วันจันทร์, เมษายน 05, 2564

อยากให้ รัตน์ จ๋วงพานิช ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่ อ่านรายงานชิ้นนี้ของทนายเข้าเยี่ยม “พรพิมล” แม่ค้าขายของออนไลน์ โดนแจ้ง 112 จากข้อความในเฟสบุ๊คเพียง 1 ข้อความ


Thanapol Eawsakul
17h ·

ถ้ามีเวลา และหัวใจอยากให้คุณรัตน์ จ๋วงพานิช ผู้พิพากษาศาลแขวงเชียงใหม่
https://www.facebook.com/photo?fbid=2826789787636530&set=a.1813390568976462
ได้อ่านรายงานชิ้นนี้
พรพิมลฝากข้อความออกมาสู่โลกภายนอกสั้นๆ ว่า
“กฎหมายนี้มันไม่แฟร์ คนที่ถูกกล่าวหาเหมือนถูกกลั่นแกล้งรังแก เหมือนถูกพรากชีวิตไป เหมือนคนตาย หนูไม่รู้ว่าข้างนอกมีอีกกี่คนที่โดนเหมือนหนู หนูไม่อยากให้กฎหมายนี้มันมีอยู่เลย หนูไม่ควรโดนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้”
บันทึกทนายเยี่ยม “พรพิมล”: คืนแรกในห้องขังที่ไร้แสงสว่าง “ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้
https://tlhr2014.com/archives/27924...



ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
17h ·

4 เม.ย. 64 นับเป็นวันที่ 4 ที่ “พรพิมล” (สงวนนามสกุล) แม่ค้าขายของออนไลน์ อายุ 22 ปี ถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ หลังถูกจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 64 และถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขังของสภ.ช้างเผือกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนถูกแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดเชียงใหม่ในการฝากขัง และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเธอตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64
.
ระหว่างที่ทนายความเข้าเยี่ยมพรพิมล เธอร้องไห้ตลอดเวลาที่พูดคุยกัน สำหรับสิ่งที่เด็กสาวอายุ 20 ต้นๆ ต้องพบเจอ เธอเล่าว่าตลอดคืนที่ผ่านมา หลังถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เธอนับเวลารอให้แต่ละนาที แต่ละชั่วโมง ผ่านไปด้วยความยาวนาน โดยหวังว่าวันรุ่งขึ้น ทนายความจะได้เข้าเยี่ยมเธอตามที่ได้บอกกล่าวไว้ระหว่างกระบวนการที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่
.
เธอเล่าว่าห้องขังที่เธอถูกนำตัวเข้าไปมีลักษณะที่แปลกประหลาดมาก เป็นห้องขังขนาดเล็กที่มีเพียงเธอและผู้ถูกคุมขังอีก 1 คนอยู่ภายใน ตัวห้องปิดทึบไม่มีช่องใดๆ ให้มองเห็นภายนอก ไม่เห็นแสงสว่างนอกจากด้านหน้าของห้องขังที่มีแสงไฟและผู้คุมผ่านไปมาอยู่บ้าง ทำให้แทบจะไม่รู้ว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน อีกไปกว่านั้น ห้องขังใกล้ๆ ยังมีผู้ต้องขังคนหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัว ทำให้เธอแทบจะข่มตาหลับลงไม่ได้
.
พรพิมลเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้เพื่อใช้ชีวิตของเธอว่า ตั้งแต่เธอเข้าเรียนมัธยมปลายในจังหวัดลำปางบ้านเกิด เธอก็ได้พยายามหารายได้ส่งเสียตัวเองเรียน ด้วยการสั่งซื้อสินค้าทั้งตุ๊กตาและเสื้อผ้ามาจากประเทศจีน เพื่อนำมาขายออนไลน์สร้างรายได้ให้กับตนเอง จนมีอยู่ช่วงหนึ่งสามารถจ่ายค่าเทอมของตนเองและน้องของเธอให้ร่ำเรียนได้ จากนั้นจึงได้ยึดถือการขายของออนไลน์เพื่อใช้ทำมาหาเลี้ยงปากท้องตนเองมาโดยตลอด
.
จนกระทั่งได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในคณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ แต่หลังจากเริ่มเรียนไปได้เป็นเวลา 1 ปี เธอก็ค้นพบว่าไม่มีความจำเป็นต้องศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป เมื่อเธอสามารถค้าขายสร้างรายได้เลี้ยงดูตนเองได้อยู่แล้ว จึงได้ออกจากการเรียนมหาวิทยาลัย มุ่งมั่นเข้าสู่การค้าขายบนโลกออนไลน์อย่างเต็มตัว จนสามารถเลี้ยงดูตนเองได้มาถึงปัจจุบัน
.
เธอเล่าว่าก็เป็นตามปกติของคนวัยเดียวกันที่จะมีการติดตามข่าวสารความเป็นไปของสังคมบ้าง ก็ได้รับรู้เรื่องราวของคนหนุ่มสาวรุ่นเดียวกันที่พยายามเรียกร้องถึงอนาคตของประเทศที่น่าจะดีกว่านี้ แต่เธอเองก็ไม่เคยได้เข้าร่วมการชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองใดๆ มาก่อน มีเพียงแต่ได้ดูข่าวสารบ้างเท่านั้น
.
จนกระทั่งวันหนึ่ง ความน่ากลัวของการเมืองไทยก็ได้เข้ามาคุกคามเธอถึงหน้าประตูห้อง เมื่อชายฉกรรจ์ 4-5 คน ไม่สวมใส่เครื่องแบบ ได้เข้ามาล้อมแสดงเอกสารอาญาสิทธิที่ใช้ชื่อว่า “หมายจับ” ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยกลุ่มคนเหล่านั้นแจ้งว่าเธอจะถูกจับในข้อหา “หมิ่นประมาทพระมหากษัติรย์” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีเสียงแว่วๆ จากกลุ่มคนดังกล่าวเพียงว่า “ไปทำอะไรมา ไปทำอะไรไว้”
.
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็เป็นเช่นเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตามสื่อสาธารณะต่างๆ
.
บทสนทนาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงระหว่างทนายความและพรพิมล เป็นการรับฟังสิ่งที่เธอต้องผ่านมาช่วงค่ำคืนแรกในทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ประกอบกับการสอบถามข้อมูลส่วนตัว และอธิบายขั้นตอนทางคดีที่เธอจะต้องเผชิญหน้าต่อไป
.
พรพิมลฝากข้อความออกมาสู่โลกภายนอกสั้นๆ ว่า “กฎหมายนี้มันไม่แฟร์ คนที่ถูกกล่าวหาเหมือนถูกกลั่นแกล้งรังแก เหมือนถูกพรากชีวิตไป เหมือนคนตาย หนูไม่รู้ว่าข้างนอกมีอีกกี่คนที่โดนเหมือนหนู หนูไม่อยากให้กฎหมายนี้มันมีอยู่เลย หนูไม่ควรโดนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรโดนแบบนี้”
.
อ่านบันทึกเยี่ยมพรพิมลบนเว็บไซต์ : https://tlhr2014.com/archives/27924
.....



Saiseema Phutikarn
April 2 at 6:26 AM ·

ถูกแจ้ง 112 จากข้อความในเฟสบุ๊คเพียง 1 ข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าโพสท์ตั้งแต่ 16 ตค 63 ซึ่งนาย ทีฆทัศน์ พรหมณี Thikhathat Phrommanee ได้ไปแจ้งความไว้เมื่อ 18 ตค 63 ตำรวจไม่เคยออกหมายเรียก พอผ่านไปเกือบครึ่งปีอยู่ดีๆก็มาออกหมายจับ? อ้างเหตุโน่นนี่คัดค้านการให้ประกันตัว ซึ่งผู้พิพากษา นาย รัตน์ จ๋วงพานิช ก็เห็นด้วยกับตำรวจ ไม่ยอมให้ประกันตัวอ้างข้อความร้ายแรง กลัวไปทำแบบเดิมอีก และ เกรงหลบหนี แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะให้ความร่วมมือกับตำรวจทุกอย่าง ยอมเปิดมือถือ ไอแพด ให้ตำรวจดูทั้งๆที่ไม่มีหมายค้น และ ทีมทนายกับอาจารย์ มช ได้ขอวางเงินสด 3 แสนบาทเป็นหลักประกัน

- เปิด จม. 'ช่วยคืนชีวิตให้หนูที' แม่ค้าออนไลน์เชียงใหม่วัย 22 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 ที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
https://prachatai.com/journal/2021/04/92399
----------------------------------------------
18 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 17.30 น. ได้มี ทีฆทัศน์ พรหมณี ผู้กล่าวหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดใช้งานเฟซบุ๊ก พบผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก ได้โพสต์ข้อความ 1 ข้อความ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 63 โดยข้อความดังกล่าวนั้นเป็นการใส่ความในหลวงรัชกาลที่ 10 ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณาด้วยเอกสาร โดยประการที่น่าจะทำให้ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง และมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
-----------------------------------------------
ช่วงเย็นวันเดียวกันทีมทนายความและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เดินทางมาเป็นนายประกันในคดีนี้ ก็ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาด้วยเงินสดจำนวน 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นหลักทรัพย์จากทางกองทุนดา ตอร์ปิโด

จากนั้นศาลจังหวัดเชียงใหม่โดยผู้พิพากษา รัตน์ จ๋วงพานิช ได้มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัว โดยระบุว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาประกอบกับข้อความที่ผู้ต้องหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว อาจจะกระทำในลักษณะเดียวกันอีก เกรงว่าจะหลบหนี ยากแก่การติดตามตัว จึงให้ยกคำร้อง”

การไม่ได้ประกันตัวของพรพิมล ทำให้เธอถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่

#saveพรพิมล