วันพุธ, กรกฎาคม 16, 2568

ทนายแจม เล่า รวมเสียงผ่านร่างนิรโทษประชาชน อึ้งบอก ‘ของพวกพี่ออกจากคุกหมดแล้ว’ แต่ก็ยังวอนเพื่อน สส. โหวตผ่านร่างนิรโทษกรรมทุกฉบับโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไปถกความเห็นต่างในชั้นกรรมาธิการ อย่าเพิ่งปิดประตูความหวังของภาคประชาชน

@pplethai ขอความกล้าหาญจากผู้แทนราษฎรทุกพรรคการเมือง ช่วยกันผ่านกฎหมายฉบับนี้ เรื่องใดที่ยังเห็นต่าง ไปคุยกันในชั้นกรรมาธิการ แต่อย่าเพิ่งปิดประตูความหวังของประชาชนตั้งแต่วาระแรก นี่คือโอกาสสำคัญที่จะร่วมกันยุติความขัดแย้งและคืนความเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ตลอดกว่า 2 ทศวรรษของสังคมไทย ติดตามการลงมติร่างกฎหมาย #นิรโทษกรรมประชาชน ♬ original sound - พรรคประชาชน - People's Party


https://www.tiktok.com/@pplethai/video/7527308194633305362


·
“ทนายแจม” วอนเพื่อน สส. โหวตผ่านร่างนิรโทษกรรมทุกฉบับโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไปถกความเห็นต่างในชั้นกรรมาธิการ อย่าเพิ่งปิดประตูความหวังของภาคประชาชน
.
วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 11 พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จำนวน 5 ฉบับในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค.) ว่าตนได้รับมอบหมายให้ไปพูดคุยกับ สส.ต่างพรรค เพื่อรับฟังความเห็น ทำความเข้าใจ อธิบายร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับอดีตพรรคก้าวไกลและฉบับของภาคประชาชน ขอความร่วมมือจากพวกเขาให้โหวตรับทุกร่างแล้วไปถกเถียงกันในชั้นกรรมาธิการ
.
ต้องยอมรับว่าเป็นงานที่ใช้พลังมหาศาล ตนพยายามพูดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนนั่งในกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พูดทุกครั้งที่มีโอกาส แบกความหวัง ความเชื่อ ความจริงใจ ความตั้งใจไปทุกครั้ง แม้มีความเป็นไปได้แค่ 1% ก็ยินดีที่จะทำ แต่ข้อความที่ดิฉันได้รับกลับมาคล้ายกัน สส. หลายคนบอกว่า “เห็นใจนะ แต่ทำไม่ได้หรอก เรื่องคดีมาตรา 112 เนี่ย กลัวจะโดนยุบพรรค ขนาดแค่แก้ไขกฎหมายยังถูกยุบเลย” และสิ่งที่แทบทุกคนพูดตรงกันคือ “เอาคนกลุ่มใหญ่ออกมาก่อน เอาบางส่วนก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน” บางคนเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าถึงกับสื่อสารว่า “ของพวกพี่ออกมาจากคุกกันหมดแล้ว ไม่เดือดร้อนอะไร”
.
จนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบสองปีที่ อานนท์ นำภา และผู้ต้องหาทางการเมืองจำนวนมากยังไม่ได้ออกจากเรือนจำ หลายคนต้องระหกระเหินไปต่างประเทศ และอีกจำนวนมากไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เพียงแค่พวกเขาออกมาส่งเสียงเรียกร้อง มีเจตจำนงเสรีที่ต้องการเห็นประเทศนี้ดีขึ้น พวกเขาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนกลุ่มใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงประชาชนทุกคนในห้วงเวลาความขัดแย้ง 20 ปีที่ผ่านมา
.
“เราถกเถียงกันอยู่ในห้องแอร์ ว่าควรจะกำหนดเงื่อนไขให้คนกลุ่มหนึ่ง แต่ช่างคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พวกคุณมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยทางการเมือง เราถกเถียงกันว่าควรให้โอกาส แต่กลับจะปิดโอกาสของคนอีกกลุ่มอย่างหน้าตาเฉย เราจะส่งเสริมสันติสุข สลายขั้ว และออกจากความขัดแย้งโดยทิ้งคนอีกกลุ่มไว้ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ดิฉันคิดตลอดการฟังการอภิปรายเมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา การนิรโทษกรรมที่เริ่มต้นจากการเลือกปฏิบัติ จะยุติความขัดแย้งได้อย่างไร มีแต่จะสร้างความขัดแย้งที่ร้าวลึกกว่าเดิม”
.
ศศินันท์กล่าวว่า แม้จะมีความหวังอยู่เพียงน้อยนิด แต่ยังเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ ร่างกฎหมายของอดีตพรรคก้าวไกลและของภาคประชาชน จะได้ผ่านเข้าสู่วาระ 2 พร้อมกับร่างอื่น เพียงแค่เสียงของพรรคประชาชนบวกกับพรรคเพื่อไทย ก็ผ่านได้สบาย หรืออย่างน้อยพรรคเพื่อไทยกดงดออกเสียงให้ร่างอดีตพรรคก้าวไกลและร่างภาคประชาชน ทั้งสองฉบับก็จะผ่านวาระหนึ่งเช่นกัน �.
ดังนั้น ขอความกล้าหาญจากผู้แทนราษฎรทุกพรรคการเมือง ช่วยกันผ่านกฎหมายฉบับนี้ เรื่องใดที่ยังเห็นต่าง ไปคุยกันในชั้นกรรมาธิการ แต่อย่าเพิ่งปิดประตูความหวังอันน้อยนิดของประชาชนตั้งแต่วาระแรก นี่คือโอกาสสำคัญในการร่วมกันยุติความขัดแย้งและคืนความเป็นธรรมแก่ประชาชนตลอดกว่า 2 ทศวรรษของสังคมไทย

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1176341044513586&set=a.480614707419560
.....

ทนายแจม เล่า รวมเสียงผ่านร่างนิรโทษประชาชน อึ้งบอก ‘ของพวกพี่ออกจากคุกหมดแล้ว’

15 กรกฎาคม 2568
มติชนออนไลน์

วันที่ 15 กรกฎาคม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน เผยผ่านเฟซบุ๊ก ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ – ทนายแจม – Sasinan Thamnithinan ระบุว่า “เราจะส่งเสริมสันติสุข สลายขั้ว และออกจากความขัดแย้งโดยทิ้งคนอีกกลุ่มไว้ได้อย่างไร?”

นี่คือสิ่งที่ดิฉันคิดตลอดการฟังการอภิปรายเมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ดิฉันเป็นคนที่ได้รับมอบหมาย ให้ไปพูดคุยกับ สส.ต่างพรรค เพื่อรับฟังความเห็น ทำความเข้าใจ อธิบายร่างพรบ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลและภาคประชาชน ตลอดจนขอความเห็นใจจากพวกเขา ให้โหวตรับทุกร่าง แล้วไปถกเถียงในชั้นกรรมาธิการอีกที

ยอมรับว่าเป็นความพยายามตั้งแต่ตอนนั่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ทั้งในตอนประชุม หลังประชุม นอกเวลาประชุม วันชี้แจงรายงานฯในสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนวันที่ต้องไปพูดคุยเพื่อขอให้โหวตรับข้อสังเกต

ดิฉันได้ใช้พลังงานไปมหาศาล แบกความหวัง ความเชื่อ ความจริงใจ ความตั้งใจไปทุกครั้ง ผิดหวังก็ลุกขึ้นใหม่ แม้จะดูว่ามันยาก แต่ก็คิดว่าแม้จะมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็ยินดีที่จะทำ

ดิฉันได้รับ Messege คล้ายๆกันจาก สส.หลายคนว่า “เห็นใจนะ แต่ทำไม่ได้หรอก เรื่องคดีมาตรา 112 เนี่ย กลัวจะโดนยุบพรรค ขนาดแค่แก้ไขกฎหมายยังถูกยุบเลย” บางคนก็บอกว่า “น้องแจมไปคุยกับข้างบนสิ (ข้างบนไหน?) หรือ เสนอแนวทางให้ไปขออภัยโทษแทน” และสิ่งที่แทบทุกคนพูดตรงกัน นั่นคือ “เอาคนกลุ่มใหญ่ออกมาก่อน เอาบางส่วนก่อน ที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง” บางคนเห็นแก่ตัวยิ่งกว่า ด้วยการสื่อสารว่า “ของพวกพี่ออกมาจากคุกกันหมดแล้ว ไม่เดือดร้อนอะไร” ก็มี

ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว ที่อานนท์ และอีกหลายคนยังคงอยู่ในเรือนจำ หลายคนระหกระเหินออกไปไกลแล้ว ห้วงเวลายี่สิบปีของความขัดแย้งนี้ พรากเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพวกเขา “พวกเขา” ที่ไม่ได้หมายความถึงแค่กลุ่มใดกลุ่มนึงเท่านั้น แต่เป็นประชาชนทุกคนที่ออกมาส่งเสียง ออกมาลงถนน ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยมีเจตจำนงเสรี หวังให้ประเทศของเรานั้นไปได้ไกลกว่านี้ ซึ่งดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในประชาชนกลุ่มนี้

หลายคนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้

และบางคนไม่สามารถแม้นำร่างกลับมาประเทศไทยได้

เราถกเถียงกันอยู่ในห้องแอร์ว่า ควรจะนิรโทษฯให้กลุ่มนี้ก่อน กลุ่มนั้นก่อน คดีนั้นไม่ควร คดีนี้ไม่ดี โดยที่ไม่ได้คำนึงเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน คดีใด พวกเขาก็เป็น “ประชาชน” เหมือนๆกัน

เราถกเถียงกันอยู่ในห้องแอร์ว่า ควรนิรโทษให้คนที่มีความรู้ความสามารถกลับมาทำงานให้บ้านเมืองก่อน แต่ไม่สนใจว่า อีกกลุ่มที่ถูกคดีก็มีความรู้ความสามารถที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเมืองได้เช่นกัน

เราถกเถียงกันอยู่ในห้องแอร์ว่า ควรจะกำหนดเงื่อนไขให้คนกลุ่มนึง แต่ช่างแม่งกับคนอีกกลุ่มนึงที่พวกคุณมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยทางการเมือง

เราถกเถียงกันอยู่ในห้องแอร์ว่า ควรให้โอกาส ควรให้โอกาส แต่กลับจะปิดโอกาสของคนอีกกลุ่ม อย่างหน้าตาเฉย

เราจะส่งเสริมสันติสุข สลายขั้ว และออกจากความขัดแย้งโดยทิ้งคนอีกกลุ่มไว้ได้อย่างไร?

นี่คือสิ่งที่ดิฉันคิดตลอดการฟังการอภิปรายเมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ถ้าจะบอกว่าในช่วงเวลาสองปีที่เป็นนักการเมืองมา รู้สึกหมดหวังมากสุด ก็น่าจะช่วงเวลานี้ แต่แม้จะมีความหวังอยู่เพียงน้อยนิด ก็ยังเชื่อเหลือเกินว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 กค.) ร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลและภาคประชาชน จะได้ผ่านเข้าไปกับร่างอื่นๆด้วย ซึ่งเพียงแค่เสียงของพรรคประชาชนบวกกับพรรคเพื่อไทย ก็ผ่านได้สบายๆ หรืออย่างน้อยที่สุด กดงดออกเสียงให้กับร่างพรรคก้าวไกล และภาคประชาชน ทั้งสองฉบับก็จะผ่านวาระหนึ่งเช่นกัน

ซึ่งหากว่ากันด้วยหลักการแล้ว ทุกคนควรจะมีโอกาสได้รับการนิรโทษกรรม โดยไม่แบ่งแยก และนี่เป็นเพียงวาระหนึ่งเท่านั้น อย่าเพิ่งปิดประตูความหวังอันน้อยนิดของ “ประชาชน” เลยค่ะ

ดิฉันเรียกร้องขอความกล้าหาญทางการเมืองของผู้แทนราษฎรทุกท่าน อีก “นิดเดียว” เท่านั้นเอง

https://www.matichon.co.th/politics/news_5276196