วันพุธ, ตุลาคม 09, 2562

ธรรมนัส พรหมเผ่า : คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ คำพิพากษาของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ คดี มนัส โบพรหม (บีบีซีไทย)





ธรรมนัส พรหมเผ่า : คำแปลอย่างไม่เป็นทางการ คำพิพากษาของศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ คดี มนัส โบพรหม


เมื่อ 7 ชั่วโมงที่แล้ว
บีบีซีไทย


ในศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์ เขตอำนาจชำระคดีอาญานครซิดนีย์

เลขที่ 93/11/0728

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม 1994

คดีระหว่างสมเด็จพระราชินีนาถ กับ มนัส โบพรหม

คำพิพากษา

ผู้พิพากษา:

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับปรับปรุงแก้ไขใหม่ นายมนัส โบพรหม (จำเลย) ได้ขอให้ข้าพเจ้าชี้ถึงแนวทางการพิจารณาโทษ สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการนำเข้าเฮโรอีนในปริมาณเพื่อการค้าเข้ามายังออสเตรเลีย โดยมีการกระทำความผิดระหว่างวันที่ 1-15 เมษายน 1993 ซึ่งเฮโรอีนดังกล่าวมีน้ำหนัก 2.328 กิโลกรัมและมีความบริสุทธิ์สูง สามารถจะมีมูลค่าในท้องตลาดได้ถึง 3.5 ล้าน - 4.1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 1993 ข้าพเจ้าได้ชี้ถึงแนวทางการพิจารณาโทษ ตามพยานหลักฐานที่มีอยู่เฉพาะหน้าในขณะนั้นทั้งหมด โดยระบุว่าหากจำเลยยอมรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง ศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุก 9 ปี และจะให้ยื่นขอปล่อยตัวโดยทำทัณฑ์บนไว้ได้ในปีที่ 6 ของการคุมขัง

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 1993 จำเลยถูกนำตัวมาขึ้นศาล และเมื่อได้รับทราบถึงแนวทางการพิจารณาโทษดังกล่าว ได้ยอมรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง นายเจฟฟรีย์ซึ่งเป็นทนายความของจำเลยจึงได้ยื่นคำร้องให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป

ในการพิจารณาคดีครั้งต่อมา มีการยื่นหนังสือที่จำเลยเสนอให้ปากคำเพิ่มเติม ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 1993 มายังข้าพเจ้า พร้อมทั้ง "หนังสือให้คำมั่นสัญญา" ของจำเลย ลงวันที่ 24 มีนาคม 1994 และบันทึกปากคำเพิ่มเติมจากพนักงานสืบสวน สิบตำรวจเอกแม็กแท็กการ์ด ซึ่งลงวันที่เดียวกัน โดยเจ้าพนักงานผู้นั้นได้ให้ปากคำเป็นพยานเพิ่มเติม ส่วนนายเจฟฟรีย์ได้ขอเบิกตัวนายมนัสและนายศรศาสตร์ เทียมทัศน์ ผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของนายมนัสด้วย

ข้าพเจ้าได้มีคำพิพากษาสำหรับคดีของนายศรศาสตร์ไป เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1993 โดยทั้งข้าพเจ้าและนายเจฟฟรีย์ได้เก็บรักษาสำเนาเอกสารที่บันทึกคำกล่าวของข้าพเจ้าในวันนั้นเอาไว้แล้ว

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ข้าพเจ้าได้ชี้ถึงแนวทางการพิจารณาโทษต่อหน้าจำเลย โดยได้บันทึกความเห็นของตนซึ่งประมวลจากพยานหลักฐานที่มีอยู่เฉพาะหน้าในขณะนั้นไว้ว่า แม้การมีส่วนร่วมกระทำความผิดของจำเลยนั้นจะมีอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังนับได้ว่า มีการลงมือกระทำความผิดหนักกว่ากรณีของนายศรศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เอกสารหลักฐานที่มีการยื่นเพิ่มเติมทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงแนวคิดการวินิจฉัยโทษเสียใหม่ โดยในขณะนี้ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า สมควรพิจารณาความผิดของจำเลยให้อยู่ในระดับเดียวกับของนายศรศาสตร์ ด้านนายเจฟฟรีย์ยังอุทธรณ์ด้วยว่าควรพิจารณาลดหย่อนผ่อนโทษแก่จำเลย แต่ข้าพเจ้ายังไม่พร้อมที่จะตกลงยินยอมตามคำขอในขณะนั้น

ข้าพเจ้าบันทึกไว้ด้วยว่า ทนายจำเลยที่ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าศาลนั้น ไม่คัดค้านต่อแนวคิดให้ลงโทษจำเลยในลักษณะเดียวกันกับนายศรศาสตร์ และอันที่จริงแล้วทนายจำเลยก็เห็นพ้องสนับสนุนด้วย

ข้าพเจ้าตระหนักดีว่ามีคำพิพากษาที่เป็นไปได้หลากหลายแบบ ตามหลักของประมวลกฎหมายอาญาแห่งเครือจักรภพ ซึ่งข้าพเจ้าได้พิจารณาดูแล้วทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวด 16A และ 16G ซึ่งหมวดหลังได้กำหนดให้ข้าพเจ้าไตร่ตรองให้ดีด้วยว่า บทลงโทษใด ๆ ที่ข้าพเจ้าตัดสินพิพากษาไปจะไม่สามารถเพิกถอนเปลี่ยนแปลงได้

นอกจากนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปตามแบบแผนของหมวด 21E ข้าพเจ้าขอบันทึกไว้ว่า หากไม่มีการยื่นหนังสือให้คำมั่นสัญญาของจำเลยตามที่อ้างไว้ข้างต้นแล้ว ข้าพเจ้าจะมีคำพิพากษาให้จำเลยต้องโทษจำคุก 8 ปี และให้ยื่นขอปล่อยตัวโดยทำทัณฑ์บนไว้ได้ เมื่อต้องขังครบ 5 ปี 4 เดือนไปแล้ว

มนัส โบพรหม:

สำหรับข้อกล่าวหาที่จำเลยได้รับสารภาพแล้ว ศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจริง

ข้าพเจ้าตัดสินให้จำเลยต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี โดยเริ่มนับระยะเวลาต้องขังตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 1993 ซึ่งเป็นวันแรกที่ถูกควบคุมตัวฝากขังเป็นต้นไป

ข้าพเจ้าได้กำหนดระยะเวลา 4 ปี โดยเริ่มนับจากวันเดียวกัน ให้เป็นระยะเวลาต้องขังขั้นต่ำ ก่อนที่จำเลยจะสามารถยื่นขอปล่อยตัวโดยทำทัณฑ์บนไว้ได้

ข้าพเจ้ายังมีหน้าที่จะต้องอธิบายแก่จำเลยถึงประเด็นต่าง ๆ ในคำพิพากษาดังนี้

หนึ่ง จำเลยต้องเข้าใจว่า หากไม่รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เรื่องจะให้ความช่วยเหลือในทางคดีเพิ่มเติม ตามที่ข้าพเจ้าได้บันทึกไว้ข้างต้นแล้วนั้น จำเลยจะต้องยอมรับการเพิ่มโทษจำคุกจาก 6 ปี เป็น 8 ปี

สอง หากจำเลยได้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ จำเลยจะไม่ต้องรับโทษจำคุกถึง 6 ปี แต่ข้าพเจ้าคาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อรับโทษครบ 4 ปี และน่าจะถูกเนรเทศในทันที

ในทุกกรณี การปล่อยตัวโดยทำทัณฑ์บนไว้นั้นขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งจะได้อธิบายแก่จำเลยต่อไป หากจำเลยละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไขดังกล่าว จะต้องยอมกลับเข้ารับโทษคุมขังต่อไปจนครบ 6 ปี

ข้าพเจ้าขอรับรองข้อความนี้และเอกสารในหน้าต่อ ๆไปว่า เป็นบันทึกถ้อยคำที่ถูกต้องซึ่งผู้พิพากษาได้กล่าวไว้ในศาลต่อหน้าตัวข้าพเจ้าเอง

เอ.เอฟแอล..

ผู้ช่วยผู้พิพากษา

วันที่ 31 มีนาคม 1994