วันพุธ, มีนาคม 29, 2560

คลิปนปช.หลังเยี่ยมหมู่มิตรที่ถูกคุมขังในคดีพัทยา 13คน ซึ่งอยู่ในระหว่างรอการประกันตัวในชั้นฏีกา




https://www.facebook.com/Jatuporn.UDD/videos/1104649112980515/


.....

13 รายชื่อผู้ต้องหาในคดี

นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
นายนิสิต สินธุไพร
นายพายัพ ปั้นเกตุ
นายวรชัย เหมะ
นายวันชนะ เกิดดี
นายพิเชฐ สุขจินดาทอง
นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์
พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์
นายนพพร นามเชียงใต้
นายสำเริง ประจำเรือ
นายสมยศ พรหมมา
นพ.วัลลภ ยังตรง และ
นายสิงทอง บัวชุ

"อนุสรณ์ ธรรมใจ" แนะทบทวนบรรษัทน้ำมัน ถ้าไม่อยากซ้ำรอยเวเนซูเอลา-เม็กซิโก





อนุสรณ์ แนะทบทวนบรรษัทน้ำมัน ถ้าไม่อยากซ้ำรอยเวเนซูเอลา-เม็กซิโก


by วชิราภรณ์ นาสวน
29 มีนาคม 2560 
Voice TV


ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เตือนให้พิจารณาแนวคิดการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติโดยให้รัฐเข้าไปจัดการกิจการพลังงานทั้งหมดอย่างรอบคอบแนวคิดดังกล่าวเป็นการถอยหลังของนโยบายสาธารณะด้านการจัดการพลังงานของประเทศไทยอย่างน้อย 50-60 ปี และขอให้ดูตัวอย่างความหายนะทางเศรษฐกิจและกิจการพลังงานของประเทศเวเนซูเอลาและประเทศเม็กซิโก

ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการและ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ขออนุญาตแนะนำและเตือนให้พิจารณาแนวคิดการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติในมาตรา 10/1 ในร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับใหม่อย่างรอบคอบเนื่องจากแนวคิดจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติโดยให้รัฐเข้าไปจัดการกิจการพลังงานทั้งหมดนั้น เป็นแนวคิดสะท้อนการถอยหลังของนโยบายสาธารณะด้านการจัดการพลังงานของประเทศไทยอย่างน้อย 50-60 ปี แนวคิดแบบนี้ประสบความล้มเหลวในหลายประเทศ เพราะก่อให้เกิดการยึดกิจการเอกชนมาเป็นของรัฐจะเป็นการดำเนินกิจการพลังงานที่ผูกขาดโดยรัฐ (ขอให้นึกถึงกิจการปั๊มสามทหาร กับ ปั๊มของ ปตท. และบางจากต่างกันอย่างไร ขอให้นึกถึงโรงกลั่นน้ำมันของหน่วยงานพลังงานทหาร กับโรงกลั่นของไทยออย ไออาร์พีซีและบางจากบริหารจัดการต่างกันอย่างไร)

การกำกับดูแลโดยรัฐบาลผ่านทางคณะกรรมการบรรษัทพลังงานแห่งชาติ ซึ่งในช่วงแรกจะมีกรมพลังงานทหารเป็นผู้ดำเนินการ ปัจจุบันโครงสร้างระบบการกำกับดูแลโดยองค์กรอิสระนั้นถูกวางระบบไว้ดีระดับหนึ่งแล้ว ส่วนจุดอ่อนจุดด้อยที่ยังมีอยู่นั้นเป็นปัญหาในรายละเอียดไม่ใช่ทิศทางหรือหลักการใหญ่ระบบที่ผูกขาดโดยอำนาจรัฐที่มาแทนที่ระบบการแข่งขันด้วยการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนและการเปิดเสรีจะนำมาสู่ ความไร้ประสิทธิภาพ การคอร์รัปชันและหนี้สาธารณะของประเทศในอนาคต

ในฐานะ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะกระทรวงการคลัง ขอเรียนว่า หากมีการจัดตั้ง บรรษัทพลังงานแห่งชาติ ตามร่างที่จะนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประเทศไทยจะมีความเสี่ยงทางการคลังในอนาคตอย่างแน่นอน ขอให้ดูกรณีของประเทศเวเนซูเอลาที่ประสบความล้มละลาย เกิดวิกฤติทางการคลัง จนต้องยอมทำสัญญาขายน้ำมันดิบล่วงหน้ากับจีนเพื่อแลกเงินกู้มาจ่ายเงินเดือนราชการและบริหารประเทศ ทั้งที่ประเทศเวเนซูเอลาเคยเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันและมีฐานะทางการ คลังที่มั่นคงมาก่อน

หากจะยกตัวอย่างกรณีบรรษัทพลังงานแห่งชาติแบบเปโตรนาสของมาเลเซียว่าประสบความสำเร็จก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากเพราะ เปโตรนาส เป็นทั้งผู้ทำหน้าที่กำกับดูแล (Regulator) และ เป็นผู้ทำธุรกิจ (Operator)ด้วยในขณะเดียวกันจึงทำให้มีกำไรสูงแต่ระบบนี้ดีที่สุดกับประชาชนมาเลเซียหรือไม่ยังมีข้อสงสัยและ การไม่แยกระหว่าง การเป็นผู้กำกับดูแล (Regulator) กับ ผู้ทำธุรกิจ (Operator) ยังขัดกับหลักธรรมาธิบาลหรือการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบถ่วงดุลอีกด้วย แต่สิ่งที่เราเห็น ก็คือ การทุจริตคอร์รัปชันของกลุ่มผู้นำทางการเมืองที่ควบคุมดูแลบรรษัทพลังงานแห่งชาตินอกจากนี้ท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบันก็มีข้อครหาพัวพันกับกองทุน 1-MDB ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตและยังมีกรณีพัวพันกับการทุจริตให้สินบนของบริษัท Unaoil อีกด้วย และไม่มีใครไปกล้าตรวจสอบบัญชีของเปโตรนาสได้

ขณะที่ บมจ. ปตท. ถูกตรวจสอบทั้งจาก สตง. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ และ กลต. รวมทั้งผู้ถือหุ้น นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างประเทศ การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและโปร่งใสกว่าแม้นไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม และขอให้ดูตัวอย่างความหายนะทางเศรษฐกิจและกิจการพลังงานของประเทศเม็กซิโกก่อนหน้านี้ด้วย ในที่สุดก็ยกเลิกระบบผูกขาดโดยรัฐ มาเป็นระบบเสรีเปิดให้มีการแข่งขันของภาคเอกชนผู้รับสัมปทาน หรือแบ่งปันผลผลิต

'บรรษัทน้ำมัน' ปวดกบาล... จับตา สนช.นัดลงมติ วาระ 2 และ 3 พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับที่ “หม่อมอุ๋ย” ชี้ว่าสอดไส้คืนชีพกิจการน้ำมัน “สามทหาร” ด้านกลุ่ม คปพ. ขู่ชุมนุมค้าน ด้วยเหตุผลเนื้อหาไม่ตอบโจทย์ แต่หนุนบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ





จับตา สนช.นัดลงมติ วาระ 2 และ 3 พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับที่ “หม่อมอุ๋ย” ชี้ว่าสอดไส้คืนชีพกิจการน้ำมัน “สามทหาร” ด้านกลุ่ม คปพ. ขู่ชุมนุมค้าน ด้วยเหตุผลเนื้อหาไม่ตอบโจทย์ แต่หนุนบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ


Mar 29, 2017
ที่มา คมข่าว

วันที่ 30 มีนาคมนี้ จับตาไปที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่จะพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ในวาระ 2 และ 3 หลังจากที่ถูก หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี คัดค้านอย่างหนัก โดยระบุเป็นการสอดไส้แก้ไขเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว และมีกลุ่มอิทธิพลซึ่งเป็นทหารอยู่เบื้องหลัง หากที่ประชุม สนช. มีมติอนุมัติก็จะสามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้ทันที หมายความว่ากลุ่มบุคคลที่ต้องการให้มีการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ สามารถเริ่มผลักดันด้วยการเริ่มเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ซึ่งจะมีผลเสียต่อความเจริญของประเทศ ไม่อยากให้ถอยหลังกลับไปเหมือน 50 ปี ก่อน จึงเสนอ สนช.ให้ ตัดมาตรา 10/1 เรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติออกไป เพราะหากลงมติไม่รับร่างดังกล่าว ก็จะไม่มีกฎหมายรองรับการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติแหล่งใหม่

ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธว่า ไม่เคยมีแนวคิดที่จะให้ทหารเข้ามาดูแล เนื่องจาก ยังไม่พร้อม และยังไม่มีความจำเป็น เพราะมีบริษัทของเดิมซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่จำนวนมาก จึงให้เป็นหน้าที่ของ สนช.พิจารณา ส่วนเรื่องบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ เป็นการผลักดันของกลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย หรือ คปพ. ที่กดดันว่า หากไม่มีบรรษัทน้ำมัน ก็จะมาล้อมรัฐสภา ล้อมทำเนียบรัฐบาล

พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ โฆษกกรรมาธิการการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงข้อสังเกตว่าผู้พิจารณากฎหมายฉบับนี้ส่วนใหญ่เป็นทหาร อาจมีส่วนได้ส่วนเสียกับการตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติในอนาคต โดย พลเอกอกนิษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีใครมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้

ล่าสุด กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย หรือ คปพ. นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ในวันพรุ่งนี้

คปพ. ระบุว่า เนื้อหายังไม่ตอบโจทย์ตามที่ประชาชนเรียกร้อง ถึงแม้จะมีบรรษัทมาจัดการเชื้อเพลิงธรรมชาติจริง แต่ไม่ได้กำหนดให้จัดตั้งทันที เท่ากับว่าเป็นการเปิดช่องให้บริษัทรายเดิมได้ต่อสัมปทานรอบใหม่ สุดท้ายจะเกิดช่องว่างการใช้ดุลยพินิจเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดิม

ขณะที่นายธีระชัย ตอบโต้การคัดค้าน บรรษัทพลังงานแห่งชาติของ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร โดยตั้งคำถามว่า เหตุใดจึงไม่ต้องการให้เชื้อเพลิงธรรมชาติมาตกอยู่ในมือของรัฐ เพราะการให้รัฐจัดการ จะทำให้รัฐและประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง จึงไม่อยากให้กังวลว่าทหารจะเข้ามาจัดการ

ทั้งนี้ คปพ. ยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น ในบรรษัทพลังงานแห่งชาติ และในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น. จะเข้ายื่นหนังสือคัดค้านร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ต่อประธาน สนช. และจะยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ยุติร่างดังกล่าว แต่หาก สนช. ยังผ่านร่างกฎหมาย และไม่ได้รับคำชี้แจงจากนายกรัฐมนตรี ก็จะปักหลักชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงาน กพร.จนกว่าจะยกเลิกกฎหมาย

ooo

ใบตองแห้ง ON AIR 29-3-2017



https://www.youtube.com/watch?v=ouRRdq-m3L0

SHTV

Published on Mar 29, 2017

...

FULL EP. 'บรรษัทน้ำมัน' ปวดกบาลแทนลุงตู่

รายการ ใบตองแห้ง Onair ประจำวันที่ 29 มีนาคม 2560



Voice TV

“หม่อมอุ๋ย” โผล่มาเรียกร้อง สนช.ตัดมาตรา 10/1 ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่ให้มี “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ” โดยระบุว่าเป็นการยัดไส้ นายกฯ ลุงตู่บอกที่จริงก็เห็นว่ายังไม่พร้อม แต่ คปพ.กดดัน ขู่ล้อมรัฐสภาล้อมทำเนียบรัฐบาล เอ๊ะ มันยังไง

ไปๆ มาๆ ชาวบ้านสิงง รัฐบาลนี้มีม็อบกดดันได้ด้วยหรือ ฝ่ายหม่อมอุ๋ยก็ไม่เอาบรรษัทน้ำมัน ฝ่าย คปพ.ที่ไทยโพสต์เรียก “ก๊วนรสนา” ก็ฮึ่มๆ ยังไม่พอใจ คนกันเองทั้งนั้น ฟังแล้วปวดกบาล ให้กำลังใจลุงตู่แต่ขอให้ทำตามหลักการ ถ้าไม่พร้อม ทำไมไม่ร่างทีหลัง

...

"นโยบายพลังงานรัฐบาลนี้ เอาไงเเน่"


https://www.facebook.com/DailyDoseTH/videos/1673155172700244/

.....

.....



แม้หม่อมอุ๋ย จะไม่เปิดชื่ออดีตนายทหารที่มาล็อบบี้ ก็รู้กันทั้งสภาฯว่าเป็นใคร?

เริ่มจาก พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้ชื่อว่า "กูรูปิโตรเลียม"

ที่น่าสนใจรองประธานคณะกรรมาธิการฯ 4 คนคือ พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ รองประธานกรรมาธิการ คนที่ 2 ,พลโท อำพน ชูประทุม รองประธานกรรมาธิการ คนที่ 3 , พลเรือเอก ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร รองประธานกรรมาธิการ คนที่ 4 และ พลอากาศเอก อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ รองประธานกรรมาธิการ คนที่ 5

ทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อน “เตรียมทหารรุ่นที่ 12” (ตท.12) ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ถ้านับ พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกรรมาธิการพลังงานด้วย ก็รวมเป็น 6 คนที่เป็น “เพื่อนลุงตู่”

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า อดีตนายทหาร 6 คน ยังเข้านายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้ง เพื่ออธิบายถึงความจำเป็นในการตั้ง "บรรษัทน้่ำมันแห่งชาติ"

ก่อนจะบรรจุในร่างกฎหมาย มาตรา 10/1 ใช้คำว่า “ให้จัดตั้งบรรษัทน้ำมันเมื่อมีความพร้อม”

ที่มา 

คมชัดลึก


ธนาคารโลกเปิดรายงานวิเคราะห์ไทย แนะ 3 แนวทาง นำเศรษฐกิจไทย “กลับสู่เส้นทาง” เติบโตอีกครั้ง – ชี้ “ทำสิ่งที่ควรทำ” สำคัญกว่า “ใครเป็นคนทำ”



ภาพจาก Voice TV21
...

ธนาคารโลกแนะ 3 แนวทาง นำเศรษฐกิจไทย “กลับสู่เส้นทาง” เติบโตอีกครั้ง – ชี้ “ทำสิ่งที่ควรทำ” สำคัญกว่า “ใครเป็นคนทำ”






13 มีนาคม 2017
ที่มา Thai Publica

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2560 ธนาคารโลกเปิดตัวรายงานวิเคราะห์การพัฒนาประเทศไทยอย่างเป็นระบบ “กลับสู่เส้นทาง: ฟื้นฟูการเติบโตและประกันความมั่งคั่งสำหรับทุกคน” โดย ดร.อูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงความสำคัญของรายงานว่าแม้ว่าประเทศไทยจะเติบโตและประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ปัจจุบันการเติบโตได้ชะลอตัวลง ขณะที่อีกด้านหนึ่งประเทศไทยยังมีประชาชนที่ยังยากจนอยู่ แม้จะไม่มากแต่ยังมีอยู่และเป็นคนส่วนใหญ่ของในประชาชนในชนบท ความไม่เท่าเทียมดังกล่าวนี้ ประกอบกับความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สร้างความตึงเครียดทางการเมืองและสังคมโดยรวม

ธนาคารโลกเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องหาคำตอบว่าต้นตอปัญหาคืออะไร โดยมองผ่านมุมมองทางเศรษฐกิจด้วยเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจให้ประโยชน์กับทุกคนในสังคมอย่างเท่าเทียม สุดท้ายจะนำไปสู่เสถียรภาพทางการเมืองและสังคม และในท้ายที่สุดจะเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในที่สุด

“รายงานฉบับนี้ เราพยายามหาคำตอบว่าอะไรคือโอกาสและความท้าทายของประเทศไทย โดยเน้นไปที่การนิยามจัดลำดับความสำคัญนโยบายที่ควรทำ เพื่อลดความยากจน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของธนาคารโลก เพื่อให้ประเทศเติบโตเร็วขึ้น และมีความยั่งยืน เราเชื่ออย่างยิ่งว่าประเทศไทยมีโอกาสและศักยภาพที่จะทำสิ่งนี้ เพื่อเติบโตมากกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อเติบโตโดยที่คนยากจนหรือมีความเสี่ยงสามารถได้รับประโยชน์ไปด้วย และเรามองไปข้างหน้าที่จะพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ ในรายงานนี้ต่อไป และหวังว่าจะเป็นการพูดคุยในระยะยาวต่อไปข้างหน้า” ดร.อูลริคกล่าว

ชี้ไทยเสียความสามารถทางการแข่งขัน


ด้าน ดร.ลาร์ส ซอนเดอร์การ์ด หัวหน้ากลุ่มงานด้านความยากจนและการพัฒนามนุษย์ ธนาคารโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้เขียนหลักของรายงาน กล่าวถึงรายงานว่า แม้ว่าประเทศไทยจะเติบโตอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา รวมไปถึงความยากจนที่ลดลงค่อนข้างมาก

ปัจจุบันประเทศไทยยังมีคนยากจนที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือคนที่มีการบริโภคต่ำกว่า 6.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ถึง 7.1 ล้านคนและมีคนที่แม้จะหลุดพ้นจากเส้นความยากจนแล้วแต่ยังมีความเสี่ยงที่จะกลับมายากจนอีกถึง 6.7 ล้านคน ขณะที่การเติบโตที่เคยสูงถึงปีละ 7% โดยเฉลี่ยในช่วงก่อนวิกฤติก็ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทั่วโลกจะประสบปัญหาการชะลอตัวลงเช่นกัน แต่ประเทศไทยถือว่าชะลอตัวลงอย่างมาก และสะท้อนสัญญาว่าเศรษฐกิจไทยกำลังมีปัญหา และจากการประมาณการณ์ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ประเทศไทยต้องการเวลาถึง 20 ปี เพื่อยกระดับเป็นประเทศรายได้สูง

“ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เราคิดว่าจุดสำคัญของเรื่องราวทั้งหมดคือ ประเทศไทยได้สูญเสียความสามารถการแข่งขันไป หากกลับไปดูเมื่อ 10 ปีที่แล้วข้อมูลจาก World Economic Forums หรือ WEF จะเห็นว่าบนตัวชี้วัด 12 เรื่อง ประเทศไทยถือว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งและแข็งแกร่งในทุกด้านและโดดเด่น แต่มาปัจจุบัน จะเห็นว่าไม่ใช่ประเทศไทยถดถอยไป แต่กลับเป็นว่าประเทศต่างๆ ที่เป็นคู่แข่งได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายกว่าประเทศไทย พวกเขายกระดับตัวเองขึ้นมา” ดร.ลาร์สกล่าว



ดร.อูลริค ซาเกา (ซ้าย) และดร.ลาร์ส ซอนเดอร์การ์ด (ขวา)


4 ความเสี่ยงที่เคยเป็นโอกาส

ดร.ลาร์สกล่าวต่อไปว่า นอกจากความสามารถในการแข่งขันแล้ว ประเทศไทยยังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะฉุดการเติบโตอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ได้แก่ 1) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงสินค้าเกษตรที่ตกต่ำและส่งผลต่อเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ จากเดิมที่เคยอยู่ในระดับสูงและเป็นเครื่องมือลดความยากจนในช่วงประมาณปี 2543-2553 ซึ่งดัชนีราคาเติบโตถึง 70%

ดร.ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ด้านทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มงานการศึกษา ประจำธนาคารโลกสำนักงานประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจไทยเฉลี่ยปีละ 4.3% ความยากจนของไทยได้ลดลงประมาณ 2.4% ต่อปี ซึ่งหากหักผลทางด้านราคา ความยากจนจะลดลงเฉลี่ยเหลือเพียง 1.9% ต่อปีเท่านั้น

2) สังคมผู้อายุ ภายในปี 2573 ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรสูงวัยสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก หรือมีประมาณ 11 ล้านคน โดยมีความท้าทายด้านแรก คือ กำลังแรงงานที่หายไปดังกล่าวจะชดเชยอย่างไร และด้านที่สอง คือ จะดูแลกลุ่มคนสูงวัยเหล่านี้อย่างไร

3) การเมืองที่ขาดเสถียรภาพและความตึงเครียดทางสังคม สร้างความไม่แน่นอนให้แก่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักธุรกิจและนักลงทุนไม่ต้องการ โดยจากการสำรวจของ WEF พบว่า ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลถือเป็นปัจจัยที่เป็นห่วงมากที่สุด 4 ปีติดต่อกัน ดังนั้น การเมืองที่อาจจะไม่แน่นอนยังสามารถเป็นความเสี่ยงในระยะต่อไปของประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำต่อเนื่อง

4) ความแตกต่างและไม่เท่าเทียมของภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งในเชิงเศรษฐกิจและโอกาส เช่น โอกาสในการศึกษา ซึ่งความตึงเครียดในสังคม

3 หนทางรอด “สร้างงาน-ลดความยากจน-ยั่งยืนเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม”

ดร.ลาร์สกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยยังคงมีทางออกสำหรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยแบ่งเป็น 3 แนวทาง (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)

1) การสร้างงานที่ดีเพิ่มขึ้น ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มการแข่งขันอย่างเสรี และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

2) การให้การสนับสนุนให้ ตรงเป้าหมายกลุ่มครัวเรือนจนสุดร้อยละ 40% เพิ่มมากขึ้น โดยการพัฒนาการศึกษาและทักษะของแรงงาน การดำเนินการนโยบายที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มผลิตภาพในภาคเกษตรซึ่งเป็นภาคที่จ้างงานกลุ่มครัวเรือนจนสุด 40% ไว้เกือบครึ่ง และการจัดให้มีความคุ้มครองทางสังคมที่ฉลาดขึ้น มุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองแก่คนยากจน ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียดในสังคมได้

3) การส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการจัดการแหล่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิผลมากขึ้น การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานทดแทน

นอกจากนี้ การดำเนินการตามเส้นทางที่กล่าวถึงข้างต้นจำเป็นต้องมีองค์กรภาครัฐที่เข้มแข็ง เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย จะต้องมั่นใจว่ามีองค์กรภาครัฐ (และบุคลากร) เพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมให้มีการสร้างงานที่ดีเพิ่มขึ้น โดยองค์กรภาครัฐต้องแข็งแกร่งและสามารถนำเสนอแผนงานใหม่ๆ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย จัดการสนับสนุนให้ตรงเป้ากลุ่มครัวเรือนจนสุด 40% และดำเนินนโยบายและแผนงานเพื่อการเติบโตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม








“ทำสิ่งที่ควรทำ” สำคัญกว่า “ใครเป็นคนทำ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลไทยกำลังจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะผูกมัดการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในอนาคต จะส่งผลต่อการพัฒนาระยะยาวหรือไม่ ดร.อูลริคกล่าวว่าควรจะแยกประเด็นดังกล่าวเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ อะไรคือสิ่งที่ “ควรทำ” ซึ่งเป็นจุดประสงค์ของรายงานนี้ ขณะที่อีกประเด็นหนึ่งคือการนำสิ่งที่ควรทำไปปฏิบัติจริง สำหรับประเด็นหลัง ธนาคารโลกไม่ได้ให้ความสำคัญหรือมีมุมมองต่อรูปแบบรัฐบาลที่นำแผนงานต่างๆ ไปปฏิบัติจริง ธนาคารโลกทำงานร่วมกับรัฐบาลของทุกประเทศในโลกโดยไม่สนใจรูปแบบของรัฐบาล เพราะธนาคารโลกเชื่อว่ารัฐบาลทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยหรือไม่ สามารถทำงานได้ดีด้วยประชาชนภายในประเทศ ซึ่งมีตัวอย่างหลายครั้งที่ประเทศประชาธิปไตยบางประเทศที่สามารถทำได้ดีและบางประเทศทำได้ไม่ดี เช่นเดียวกัน มีหลายครั้งที่รัฐบาลเผด็จการบางแห่งสามารถทำได้ดีและบางแห่งทำได้ไม่ดี

“ตอนนี้มีงานวิจัยที่กำลังทำอยู่พบว่าจริงๆ แล้วรูปแบบของรัฐบาลและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนไม่ได้เกี่ยวกับข้องกันโดยตรง ตรงนี้ทำให้เราให้ความเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของแต่ละประเทศที่จะเลือกรูปแบบและปกครองตนเอง เราเชื่อว่ารัฐบาลไทย รวมไปถึงรัฐบาลในอนาคตจะสามารถปกครองตัวเองและสามารถผลักดันให้การปฏิรูปเกิดขึ้นในความเป็นจริงได้ ซึ่งมีหลากหลายแนวทาง หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสังคมไทยและรัฐบาล ธนาคารโลกเพียงให้คำแนะนำจากประสบการณ์ที่ทำงานกับนานาชาติ” ดร.อูลริคกล่าว

ดร.อูลริคกล่าวต่อไปว่า จากที่เห็นในปัจจุบัน พบว่าประเทศไทยได้เริ่มต้นจัดทำแผนงาน รวมถึงนำไปปฏิบัติจริงในหลายๆ เรื่อง โดยแต่ละเรื่องอาจจะใช้เวลาการดำเนินงานที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เรื่องการลดกฎเกณฑ์ให้ทำธุรกิจง่ายขึ้น สามารถทำได้รวดเร็วกว่าการปฏิรูปศึกษา ซึ่งต้องใช้เวลาหลาย 10 ปีกว่าจะเห็นผลลัพธ์ หรือมาตรการภาษี ซึ่งเริ่มทำไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร เป็นต้น

“ปัจจุบันประเทศไทยเป้าหมายที่จะเติบโตให้มากกว่าตัวเลขที่ธนาคารโลกประมาณการณ์ ซึ่งก็เพิ่มขึ้นมาในระยะหลังและหวังว่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อไป ซึ่งประเด็นต่างๆ ที่เสนอวันนี้คือสิ่งที่จะช่วยประเทศไทยต้องการ เพื่อจะไปให้ถึงได้ ซึ่งเราเชื่อว่าประเทศยังมีโอกาสที่จะทำได้และเชื่อว่าประเทศไทยจะทำ ถามว่ารับประกันหรือไม่ถ้าทำแล้วจะเพิ่มขึ้นจริง คงไม่ แต่ถ้าทำตาม นั่นหมายความว่าจะมีการพัฒนาระบบการศึกษาในทางที่จะเพิ่มทักษะของประชาชน ถ้ามีการพัฒนาภาคบริการที่เปิดมากขึ้น มีการลงทุนในระบบดิจิทัลและเทคโนโลยี ในท้ายที่สุดก็จะมีงานมากขึ้น เพราะว่ามีคนที่มีทักษะมากขึ้นที่จะเข้ามารับงานส่วนนั้นไปทำ ภาพอีก 20 ปีข้างหน้าก็อาจจะเปลี่ยนไป อาจจะมีคนในภาคเกษตรลดลง เนื่องจากมีทักษะที่ดีขึ้นและทำงานที่ต้องการทักษะสูงได้ ขณะที่คนที่ยังอยู่ก็จะมีผลิตภาพมากขึ้นด้วย” ดร.อูลริคสรุป

รายงานฉบับเต็ม

สนช. เกือบวงแตก เจอ "ปึ้ง"ลองของ สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ สมัยนายกฯปู ต้องไปแถลงปิดสำนวนปมถูกถอดถอน เพราะไปออกpassport ให้อดีตนายกฯทักษิณ แถลงไป แถลงไป ท่านสมาชิกก็บางตาเหลือเกิน ขอประธานนับองค์ประชุม




คลิปมาแล้ว!!!

นาที "เสี่ยปึ้ง" เสนอนับองค์ประชุม สนช. หลังแถลงปิดคดีปมออกพาสปอร์ตให้ทักษิณ แต่สมาชิกโหรงเหรง

ย้ำเป็นส่วนสำคัญอาจขัดรัฐธรรมนูญได้ จึงขอให้ประธานวินิจฉัย

ถ้าภาษาไทบ้าน ต้องบอกว่า "แสบ" มาก

https://www.facebook.com/tana.wongpan/posts/10209086896636632?pnref=story

...

สนช. เกือบวงแตก เจอ "ปึ้ง"ลองของ

รายงานจากสนามข่าววันนี้ว่า คุณสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล หรือ เสี่ยปึ้ง อดีต รมว.ต่างประเทศ สมัยนายกฯปู ต้องไปแถลงปิดสำนวนปมถูกถอดถอน เพราะไปออกpassport ให้อดีตนายกฯทักษิณ

แถลงไป แถลงไป ท่านสมาชิกก็บางตาเหลือเกิน อย่ากระนั้นเลย จึงเสนอพรวดขึ้นมา ขอให้ประธานนับองค์ประชุมหน่อยว่า ทำไมน้อยกันเยี่ยงนี้

เดือดร้อนสนช.สายเขาตั้งมา ต้องลุกขึ้นโต้จ้าละหวั่น ว่า ปึ้ง ไม่มีสิทธิเสนอขอนับองค์ประชุม (คิดว่าตัวแกเองก็รู้) สร้างบรรยากาศ สภาคึกคักขึ้นมาเชียว ท่านสนช.คงไม่ชินเกม นักเลือกตั้ง ก็แหม เขาอยู่กันมาดีๆ ครบๆ ทุกที เสี่ยปึ้งมาทีเดียว ป่วนไปเป็นชม.

มีรายงานเพิ่มเติมว่า : หลังจากซัดกันไปมา 1 ชม. ก็มีสมาชิกเข้าห้องครบองค์ประชุม

ที่มา FB


29 มี.ค. 60
ที่มา TNN

ปึ้งทำป่วน!ขอสนช.สอบองค์ประชุมระหว่างแถลงปิดคดีถอดถอน กรณีออกหนังสือเดินให้ทักษิณโดยมิชอบ-สมาชิกรุมประท้วงคนนอกไม่มีสิทธิ์ขอสอบองค์ประชุม

วันนี้(29มี.ค.60)การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. เป็นประธานการประชุม เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.)ออกจากตำแหน่ง กรณีออกหนังสือเดินทางชนิดธรรมดาให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดยมิชอบ โดยในวันนี้เป็นขั้นตอนการแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจาระหว่างคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย

นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะผู้กล่าวหา ยืนยันว่านายสุรพงษ์ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เป็นไปตามระเบียบของกระทรวง จากการยกเลิกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายทักษิณ และการจะออกหนังสือเดินทางให้บุคคลใดนั้น จะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงอย่างเคร่งครัด และต้องตรวจสอบว่าบุคคลนั้น อยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี หรือห้ามเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ แต่นายสุรพงษ์ กลับออกหนังสือเดินทางให้ นายทักษิณใหม่แล้วเสร็จภายในวันเดียว ทั้ง ๆ ที่นายทักษิณ ถูกศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ปี 2551 และถูกดำเนินคดีอีกหลายคดี จึงแสดงให้เห็นว่า เป็นการเร่งรัดดำเนินการ ถือว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่

จากนั้นนายสุรพงษ์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ได้แถลงปิดสำนวนคดีโดยยืนยันว่า บันทึกแจ้งข้อกล่าวหา จากป.ป.ช. เป็นเอกสารเท็จ เพราะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาตน มีจำนวน 6 คน แต่ในบันทึกข้อกล่าวหา กลับมีกรรมการร่วมลงชื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก 3 คน

นอกจากนั้นในระหว่างการแถลงปิดสำนวน นายสุรพงษ์ ได้ขอให้นายสุรชัย ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้น ตรวจสอบองค์ประชุม เนื่องจากเห็นว่าสมาชิก สนช. อยู่ในห้องประชุมไม่น่าจะถึง 50 คน ซึ่งอาจขัดต่อข้อบังคับการประชุมของ สนช. จนอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวด้วย

นายสุรชัย จึงได้กดสัญญาณเรียกสมาชิกมาแสดงตน จึงทำให้สมาชิกหลายคนอาทิ นายสมชาย แสวงการ ,นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ท้วงติงว่าไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามที่นายสุรพงษ์ร้องขอเพราะนายสุรพงษ์ ไม่ได้เป็นสนช. อีกทั้งยังมีสมาชิกบางส่วนติดประชุมอื่นๆ จึงไม่ได้ร่วมการประชุมครั้งนี้ ทำให้การแถลงปิดคดีของนายสุรพงษ์ต้องชะงักลง และนายสุรชัย ได้เชิญตัว นายสุรพงษ์ ออกจากห้องประชุมเป็นการชั่วคราว เพื่อหารือร่วมกับสมาชิกเป็นการภายใน

ทั้งนี้นายสุรชัย ได้ขออภัยกับสมาชิกภายในห้องประชุม ที่อาจไม่ถูกใจสมาชิกพร้อมชี้แจงการทำหน้าที่ของตนว่า ได้คำนึงถึงเกียรติ และศักดิ์ศรีของสนช. เพราะเป็นการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาก่อนที่ สนช. จะตัดสินใจลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ จนทำให้ที่ประชุมต้องลงมติ เพื่อหาข้อยุติว่าบุคคลภายนอก สามารถร้องขอให้ประธานในที่ประชุม ตรวจสอบองค์ประชุมได้หรือไม่

ซึ่งที่สุดแล้วที่ประชุมลงมติเอกฉันท์ด้วยคะแนน 149 เสียงเห็นด้วย ไม่ให้ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิก สนช. มีสิทธิขอให้ตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนที่จะเชิญตัวนายสุรพงษ์ เข้ามายังห้องประชุม เพื่อดำเนินกระบวนการต่อไป




ooo




“ชูวิทย์” เดือดหนัก!! จวกคดีทายาทกระทิงแดง - Live : คนรวยทำผิดไม่ติดคุก : ชูวิทย์ตีแสกหน้า | 29 มี.ค. 60 -




https://www.youtube.com/watch?v=7Nv1-5tBsF8

Live : คนรวยทำผิดไม่ติดคุก : ชูวิทย์ตีแสกหน้า | 29 มี.ค. 60


Streamed live 1 hour ago

“ชูวิทย์” เดือดหนัก!! จวกคดีทายาทกระทิงแดง ล่าสุดสื่อนอกแฉ "วรยุทธ อยู่วิทยา” ใช้ชีวิตหรูหราบินเที่ยวรอบโลก แต่ทำไมกลับมาประเทศไทยไม่ได้! แถมคดีนี้ยังไม่ถูกสั่งฟ้อง ตีแสกหน้าอัยการ ตำรวจ มัวทำอะไรกันอยู่ หรือคนรวยทำผิดไม่ต้องติดคุก!? บอกได้เลยว่าคืนนี้ยาวแน่!
ติดตามชูวิทย์ตีแสกหน้า 20.00 น. ในรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32


ooo

อัยการจ่อแถลงคืบหน้าคดีทายาทกระทิงแดงขับรถพุ่งชนตำรวจเสียชีวิตปี 55 พรุ่งนี้





Wed, 2017-03-29 20:32
ที่มา ประชาไท

อัยการเตรียมแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีทายาทกระทิงแดงขับรถพุ่งชนตำรวจเสียชีวิต ปี 55 พรุ่งนี้ หลังสื่อต่าง ปท. เสนอชีวิตในต่างประเทศด้วยความสบายใจโดยยังไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ

29 มี.ค.2560 จากกรณีสื่อมวลชนตั้งถามต่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กรณีความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเจ้าของกระทิงแดง หลังสำนักข่าวเอพีในนิวยอร์ก สหรัฐฯ นำเสนอชีวิต วรยุทธ ผู้ต้องหาคดีขับรถชนตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศด้วยความสบายใจโดยยังไม่ถูกดำเนินคดีใด ๆ ทั้งที่คดีใกล้จะหมดอายุความภายในปีนี้ และถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแล้วไม่เข้ารายงานตัวหลายครั้ง

โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ ยืนยันว่า ตำรวจได้ส่งสำนวนคดี วรยุทธ ให้อัยการตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. 2555 โดยคดีนี้เกิดเหตุก่อนที่ตัวเองเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเมื่อพบความล่าช้าและช่องว่างกฎหมาย ได้ย้ำให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการให้ชัดเจน

พ.ต.ท. อาชวิน บุญธรรมเจริญ รองผู้กำกับฝ่ายสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ อัยการนัดฟังคำสั่งคดีนี้ ซึ่งผู้ต้องหาจะมาฟังคำสั่งหรือมอบหมายทนาย ความมาแทนก็ได้ หากอัยการสั่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหาไม่มาและไม่สามารถตามตัวมาส่งฟ้องต่อศาลได้ อัยการสามารถเสนอศาลออกหมายจับตามข้อหาที่สั่งฟ้อง หรือถ้าอัยการสั่งฟ้องแล้วทนายความยืนยันสามารถตามตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลได้ อัยการก็จะนัดวันส่งฟ้องต่อศาล แต่หากสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา คดีถือว่าสิ้นสุด

มีรายงานข่าวว่า พรุ่งนี้ (30 มี.ค.60) เวลา 10.00 น. สำนักงานอัยการสูงสุด โดย ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด จะ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าว ที่ ห้องประชุม 303 ชั้น 3 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

รายงานข่าวระบุด้วยว่า กรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าคดีนี้ล่าช้าเกือบ 5 ปี โดย วรยุทธ ไม่เข้าพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียก แต่ให้ทนายความเดินทางไปแทนและอ้างว่า ป่วยหรือเดินทางไปทำธุรกิจต่างประเทศ และพบว่าเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งนั้น ตำรวจ บอกว่า ต้องขอตรวจสอบก่อน



ที่มา : ไทยพีบีเอส Voice TV และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์

รายการ Overview : 'โลกประจานไทย ลูกกระทิงแดงชนคนตาย แต่ใช้ชีวิตหรูหราทั้งโลก' - Red Bull Heir Killed a Cop in a Car Crash 4 Years Ago-and Still Hasn’t Been Punished




https://www.youtube.com/watch?v=8zJ7jui9W3Y

Overview : 'โลกประจานไทย ลูกกระทิงแดงชนคนตาย แต่ใช้ชีวิตหรูหราทั้งโลก'

BeerNoDrinK

Published on Mar 29, 2017

Overview ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ 29 03 2017 Voice TV วิเคราะห์ในประเด็น 'โลกประจานไทย ลูกกระทิงแดงชนคนตาย แต่ใช้ชีวิตหรูหราทั้งโลก'

ooo

Red Bull Heir Killed a Cop in a Car Crash 4 Years Ago-and Still Hasn’t Been Punished




It seems money can buy anything in Thailand, including the justice system. Red Bull heir Vorayuth Yoovidhya

By Rob Wile
21 hours ago

Source: Money.com via Yahoo News

It seems money can buy anything in Thailand, including the justice system.

Four years after allegedly slamming into a motorcycle cop, dragging him along the road and then speeding away from the mangled body, the Thai heir to the Red Bull fortune remains a globe-trotting socialite seemingly unshackled from any legal consequences, The Associated Press reports.

Since the 2012 accident, Vorayuth “Boss” Yoovidhya, now in his early ’30s, has been seen “soaking in an Abu Dhabi pool, dining in Nice, France, and holding a $10,000 bicycle in Bangkok,” the wire says.

All the while, he has missed numerous prosecutor orders to report to court on charges of speeding, hit-and-run, and reckless driving that caused death. He’s due at the prosecutors’ office again this Thursday.

Vorayuth is part of what one Thai newspaper has called “Bangkok’s deadly rich kids.”

Last year Janepob Verraporn, 37, the son of a wealthy Thai businessman, was allegedly driving his Mercedes at 150 mph when he killed two graduate students in a fiery accident. Afterward, police allowed Janepob to refuse a breathalyzer test. Although he was eventually charged in the incident, Money could not determine what his ultimate fate was.

In 2010, Orachorn “Praewa” Thephasadin na Ayudhya, then a teenager, allegedly rear-ended a passenger van carrying students and staff from Bangkok’s Thammasat University, killing nine people. Two years later, she was sentenced to two years in prison, but the sentence was suspended for three years because she “cooperated with investigators,” according to reports. She is the daughter of a high-ranking military official.

Thailand’s Nation newspaper wrote in an editorial last year that there is a “sense that there is one set of rules for the rich and influential and another for everyone else.”

“Stop me if you’ve heard this one before,” the editorial begins according to The AP. “An expensive car crashes. One or more people die. A person with a recognizable name ... emerges from the wreckage and flees the scene. No breath test is administered. Compensation is offered and the family tries to wriggle their way out of any legal consequences. The police fail dismally at their job.”

“There is most certainly a culture of impunity here that big people, which means roughly people with power and money, expect to be able to get away with a certain amount of wrongdoing,” Chris Baker, a Bangkok-based historian who studies inequality, told The AP. “This happens so often, so constantly, it is very clearly part of the working culture.”

This article was originally published on Money.com

การทำงานคสช. ยิ่งนานยิ่งอึมครึม




คดีทหารฆ่าเด็กหนุ่มชาวลาหู่ หาว่าจะขว้างระเบิดใส่ มียาบ้าในรถ นั่นน่ะในที่สุดก็ไม่ยอมเปิดคลิปวงจรปิด ทั้ง คสช. ทั้งลิ่วล้อออกมาแหลกันจ้อ

ตะหานหย่ายระดับ ผบ.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท บอก “ได้ดูภาพซีซีทีวีแล้วแต่ไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด”

ตำหวดย่อย ระดับ ผบ. ภูธร ภาค ๕ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ว่า “ยังยืนยันอะไรไม่ได้”

(http://news.voicetv.co.th/thailand/475092.html และ http://prachatai.org/journal/2017/03/70784)

ก่อนนั้นอีก ผู้แม่ทัพภาค ๓ ‘เจ้าของสมยา แม่ทัพตี๋ หมูอบโอ่ง’ และยังเป็นเจ้าของวลีสะท้านโลกันต์ “ถ้าเป็นผม กดออโต้” (หมดแม็กกาซีน) ไปแล้ว เป็นคนที่เปิดประเด็นเรื่องภาพวิดีโอกล้องวงจรปิดเอง (ตอนนี้เงียบเป็นปิดโอ่ง)





สรุปความ ‘ไม่’ คืบหน้าของคดีนี้ดีที่สุดต้องจาก Pavin Chachavalpongpun ที่ว่า “ยิ่งวันยิ่งอึมครึม

บอกว่ามีคลิปในกล้องวงจรปิด พูดโน่นพูดนี่ว่าเด็กมันจะปาระเบิด แถมแม่ทัพภาค ๓ ปากหมาบอกจะกดออโต้เลยทีเดียว ไปๆ มาๆ ตอนนี้ คลิปไม่รู้อยู่ไหน ฝ่ายนึงบอกส่งตำรวจไปแล้ว อีกฝ่ายบอกไม่ได้รับ ตอนนี้มาบอกว่าคลิปไม่มีประโยชน์

อ้าว แล้วทำไมไม่เอามาเปิดเผยละครับ แล้วนี่ก็กำลังจะเล่นเรื่องน้องเป็นนักค้ายา แถมบอกว่า ถ้าไม่ยิงน้องเค้า น้องก็ต้องยิงกลับ อ้าวไหนตอนแรกบอกจะปาระเบิด สรุปน้องแม่งเป็นทศกัณฐ์หรือครับ มี ๒๐ มือ ทั้งควงปืน ควงระเบิด ทั้งกำยาบ้า”





แต่ถ้าดูจากรายการข่าว ‘Overview’ ของว้อยซ์ทีวี กลับทราบว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ พูดเรื่องคลิปไว้ก่อนหน้าว่า ต้องรอให้ทหารเอาคลิปมาให้ก่อน

(http://shows.voicetv.co.th/overview/474561.html)

ลงเอยที่ว่าตอนนี้ไทยพีบีเอส “ยืนยันไม่เปิดภาพวงจรปิดวิสามัญฯ ชัยภูมิ ชาวลาหู่” นั้น แท้จริงน่าจะเป็น ทหารสั่ง ‘ปิด’ คลิปจากกล้องวงจรปิดเสียละมากกว่า

เพราะประชาชนทำท่าจะรู้มากกว่าที่ คสช.อยากให้รู้เพียงว่านายชัยภูมิ ป่าแส ที่ถูกฆ่านั้นเป็นพ่อค้ายาบ้าขนาดยักษ์ ทั้งที่กรรมการสิทธิมนุษยชนลงพื้นที่ไปสำรวจสภาพที่อยู่อาศัยของผู่ตาย เป็นเพียงกระท่อมเรือนแฝก และเขามีอาชีพค้ากาแฟ

“หลักฐานเงื่อนงำที่ทหารอ้างว่ามี...ทำไมท่านไม่เปิดกล้องวงจรปิด...ยิ่งไม่เปิดเผยกล้องวงจรปิด สังคมยิ่งคาใจว่ามีอะไรพิรุธ มีอะไรลับลมคมนัย”

เป็นคำพูดท้ายรายงานของศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการโอเวอร์วิว ที่เชื่อกันว่าทำให้ กสท. สั่งปิดว้อยซ์ทีวี ๗ วัน

แค่นั้นไม่พอ นี่สรรพากรต้องเร่งลงมือขูดเลือดแม้วตามที่ คสช.ต้องการแล้ว มีเจ้าหน้าที่นำหมายเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากการขายหุ้นชินคอร์ป ไปปิดหน้าบ้าน จันทร์ส่องหล้า ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เป็นวงเงินพร้อมค่าปรับราว ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท

(http://www.thairath.co.th/content/898037)




ซึ่งนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของทักษิณ แถลงว่า “จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ ภายใน ๓๐ วัน...แต่หากคณะกรรมการฯ ชี้ว่าต้องชำระภาษี ก็จะยื่นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง

และยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา ๑๕๗ และตามกฎหมายอื่นๆ เพื่อรักษาสิทธิ และระบบกฎหมายตามหลักนิติธรรม”

(http://www.tv24.in.th/2017/03/157.html)

ปะเหมาะพอดีกับที่หัวหน้า คสช. ยืนแยงตะแบงยันว่าจะต้องซื้อเรือดำน้ำจากจีนแน่ๆ สนนราคามิตรภาพ เสริมอ็อพชั่นกับของแถมด้วย รวมแล้ว ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยจะแบ่งฉกงบประมาณเป็นสามระยะ

ถ้าบี้ภาษีจากทักษิณได้ก็พอจ่ายค่าเรือดำน้ำไปเกือบครึ่งแล้วละ

การเข้าไปเกณฑ์ทหาร-เรียนรด.ได้อะไร?





เก็บความจากเพจ


Pavin Chachavalpongpun

เข้าไปเกณฑ์ทหารแล้วได้อะไร บางคนดีเฟนด์ว่า ได้ทักษะเรื่องกลยุทธ์โน่นนี่นั่น ผมเรียน รด มาแล้วขอบอกเลยว่า ไม่ได้อะไรทั้งสิ้น นอกจากไอ้ระบบ chain of command ที่ใช้กันดาษดื่นในหมู่ทหาร... ในบรรดาสถาบันของไทยทั้งหมด สถาบันทหารอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในเรื่องการผลิตบุคคลที่มีคุณภาพ เพราะสถาบันนี้ไม่ได้สอนให้คิด แต่สอนให้รับคำสั่ง ไม่ได้สอนให้ท้วงติง แต่สอนให้เชื่อฟังอย่างเดียว เมื่อทำผิด ต้องถูกลงโทษทางกายภาพ ความไม่ต้องการทำผิดจึงไม่ได้เกิดจากการเรียนรู้ แต่เกิดจากความกลัวเท่านั้น ผมไม่ได้ดูถูกสถาบันทหารทั้งหมด แต่ทหารมีหน้าที่เฉพาะอย่าง ที่พลเรือนไม่จำเป็นต้องไปรับรู้หรือรับมาเป็นทักษะ
....คราวนี้มาดูระบบการศึกษาในค่ายทหาร อย่างที่เขียนไปข้างต้น แม้แต่ระบบการศึกษาก็เป็นแบบ spoon-fed คือป้อนเข้าปากอย่างเดียว คนอย่างประยุทธ์ที่สอบได้ที่ 1 ของรุ่นจึงแสดงความโง่เขลาแม้แต่ในเรื่องที่มัน common sense มากๆ แล้วที่ขำคือคนพวกนี้มันอวดฉลาด การทำรัฐประหารทุกครั้งที่เอาทหารมาคุมประเทศในด้านสำคัญ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ มันถึงเจ๊ง ทหารไม่มีหน้าที่ผลิตนโยบายเศรษฐกิจครับ เหมือนเอาหมอมาออกแบบบ้าน จะอยู่ได้ไหม
...อีกเรื่อง อาจฟังแล้วหาว่าผมจิกกัด แม้แต่ในเรื่อง fitness ที่น่าจะเป็นคุณสมบัติของชายชาติทหาร ที่มักคุยว่าผ่านสงครามมาร้อยแปด ผมเห็นมีแต่นายพลอ้วน พุงย้วย ไอ้ทหารอ้วนเมืองฝรั่งก็คงมี แต่คงไม่มีจำนวนเท่านายพลอ้วนของไทย นายพลพวกนี้ไม่ตายในสงครามนะครับ ส่วนใหญ่หัวใจวายตายห่าเพราะไขมันอุดตันเส้นเลือด

.....

เป็นมาปีนึงครับ. สิ่งที่ได้มาคือกล้ามล้วนๆ กลับมาใส่เสื้อตัวเก่าๆแทบไม่ได้ แต่สิ่งที่เสียไปคือเวลากับความเป็นคน อิห่า ถ้ากูอยากได้แค่กล้ามกูไปฟิตเนสเอาตอนเลิกงานก็ได้

ตอนผมเรียน กล้ามยังไม่ได้เลยครับ มีแต่ให้ยืนตากแดด จัดแถว ซ้ายหันขวาหัน เดินขึ้นบันไดรถไฟฟ้ายังได้กล้ามเนื้อมากกว่าอะครับ

การเรียน รด. ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ นอกจากได้ปลูกฝังความเชื่อง การยอมลดทอนคุณค่าตัวเองแล้วทำสิ่งเหี้ยห่าตามที่คนแปลกหน้าที่ยศเหนือกว่าสั่งให้ทำ

เรียนรด.แล้วได้กลยุทธ์ฮะว่า ถ้าซื้อขนมร้านเมียจ่าครูฝึกไปกิน จ่าจะไม่ว่า

จำได้ว่าตำราภาคทฤษฏีนี่หนากว่า Oxford Dictionary อีก 2 เล่ม ... คนสอนก็สอนไปงั้นๆไม่ได้ตั้งใจเท่าไหร่ คนเรียนก็ถือว่าเป็นช่วงงีบหลบร้อน ... จบมาแต่ละปีแทบจะไม่มีใครเปิด ... เสียเวลาและทรัพยากรไปทั้งคนเรียนคนสอนโดยแท้

ผมกลัวการคุกคามทางเพศครับ ขนาดตอนสมัคร รด. ผมจำได้ คนตรวจร่างกายแม้งเอามือมาล้วงหำผม ส่วนคนถัดไปถูกจริตหน่อยมีจับตงจับตูด ตอนแรกผมคิดว่าแค่แซว แต่ผมจำได้ว่าตอนที่ฝึก ย้ำว่าแค่รด. นะครับ ผมเห้นพลทหารรับใช้นี่แหละ ออกสาวหน่อยๆ ประคบประหงม ทหารผู้ใหญ่คนนึงที่นั่งคุมยังกะทาส ละอีกอย่างนึงคือ ผมไม่อยากเป้นเพราะรุ้สึกว่าโครตเสียเวลาทำมาหากิน เสียเวลาอิสระในวันข้างหน้า เรียกค่าเทอมก้แพง เสือกจะมาบังคับให้กลับไปรับใช้ชาติ ไอ่พวกรุ่นใหญ่ก็ปลูกฝังแต่ความรักชาติ (คลั่งชาติ) เคยแย้งตอนฝึกผมโดนม้วนหน้ารอบแถว แทบอ้วก แต่ผมก็ผ่านมาได้ จากความคิดผม ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเล ยเออ ท่าระดับพลทหารลงภารกิจได้ค่าเสี่ยงตาย เงินเดือน 70k+ พร้อมนั่นนี่ให้ ผมจะยอมเลือกเป็นอาชีพเลยถ้าได้ช่วยชาติจริงๆ แต่นี่ ผมเอาเวลาไปเที่ยวใช้ชีวิตของผมดีกว่า ผมเห็นคนดีเฟ้นด้วยประโยคที่ว่า เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คุณคิด ผมนี่แบบ
You're Fucking Moron!!!

เป็นทหารได้อะไรกว่าที่คุณคิดเป็นแค่ประโยคปลอบใจตัวเองของคนที่โดนใบแดง กับประโยคพรอพพากันดาของฝ่ายทหารน่ะครับ ไร้ค่าเหี้ยๆ

ส่วนตัวเรียน รด. มาห้าปี ไม่รู้สึดส่าเสียดายเลย ได้ความสนุก ได้ความมันส์ คิดเสียว่ามันเป็นโปรแกรมเที่ยวฟรีแบบแอดเวนเจอร์ มีโดดร่มพาราเซล ยิงปืน อะไรมากมาย โอเคถ้าบ้านรวยกิจกรรมพวกนี้อาจจะหาซื้อเล่นตอนไหนก็ได้ แต่ด้วยฐานะยากจน การได้ทำกิจกรรมพวกนี้มันสนุกมาก แต่ถ้าถามว่าได้อะไรเกี่ยวกับความรักชาติ รักทหาร บอกเลยไม่มี ไร้สาระ

การเรียนร.ด.ทำให้ขยะแขยงวงการทหารสุดๆ เพราะเจอกับตัวว่าพวกทหารไม่มีศักดิ์ศรี เช่น รีดไถเหล้าจากนักศึกษาแลกกับที่ไม่ต้องตัดผมบ้าง โดดเรียนแล้วเช็คชื่อให้บ้าง

อาไปอ้างได้ว่า รับใช้ชาติ แต่จริงๆ จะเป็น ทหารรับใช้ ท่านๆ นะครับ #เรื่องนี้ต้องสัมภาษณ์ มาร์ค มากที่สุด กับประเด็นเกณทหาร ...

เรียน รด ได้กินข้าวมันไก่เมียจ่าครับ

ooo

เรื่องเกี่ยวเนื่อง...

กลาโหมยันพ.ร.บ.กำลังสำรอง เรียกอายุไม่เกิน 45 ปี ฝึกแค่ 10 วัน เตือนพวกบิดเบือนเจอ พ.ร.บ.คอมฯ


Wed, 2017-03-29 02:38
ที่มา ประชาไท

กลาโหม ยัน พ.ร.บ.กำลังสำรอง ไม่ใช่การสร้างกองกำลังทางอำนาจใหม่ของกลาโหม เรียกชายไทย อายุไม่เกิน 45 ปี ไม่ใช่ 60 ปี ฝึกแค่ 10 วัน ไม่ใช่ 2 เดือน ส่วนผู้จบ รด. ปี 5 ปี 3 ทหารปลดกองประจำการแล้ว จะโทรเรียกมาขึ้นบัญชีและรับทราบถึงบัญชีบรรจุกำลังในหน่วยที่ตนสังกัด เตือนพวกบิดเบือนอาจโดน พ.ร.บ.คอมฯ



พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม


28 มี.ค.2560 รายงานข่าวระบุว่า พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบิดเบือน พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง ปี 2558 ว่า เป็นระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของชาติเพื่อความมั่นคงของประเทศในภาพรวม ซึ่งทุกประเทศมีและใช้กันอยู่ แม้กระทั่งประเทศอาเซียน อย่างเช่น สิงคโปร์ ถือเป็นการนำบทบัญญัติของกฎหมายเดิมที่มีอยู่หลายฉบับมาปรับปรุงให้ทันสมัย รวมอยู่ในกฎหมายฉบับเดียวกัน โดยเกิดความชัดเจน เข้าใจง่าย และไม่ให้มีการสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ ว่า "กระทรวงกลาโหมจะสร้างกองกำลังทางอำนาจใหม่"

โฆษกกลาโหม ระบุว่า การดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นส่วนหนึ่งของงานปฏิรูปกองทัพในระบบงานกำลังพล และกรณีที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ชายไทยที่มีอายุไม่เกิน 60 ปี จะต้องเป็นกำลังพลสำรองนั้น ในข้อเท็จจริงของกฎหมาย คือ กองทัพจะทยอยเรียกเฉพาะกำลังพลสำรองที่มีบรรจุเข้าไปในบัญชีบรรจุกำลังของหน่วยทหารที่อายุไม่เกิน 45 ปีเท่านั้น

"กำลังพลเหล่านี้เป็นกำลังพลที่มีสถานะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรกองหนุน หรือ รด. ปี 5, ทหารประเภทกองหนุนที่ 1 หรือ รด.ปี 3 นายทหารที่ปลดประจำการแล้ว รวมทั้งทหารกองหนุนประเภทที่สอง ถึงพวกที่จับใบดำในแต่ละปีเท่านั้น ซึ่งยอดรวมมีประมาณ 70,000 คน คิดเป็น 1 - 2 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลสำรองทั้งหมดเท่านั้น" พล.ต.คงชีพ กล่าว

โฆษกกลาโหม ระบุว่า ระบุอีกว่า ผู้ที่เรียนจบ รด. ปี 5 ปี 3 ทหารที่ปลดกองประจำการแล้ว จะโทรเรียกเข้ามาเพื่อขึ้นบัญชี และเข้ามาทำการรับรู้รับทราบถึงบัญชีบรรจุกำลังในหน่วยที่ตนสังกัด กฎหมายฉบับนี้เปิดโอกาสให้กำลังพลสำรองที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสามารถสมัครเข้าเป็นกำลังพลสำรอง เข้ามารับราชการเป็นกำลังพลสำรองได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันทั้ง 3 เหล่าทัพ เรียกกำลังพลสำรองเพื่อตรวจสอบ จำนวน 1 วัน เพื่อฝึกวิชาทหาร โดยเฉลี่ยฝึกไม่เกิน 10 วัน จากเดิมที่ต้องฝึก 60 วัน แต่เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของงบประมาณ ฉะนั้น จะไม่มีการฝึกกำลังพลสำรอง 2 เดือน ตามที่เข้าใจ

บุคคลที่ไม่ได้รับการบรรจุรายชื่อในหน่วยทหาร ที่อายุเกินเกณฑ์ คือ ตั้งแต่ 46 ปีขึ้นไป จะไม่มีโอกาสในการเรียกเข้ามาฝึกวิชาทหาร นอกจากนั้น กำลังพลสำรองยังสามารถใช้ชีวิตตามปกติประกอบอาชีพปกติและได้รับสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง. ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร, ที่พัก, เสื้อผ้า เหมือนเช่น ข้าราชการทหารอื่นๆ

"ขอทำความเข้าใจ หากมีการเสนอข่าวในลักษณะนี้ ขอให้ใช้ข้อมูลที่ชี้แจงให้เป็นประโยชน์ และพร้อมที่จะทำความเข้าใจประชาชนทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นปัญหาเดิมๆ จากการบิดเบือนข้อมูล, การนำเสนอข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วน หรือความไม่เข้าใจ นำไปขยายผลสร้างการรับรู้ความเข้าใจในโลกโซเชียลมีเดียหรือเครื่องมือต่างๆ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ประชาชนต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ตื่นตัวรับรู้ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการเสพข้อมูลโดยไม่มีเหตุผล และขนาดนี้เรามี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อยู่ด้วย" โฆษกกลาโหม กล่าว

ที่มา เพจ กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คุยเรื่องเบื้องหลังการปิดวอยซ์ให้ฟัง




https://www.facebook.com/VoiceTVonline/videos/10156324348524848/

.....



.....


ปฎิรูปกองทัพ (ตอนสุดท้าย)"กองทัพ"คือคู่ขัดแย้ง ยิ่งอยู่นาน ยิ่งล้มเหลว




https://www.youtube.com/watch?v=VPu1iejzjjg

ปฎิรูปกองทัพ (ตอนสุดท้าย)"กองทัพ"คือคู่ขัดแย้ง ยิ่งอยู่นาน ยิ่งล้มเหลว

jom voice

Published on Mar 28, 2017

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ให้สัมภาษณ์ Thaivoice ( ปฎิรูปกองทัพ ตอนสุดท้าย ) เกี่ยวกับอนาคตของรัฐบาล คสช.ว่า มีหลายเรื่องที่ คสช.แก้ไม่ได้และอ้างที่จะอยู่ยาว ซึ่งหากคสช.อยู่ยาวยิ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมากยิ่งขึ้น ยอมรับเถิดว่าทหารไม่ถนัดในการบริหารประเทศ การเป็นนายกรัฐมนตรี จะเอาความคิดหรือแนวทางการทำงานแบบทหารมาใช้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า รัฐประหารซ้อน หมายถึงเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้มีอำนาจด้วยกันเอง จะไม่เกิดขึ้นเพราะทุกคนก็อยู่กันสุขสบายดี แต่หากการบริหารบ้านเมืองเกิดความล้มเหลว ก็อาจจะทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านและนำไปสู่การปฎิวัติได้ แต่ก็เป็นไปได้ยากอีก เพราะคนไทยมีความอดทนสูง ดังนั้นเมื่อทหารรู้ตัวเองว่าไม่ถนัดก็ไม่ควรจะฝืน

ooo

เรื่องเกี่ยวข้อง...

เปิดพิมพ์เขียว"ปฎิรูปกองทัพ(3)"หยุดทหารทำ"รัฐประหาร"อย่างถาวร



https://www.youtube.com/watch?v=FbT8uNROTlw

jom voice

Published on Mar 27, 2017

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ให้สัมภาษณ์ Thaivoice (ปฎิรูปกองทัพ 3 )เกี่ยวกับการปฎิรูปกองทัพเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารทำรัฐประหารอีกต่อไปว่า รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และเป็นที่ยอมรับของประชาชนต้องกล้าหาญ และจริงจังที่ต้องทำเรื่องนี้ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกำหนดให้ชัดว่าหาก กองทัพ ทำรัฐประหาร ก็ให้ประชาชมีสิทธิที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ทุกวิถีทาง แม้กระทั่งการจับอาวุธขึ้นสู้ ขณะเดียวกันต้องบังคับ ไม่ให้ฝ่ายตุลาการรับรองการทำรัฐประหาร ให้กำลังพลในกองทัพเรียนรู้วิถีทางประชาธิปไตยร่วมกับพลเรือน และไม่ยึดมั่นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเป็นกฎหมาย ซึ่งหากรัฐบาลพลเรือนที่ชอบธรรมยังไม่กล้าแตะเรื่องนี้ วงจรแห่งการทำรัฐประหารในประเทศไทยก็ไม่มีวันจบสิ้น และหากรัฐบาลพลเรือนกลัวรัฐประหาร ไม่กล้าทำเรื่องนี้ สุดท้ายก็จะถูกรัฐประหารเสียเองเหมือนที่เคยเกิดมาทุกครั้งในอดีต ( ปฎิรูปกองทัพ ตอนสุดท้าย - พล.ท.พงศกร รอดชมภู จะวิเคราะห์ ...หากรัฐบาล คสช.ต้องการอยู่ยาว ผลกระทบ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศมีแบบไหนอย่างไร โปรดติดตาม...)

.....

"ซื้อเรือดำน้ำ"สะท้อนปัญหายุทธศาสตร์กองทัพไทย (ปฎิรูปกองทัพ ตอนที่ 2)




https://www.youtube.com/watch?v=cat8ryBeGvI

jom voice

Published on Mar 26, 2017

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ให้สัมภาษณ์ Thaivoice (ตอนที่2)เกี่ยวกับการปฎิรูปกองทัพว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำเพราะไม่อาจเล็ดรอดดาวเทียมสำรวจได้และไทยก็ไม่ได้มีศัตรูที่ชัดเจน เรือดำน้ำจำเป็นในภาวะใกล้เกิดสงคราม แต่ควรจะพัฒนากองทัพเรือให้เข้มแข็งมากขึ้นจะดีกว่า เพราะกองทัพเรือมีบทบาทสำคัญในการปกป้องและรักษาทรัพยากรของประเทศ รวมทั้งจะมีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจ และภาวะสงคราม ขณะเดียวกันการแก้ปัญหาการใช้งบประมาณของกองทัพที่ขาดประสิทธิภาพ ควรจะยุบรวมกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองบัญชาการกองทัพไทยเข้าด้วยกัน ส่วนนายพลที่มองกันว่ากองทัพไทยมีนายพลมากที่สุดในโลกนั้น มาจากแนวคิดศักดินานิยมโบราณ ควรจะลดให้น้อยลง ที่ที่มีอยู่ก็ควรจะแบ่งงานให้สอดคล้องกับเงินเดือนและสวัสดิการที่ได้รับ ( ปฎิรูปกองทัพ ตอนที่ 3 - พล.ท.พงศกร รอดชมภู จะให้เห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.กำลังพลสำรอง ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช.ไปแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ จะส่งผลกระทบแค่ไหนอย่างไร โปรดติดตาม..)

.....

นายพลนอกราชการ เสนอ"ปฎิรูปกองทัพ"เริ่มด้วย"ลดกำลังพล"เสริมเขี้ยวเล็บด้าน"เทคโนโลยี"



https://www.youtube.com/watch?v=r9GrEu6Labs

jom voice

Published on Mar 26, 2017

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ให้สัมภาษณ์ Thaivoice ( ตอนที่ 1 ) เกี่ยวกับแนวคิดการปฎิรูปกองทัพว่า ควรจะเริ่มต้นที่การลดกำลังพล เพราะงบประมาณกว่า 80 เปอร์เซ็นต์หมดไปกับเงินเดือนและสวัสดิการกำลังพล การเกณฑ์ทหาร หรือการเรียกกำลังพลสำรองเข้ามาจำนวนมาก และมาประจำเป็นเวลานาน ๆ ล้วนเป็นภาระด้านงบประมาณอย่างมาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพราะคนเหล่านี้เป็นกำลังผลิตสำคัญของประเทศ ขณะเดียวก็ได้กำลังพลที่ไม่ได้คุณภาพ แต่ควรเป็นการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลที่มีความสนใจ มีสามารถเฉพาะด้านที่จะเข้ามาพัฒนากองทัพอย่างแท้จริงเช่นด้านเทคโนโลยีเพื่อให้สอดคล้องกับกองทัพในโลกยุคใหม่ เพราะสงครามในโลกอนาคตไม่ใช่การรบแบบเผชิญหน้าแต่รบด้วยเทคโนโลยี ( ปฎิรูปกองทัพ ตอนที่ 2. พล.ท.พงศกร รอดชมภู จะวิเคราะห์ถึง อาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยเฉพาะ เรือดำน้ำ...มีความจำเป็นหรือไม่ โปรดติดตาม )


#บันทึกกรรม ฆ่าฉันเถิด และยัดระเบิด ใส่มือฉัน...




ฆ่าฉันเถิด
และยัดระเบิด ใส่มือฉัน
โยนมาเถิด บทลงโทษ บทลงทัณฑ์
จะประนาม หยามหยัน ก็เชิญเลย

ปืนอยู่ในมือคุณ
ลูกกระสุน ฝังอยู่ ในร่างฉัน
ไม่มีเสียง โต้ตอบ ถึงโทษทัณฑ์
ไม่มีแม้ ความฝัน-ลมหายใจ

ปืนอยู่ในมือคุณ
ลูกกระสุน ฝังอยู่ ในร่างฉัน
ไม่มีสิทธิ์ โต้แย้ง ถึงโทษทัณฑ์
มีเพียงความ เงียบงัน ฝังลงดิน

#ชัยภูมิป่าแส
::::::::::::
28 มีค. 2560
#ข้างแรม



หนุ่ย อภิสิทธิ์

ooo




#บันทึกกรรม
"ตอบดี"พอๆกับคดีสังหารลูกเรือจีน13คนกลางแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2011

ที่มา FB

Sa-nguan Khumrungroj

ภาพเสือโหย หรือ หมาหิว... สรรพากร บุก จันทร์ส่องหล้า ปิดประกาศเรียกเก็บภาษี นายทักษิณ ชินวัตร แล้ว 17,629 ล้านบาท







📌😁ตลกว่ะ
💢😁สรรพากร บุก จันทร์ส่องหล้า ปิดประกาศเรียกเก็บภาษี นายทักษิณ ชินวัตร แล้ว 17,629 ล้านบาท😁



Bancha Banchakarn

ooo



ooo

"เรืองไกร" บุกเตือนสรรพากร เรียกภาษี "หุ้นชินฯ" ขัดกฏหมาย

 

https://www.youtube.com/watch?v=_dxvb74pkqI&feature=youtu.be

TV24 Official

Published on Mar 28, 2017

#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ตัวแทนทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยเดินทางมายื่นหนังสือที่กรมสรรพากรวันนี้ ให้พิจารณาทบทวนเพื่อยุติการตรวจสอบและการจะประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ความพยายามของรัฐบาลที่กดดันให้กรมสรรพากรทำการประเมินและเรียกเก็บภาษีจากอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่สามารถดำเนินการได้

นายเรืองไกร กล่าวว่า หากกรมสรรพากรมีการส่งหมายเรียกเพื่อประเมินภาษีมายังอดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมาดูในรายละเอียดของหนังสือดังกล่าวก่อนว่ามันคือ อะไร และหากกรมสรรพากรอ้างอิงคำสั่งของศาลภาษีอากรกลาง ในการใช้มาตรา 19 เพื่อมาดำเนินการในส่วนนี้ก็คงจะไม่ได้ เพราะเกินกำหนดเวลามาแล้ว และจะเอาหมายเรียกที่เคยออกเมื่อปี 2550 มาใช้ก็คงจะไม่ได้อีก ดังนั้นแม้กรมสรรพากรจะอ้างว่าทำตามคำสั่งของรัฐบาล ก็เห็นว่าทำไม่ได้แล้ว เพราะหมายเรียกที่เคยออกเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2550 ศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนไปแล้ว ส่วนหมายเรียกเมื่อ 6 พ.ย. 2549 ก็ได้ถูกยกเลิกเช่นเดียวกัน

 ooo


55555 โง่บัดซบ
(สหายท่านหนึ่ง)
เอาหมายไปปิดบ้านคุณหญิงพจมาน
กูว่ามึงปิดผิดที่นะ..
เค้าเเลิกกะนายกทักษิน
ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ?
..เอ่อแดกหหรอมึง?

แม่ง
กะยึดบ้านจันทร์ส่องหล้า
55555

หรือ
มันรู้แต่แกล้งเนียน กว่าจะติดถูกที่ หมดอายุความพอดี จะได้อ้างได้ หาทางลงตากยอดไม้
555

ทักษิณขายหุ้นได้เงิน 73,000 ล้านบาท โดนยึดทรัพย์ไป 46,000 ล้านบาท เพราะฝ่ายตรงข้ามสรุปเอาว่าไอ้ 46,000 ล้านบาทเนี่ยมาจากการเป็นนายกตอนนั้นแล้วเอื้อประโยชน์ให้หุ้นของแกมีราคาสูง โอเคเหลือเงินจากการขายหุ้น 27,000 ล้านบาท ตอนนี้แม่งบอกจะเก็บภาษีจากการขายหุ้นครั้งนั้นอีก 17,000 ล้านบาท สลิ่มแม่งก็เชียร์เย้วๆให้เก็บให้ได้ โอเคถ้าเก็บจริงก็จะเหลือเงินจากการขายหุ้นครั้งนั้น 10,000 ล้านบาท !

แต่ข้อมูลที่ใครๆก็รู้คือ ทักษิณนี่ก่อนจะมาเล่นการเมืองมีเงินอยู่แล้ว 60,000 ล้านบาท

สรุปว่าไอ้ฝ่ายตรงข้ามและพวกเผด็จการทหารนี่แม่งคิดว่าคนเราคนหนึ่งถ้าทำธุรกิจมานานจนประสบความสำเร็จแล้วคนเราควรจะขาดทุน ไม่ใช่มีกำไร

ด้วยวิธีคิดแบบนี้ก็ไม่สงสัยหรอกว่าฝ่ายตรงข้ามทักษิณและทหารเผด็จการแม่งขึ้นมาบริหารประเทศทีไร เศรษฐกิจแม่งถึงได้บรรลัย เพราะปรัชญาแนวคิดของพวกแม่งคือ คนเราถ้าทำธุรกิจสำเร็จแล้วแม่งต้องขาดทุนไม่ใช่มีกำไร

ยกเว้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเดียวที่ทำแล้วมีกำไรเป็นแสนล้าน :Dนนนปป



นน

Pruay Saltihead