วันเสาร์, ตุลาคม 05, 2562

ตรงเป้าที่สุด (ประเทศที่มีกฏหมาย ไม่ใช่กฏหมา) "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"





ตรงเป้าที่สุด

"คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

อ่านคำแถลงของผู้พิพากษาคุณากรให้ละเอียด จะบอกชัดว่า ตอนเข้ามาเป็นผู้พิพากษาตามรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่เคยต้องส่งให้อธิบดีตรวจ เพราะยุคนั้นต้องการให้ผู้พิพากษามีอิสระ

รัฐประหาร 2549 รัฐธรรมนูญ 2550 ตลอดจนพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (่จรัญ ภักดีธนากุล มีบทบาทสำคัญในการยกร่าง) ได้แก้ไขสาระสำคัญเรื่องศาลหลายข้อคือ

1.แก้พระธรรมนูญศาลยุติธรรมให้อธิบดีตรวจคำพิพากษา (แม้ตามกฎหมายอ้างว่าสั่งไม่ได้ แค่ให้ทำความเห็นแย้ง)

2.เปลี่ยนอธิบดีศาลชั้นต้น จากเดิมที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นขึ้นมาเป็นตามลำดับอาวุโส ให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือหัวหน้าคณะศาลฎีกาลงไปเป็น

3.ยืดอายุเกษียณ จาก 60 เป็น 70 (ตอนหลัง 65) จากเดิมที่เป็นประธานศาลฎีกาคนละปี ช่วงที่ผ่านมาก็ได้นั่งคนละ 2 ปี พวกรุ่นหลังๆ ก็รอไป

4.เดิม กต. (กรรมการตุลาการศาลยุติธรรม) มาจากการเลือกตั้งชั้นศาลละ 4 คน แก้เป็นศาลชั้นต้นได้แค่ 2 คน อุทธรณ์ 4 ฎีกา 6

ทั้งหมดนี้มันคือการแก้ไขเพื่อควบคุมความเป็นอิสระของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น กลัวคนรุ่นหลัง กลัวความคิดใหม่ รวบอำนาจไปไว้ในมือคนเก่าๆแก่ๆ

2 ปีที่แล้ว ศิริชัย วัฒนโยธิน ไม่ได้เป็นประธานศาลฎีกา เพราะถูกร้องเรียนว่าแทรกแซงความเป็นอิสระของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ จากการเข้าไปตรวจสำนวนก่อนอ่าน

ชีพ จุลมนต์ ได้เป็นประธานศาลฎีกาแทน แต่ความเป็นอิสระของผู้พิพากษากลับถูกแทรกแซงมากขึ้น?

อ้อๆ ในยุคชีพ จุลมนต์ ก็ยังออกเบี้ยประชุมให้ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ขณะที่ผู้พิพากษาชั้นต้นอย่างคุณากรบ่นว่างานหนัก ไม่ยักให้ค่าเขียนคำพิพากษามั่ง


Atukkit Sawangsuk
..


.