วันพฤหัสบดี, มกราคม 20, 2565

วิถีโจรของพลังประชารัฐ กรณีศึกษาธรรมนัส พรหมเผ่า


ภาพจาก ข่าวสด
Thanapol Eawsakul
8h ·

วิถีโจรของพลังประชารัฐ กรณีศึกษาธรรมนัส พรหมเผ่า
.............
ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลือดเนื้อเชื่อไขทั้ง "พรรคทักษิณ" ตั้งแต่ ไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย
หลังรัฐประหาร 2557 ธรรมนัสจึงถูกจับตา ถูกคุมตัว พร้อมกับอายัดบัญชีการเงินทั้งหมด เพราะจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร จึงเป็นการตัดไฟแตั้งแต่ต้นลม โดยเฉพาะขุมทรัพญ์ที่กองสลาก
หลังจากนั้นเมื่อคณะรัฐประหารตั้งพรรคพลังประชารัฐ ดีลโปรย้ายค่าย จึงเกิดขึ้น คดีความต่าง ๆ ของธรรมนัส ถูกปลดออกไป เมื่อเข้ามาสู่ชายคาพรรคพลังประชารัฐ
หรือพูดง่าย ๆ นี่คือวิถีโจรของพลังประชารัฐ คือการแบลคเมล์ บรรดานักการเมืองโดยเฉพาะจากค่ายเพื่อไทยที่มีคดีต่าง ๆ ให้ย้ายมาร่วมค่าย
ถ้าคดีไม่หลุด ก็จะถูกดองยาวแบบไม่มีกำหนด
แน่นอนว่านี่คือบารมีของประวิตร วงษ์สุวรรณที่คุมบรรดาองค์กรอิสระแทบอยู่หมด เพราะตั้งมากับมือ
การเลือกตั้ง 2562 ผลงานที่เริ่มปรากฎชัดคือการกวาดเอา ส.ส.ในภาคเหนือจำนวนไม่น้อยมาสู่ซ่องโจรแห่งนี้ ทำให้ธรรมนัสได้เก้าอี้ รัฐมนตรีมาเชยชม
แต่ก่อนจะตั้งรัฐบาลได้ การเอาพรรคเล็กจากการคำนวณส.ส.แบบพิศดาร กว่า 10 พรรคมาหนุนประยุทธ์นั้นก็เป็นฝีมือธรรมนัส ในการแจกกล้วย ตั้งแต่ตั้งพรรคมาจนถึงโหวตประยุทธ์
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ธรรมนัสกล้าบอกว่าตัวเองคือเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาลประยุทธ์
บารมีของธรรมนัสสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบัญชาการในการเลือกตั้งซ่อม ไม่ว่าจะเป็น ลำพูน ขอนแก่น สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช ชนะทั้งหมดเพราะใช้วิธีแบบถึงลูกถึงคน
แต่การเป็นเส้นเลือดใหญ่ต้องดูแล ส.ส. กลับได้เป็นแค่รรมช.เกษตรดูจะไม่สมเกียรติกับ เลขาธิการพรรค ที่ธรรมนัสไปแย่งมาจากกลุ่มสามมิตร
เก้าอี้ที่หมายปองคือ มท.1 ที่อนุพงษ์ เผ่าจินดา ครอบครองมายาวนานตั้งแต่รัฐประหาร 2557
....
การอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนกันนยายน 2563 คือการแสดงพลังของธรรมนัสในการที่จะต่อรองเก้าอี้ มท. 1 (เป็นอย่างน้อย)
ด้วยการแบลคเมล์ คนอย่างประยุทะ์ ในการเล่นเกมซ่อนแต้ม
แต่ "ฟ้ายังคุ้มครอง" คนอย่างประุยุทธ์ทำให้รอดออกมาได้จากการอภิปรายไม่ได้วางใจ แต่ได้คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย
หลังกจานั้นการไล่ยี้ธรรมนัส ก็มีมาตลอดจากประยทุธ์
ไม่ว่าจะเป็นการปลดจากครม. หรือพยายามลดบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ
แต่คนอย่างธรรมนัส ถ้าไม่แน่จริงไม่มาถึงขั้นนี้ได้ เพราะประวิตร ยังต้องใช้งานธรรมนัสอยุ่
จุดที่ประยุทธ์ ชี้ขาดว่าไม่ต้องการคนอย่างธรรมนัสแล้วคือผลการเลือกตั้งซ่อมที่ สงขลา และชุมพรที่แพ้เจ้าของที่เดิม
แต่ถ้าใครดูคะแนนดี ๆ ผลงานของธรรมนัสไม่ได้ด้อยกว่าเดิม
คะแนนของสงชลา
จากเดิม 19,217 เพิ่มเป็น 40,531 เพิ่งขึ้น 21,214 มากกว่า 100 % ด้วยซ้ำ
ขณะที่ชุมพร
ที่เคยได้ 32,219 ก็ได้เพิ่มมาอีก 10 คะแนน
นี่ก็เพียงพอที่คนอย่างธรรมนัสจะบอกว่าฝีมือยังไม่ตก
แต่ก็ยังมีการแทงข้างหลังจากสุชาติ ชมกลิ่ม ซึ่งอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่คนอย่างธรรนัสก็ต้องแบลคเมล์กลับด้วยการ
ขับตัวเองและพวกออกจากพรรคพลังประชารัฐ 21 เสียง
แต่ยังแสดงเจตจำนงเข้าร่วมรัฐบาลประยุทธ์ต่อ
ถ้าเป็นการเมืองก็เป็นการแบลคเมล์ 2 เด้ง
นี่ขึ่งเป็นการแก้แค้นที่เจ็บปวด แต่ก็เป็นเพียงบทเริ่มต้น
วิถีโจรของพลังประชารัฐ ที่เริ่มต้นด้วยการแบลเมล์นักการเมือง ก็จะถูกย้อนศรกลับด้วยการแบลคเมล์ เช่นกัน