วันพุธ, กันยายน 04, 2567

จดหมายจาก อานนท์ นำภา ณ ดินแดนที่กันดารในเกือบทุกสรรพสิ่ง

อานนท์ นำภา

เหมือนกลีบดอกซากุระต้องลมหนาวปลิวมาจากที่ไหนสักแห่งลอยมาตกที่แดน 4 ในทุกๆเช้าที่พ่อไม่ได้ออกศาล พ่อมักจะชงกาแฟมาจิบ นั่งมองกลีบดอกซากุระที่ทยอยปลิวมาหล่นบนพื้นสนาม กลีบแล้วกลีบเล่า จากหนึ่ง เป็น สอง สาม สี่ ครั้นพอสายลมหนาวระลอกใหญ่พัดมา กลีบซากุระสีชมพูก็พรั่งพรูปลิวว่อนทั่วทั้งแดน 4 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
.
3 กันยายน 2567 ถึง ลูกหว้า ปราณและเจ้าขาล ลูกรักทั้งสอง
.
เช้านี้ พ่อนั่งคิดถึงพวกเธอทั้งสามเหมือนเช่นทุกวัน ในหัวใจมันเพียรถามไม่ใช่ด้วยความสงสัยหากแต่มันคล้ายงอแง เพียงอยากรู้ว่าขณะที่กลีบดอกซากุระกลีบแรกปลิวมาที่แดน 4 พวกเธอทั้งสามอยู่กันอย่างไรบนโลกกว้างฝั่งนอกกำแพง ที่นั่นจะมีกลีบดอกซากุระปลิวรอยลมให้เห็นเหมือนที่นี่หรือไม่ ซากุระกลีบแล้ว กลีบเล่า ที่ร่วงปลิวมาในเวลาที่พ่อคิดถึงพวกเธอ พ่ออยากเหลือเกิน อยากให้มันเป็นเพียงสำบัดสำนวนที่ชวนให้ตอนอ่านอ่อนไหวไปตาม อยากเหลือเกินที่จะให้เป็นเพียงถ้อยคำโง่ๆ ที่ทำให้แม่ของพวกเธออ่านแล้ว แอบยิ้มที่มุมปาก และสบถออกมาว่า ”ตอแหล“
.
ในห้วงเวลานี้ มันยากที่จะบอกเพื่อนนักโทษที่เดินเข้ามาถามว่าพ่อนั่งมองอะไร มันยากที่จะบอกว่ากลีบซากุระที่ร่วงและปลิวมากลางสนาม มันอ่อนโยนและละมุนเพียงใด ณ ดินแดนที่กันดารในเกือบทุกสรรพสิ่ง คงมีเพียงความคิดถึงกระมังที่เหมือนจะเอ่อล้นและอึงอลอยู่ในทุกตารางนิ้ว ผู้ต้องขังบางคนเล่นกับแมวด้วยสายตาที่คิดถึงลูกสาวที่พลัดพราก บางคนเล่นบอลแล้วเผลอยิ้มเหมือนได้เล่นกับลูกชาย และบางคนนั่งเขียนจดหมายถึงครอบครัวเหมือนว่าอยู่พร้อมหน้า พูดคุยกันผ่านตัวอักษรอย่างสนุกสนาน…
.
ซากุระกลีบสุดท้ายสุดท้ายร่วงหล่นมาจากที่ใดสักแห่ง บอกเวลาว่าพ่อต้องเข้าห้องขังหมายเลข 17 ความมืดมิดคืบคลาน แล้วเราฝันถึงกัน
.
รักและคิดถึง
อานนท์ นำภา