียง 115 สะพาน เป็นการประเมินราคาสูงเกินจริง
นอกจากนี้คตร. ยังได้ทำหนังสือถึงประธานบอร์ดร.ฟ.ท. ลงวันที่ 6 ธ.ค. 2559 เพื่อให้เพิ่มเติมTOR ให้มีการตรวจสอบและรับรองผลงานโดย กลุ่มบริษัท TUV Rheinland ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมมาตรฐานเชิงวิศวกรรมชั้นสูง เพื่อให้เป็น Third Party การที่ไม่มีThird Party ตรวจสอบ โดยร.ฟ.ท. ตรวจรับงานเอง จะเป็นปัญหาต่อไป เพราะการก่อสร้างที่ไม่ใช่พื้นราบ เช่น
สะพานและอุโมงค์นั้น เมื่อได้ตัวผู้รับจ้างแล้ว จะมีกระบวนการขอเปลี่ยนแปลงและขอเพิ่มวงเงิน โดยอ้างการออกแบบไม่ชัดเจน