
Pipob Udomittipong
10 hours ago
·
Joshua Kurlantzick นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนักข่าวอาวุโส ซึ่งทำงานกับ Council on Foreign Relations ให้สัมภาษณ์ CNA น่าสนใจมาก
เขาเชื่อว่า #แพทองธาร น่าจะหลุดจากตำแหน่ง หลังคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มักถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดผู้นำ ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาทั้งของกองทัพและสถาบัน หรือไม่อย่างนั้นก็น่าจะแพ้การโหวตไม่ไว้วางใจ
ส่วน #คดี112 ต่อ #ทักษิณ เขามองว่า มันเป็นผลพวงมาจาก Power game การต่อรองอำนาจระหว่างทักษิณกับกองทัพและอำนาจที่เหนือกว่า แต่ในตอนนี้กองทัพไม่พอใจกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของทักษิณ การทำตัวเป็น Top Dog ของเขา การเข้าไปแทรกแซงในกิจการที่กองทัพไม่ต้องการ
เขาเชื่อว่าในคราวนี้ กองทัพและอำนาจที่เหนือกว่านั้น ต้องการยุติบทบาทของครอบครัวชินวัตรอย่างสิ้นเชิง “They’ve had enough of them”. มันจบแล้วนาย
และจากความผิดพลาดของนรม. เรื่องคลิปหลุดและเรื่อง ๆ อื่น ทำให้กองทัพกระชับอำนาจของตัวเองในหลายด้านอีกครั้ง
ส่วนเรื่องความเป็นไปได้ที่เกิดการ #รัฐประหาร โจชัวเขียนบทความก่อนหน้านี้ทำนายไว้แล้วว่า ไม่น่าจะเกิดการรัฐประหารภายในสัปดาห์นี้ แต่อาจเกิดขึ้นภายในหนึ่งหรือสองเดือน หากรบ.พลเรือนเริ่มไม่มั่นคงมากขึ้น
เขามองว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองทัพสามารถกระชับอำนาจตัวเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากปัญหาชายแดน ในเวลาเดียวกับที่ไทยมีรัฐบาลพลเรือนที่อ่อนแอมาก และมีนายกฯ ที่อ่อนแอมากเช่นกัน
หลายเดือนที่ผ่านมา กองทัพได้พยายามกระทำการที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจของตัวเอง อย่างการฟ้อง #คดี112 กับ Paul Chambers นักวิชาการของไทยที่มีชื่อเสียงมากสุดคนหนึ่งในโลก สอนหนังสือ ทำงาน มีครอบครัวในไทย อยู่เมืองไทยมากว่า 20 ปี
ปรกติรบ.ไทยจะไม่เนรเทศนักวิชาการออกนอกประเทศ และเป็นการฟ้องคดีต่อข้อเขียนที่เขาเขียนมานานหลายปีแล้ว เขามองว่า การฟ้องคดีต่ออ.พอลเป็นเรื่อง “pretty stupid” โดยเฉพาะในช่วงระหว่างการเจรจาภาษีกับรบ.สหรัฐฯ เพราะจะยิ่งทำให้รบ.อเมริกันโกรธมากขึ้น ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยเลย
ถ้าไปอ่านในบทความที่ Joshua Kurlantzick เขียนให้กับ CFR ไม่กี่วันก่อน เขาเริ่มด้วยการบอกว่า
“ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลาง หรือรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง เพียงประเทศเดียวในโลก ที่ยังคงมีการทำรัฐประหารอยู่เป็นประจำ (ในบราซิล มีการพยายามทำรัฐประหารในปี 2565 แต่ไม่สำเร็จ และมีรัฐประหารครั้งสุดท้ายเมื่อ 40 ปีที่แล้ว)
“โดยประเทศไทยมีความพยายามทำรัฐประหารมาแล้ว 22 ครั้ง นับแต่การล่มสลายของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในทศวรรษ 1930 โดยประสบความสำเร็จ 13 ครั้ง”
เขายังบอกในบทความด้วยว่า “กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง จนทำให้เกิดสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเรียกว่า “วัฒนธรรมการรัฐประหาร” (coup culture) ซึ่งยิ่งเกิดการรัฐประหารขึ้นมากเท่าไร กองทัพก็ยิ่งสร้างแนวคิดที่ยอมรับการรัฐประหารได้มากขึ้นเท่านั้น”
เขายังบอกต่อไปว่า สภาพการณ์ในตอนนี้ของไทย ไม่ต่างจากสภาพก่อนที่จะเกิดการรัฐประหาร ทั้งในปี 2549 และ 2557 เป็นสภาพที่ ”กองทัพและกลุ่มชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม สร้างภาพว่ารัฐบาลประชาธิปไตย...เป็นภัยคุกคามต่อความสามัคคี และอำนาจอธิปไตยของชาติ”
โดยกองทัพใช้ประเด็นกัมพูชา เป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังเพื่อสื่อให้เห็นถึงความไม่จงรักภักดี และเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงการเมือง
https://www.cfr.org/article/coup-coming-soon-thailand
https://youtu.be/-6WSLovWdq0
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10162702652756649&set=a.10150096728651649