วันศุกร์, มีนาคม 05, 2564

ผู้พิพากษายังบอกว่าเมื่อศาลยังไม่ตัดสิน ถือเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วทำไมถึงไม่ให้พวกเขาประกันตัว เรื่องราวของ ‘อานนท์ นำภา’ สวมชุดครุยทับชุดนักโทษ ว่าความ



ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
8h ·

++ บันทึกทนายความ: ในห้องพิจารณาคดีที่ ‘อานนท์ นำภา’ สวมชุดครุยทับชุดนักโทษ ++
.
1
.
ณ ห้องพิจารณาคดี 701 ของศาลอาญา อานนท์ นำภา ในชุดนักโทษสีน้ำตาล หมายเลข 458 ปักอยู่บนหน้าอกของเขาเขานั่งอยู่ยังโต๊ะที่นั่งของจำเลย มือซ้ายถือเอกสารสำนวนคดี มือขวาถือปากกาด้านหลังที่นั่งอยู่ คือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในชุดสีน้ำเงิน 2 นาย หน้าตาเคร่งครึมคอยเฝ้าอานนท์อยู่
.
ผมเดินเข้าไปทักทายพร้อมกับจับมือเขา นับเป็นการสัมผัสตัวครั้งแรกในรอบ 20 กว่าวัน นับแต่เขาถูกขัง
.
“สบายดีไหมพี่ เข้มแข็งไว้นะ” “สบายดี” เขาตอบกลับทันควันพร้อมยิ้มใหญ่หน้าตาดูเบิกบาน ผมชวนเขาคุยสนทนากันหลายเรื่อง
.
วันนี้เขาตบมุขและเล่นมุขกับผมได้อย่างคล่องแคล่ว ชวนให้หวนคิดถึงตอนที่เขายังไม่ถูกจองจำ ลักษณะท่าทาง แววตา ทุกอย่างมันยังคงเป็นเขา
.
สำรวจสายตาไปทั่วห้องพิจารณาขนาดใหญ่ จึงเห็นว่า แม่ พ่อ น้องสาวของอานนท์ และหลานน้อยของอานนท์ก็มาที่ห้องพิจารณาคดีวันนี้ด้วย
.
แม่ของอานนท์จากร้อยเอ็ด มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. 64 ซึ่งเป็นวันที่สองหลังอานนท์ถูกคุมขัง ในเมืองหลวง แม่อานนท์ได้ไปร่วมกิจกรรมทางการเมืองด้วยทุกๆ ครั้ง ทั้งการยืนนิ่งๆ หน้าศาล กิจกรรมหน้าเรือนจำ หรือแม้กระทั่งเดินทะลุฟ้า แกก็บอกว่า แม่อยากจะไปเดินกับเขา
.
ผมบอกแม่ว่า “แม่ครับ ย่างไปเว่านำอ้ายอานนท์กะได้เด้ครับ” “ได้อยู่ติหล่า เพิ่นสิบ่ว่าเบ๊าะ” แม่ตอบ
“ได้ครับ มาผมสิพาไป” จากนั้นผมก็พาแม่เดินไปคุยกับอานนท์
.
แม่กับลูกคุยกันอยู่นาน มือของแม่จะวางไว้บนหน้าตักของลูกเสมอ แววตาแม่เป็นห่วง แม้จะไม่ได้พูดคำว่าห่วงออกมา แต่ก็รับรู้ได้ว่าห่วงแสนห่วง สักพักหลานน้อยของอานนท์ก็วิ่งเข้ามา “ลุงนนท์ ลุงนนท์”
.
อานนท์ก็คว้าตัวหลานเข้ามากอด….
.
.
2
.
“ลุกขึ้นยืนเคารพศาล” เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ตะโกนส่งเสียง ทุกคนในห้องลุกขึ้น เสียงเจื้อยแจ้ว กลับเงียบสนิทลงจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ เป็นช่วงเดียวกันกับที่ อานนท์ นำภา หยิบเสื้อครุยทนายความ ขึ้นมาสวมทับชุดนักโทษเพราะในคดีนี้เขาเป็นทั้งจำเลย และทนายความของจำเลยคนอื่นๆ
.
ศาลออกนั่งพิจารณาคดีแล้ว “เชิญทุกท่านนั่งลงได้ครับ” จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3…….ศาลอ่านรายชื่อไล่เรียงทีละคนจนครบทั้งหมด ก่อนจะย้อนกลับมา “คุณอานนท์ เป็นทนายความจำเลยที่เท่าไหร่” “ผมเป็นทนายความจำเลยที่ 12-14 ครับ” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ
.
“ในเมื่อศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เมื่อยังเป็นทนายความอยู่ ก็ถือว่ายังมีศักดิ์และสิทธิ์ตามกฎหมาย ควรจะมีสิทธิมานั่งทำหน้าที่ทนายความได้” ผู้พิพากษาท่านนั้นกล่าว
.
“หากศาลจะให้ทนายอานนท์มานั่งที่โต๊ะทนาย เพื่อปรึกษาคดีกับทนายคนอื่นๆ ทางราชทัณฑ์พอจะอำนวยความสะดวกให้ได้ไหมครับ” “นั่งได้ครับ ไม่ขัดข้อง” เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผู้ควบคุมตัวอานนท์มา ตอบรับ
.
อานนท์เดินจากที่นั่งของจำเลย มานั่งที่โต๊ะทนายความ เมื่อเขาได้มาทำหน้าที่ทนายความที่เขารัก หน้าตาเขาดูอิ่มเอิบ มีชีวิตชีวา ราวดอกไม้ที่กลับมาเบ่งบาน
.
เขาเคยพูดกับผมถึงอาชีพนี้ว่า “มันคืออาชีพแรกที่ผมอยากจะทำ และผมคงทำมันไปเรื่อยๆ ผมรักการเป็นทนายความ โดยเฉพาะเวลาที่เรากำลังว่าความ ถามพยานมันรู้สึกเท่ห์ มีเสน่ห์ และสนุก เหมือนเรากำลังเสพอะไรบางอย่างอยู่”
.
อานนท์นั่งปรึกษาคดีกับหัวหน้าคณะทำงานและทนายอาวุโสในคดี กระบวนพิจารณาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขายังคงออกความเห็นในคดีเรื่องจำนวนพยานหลักฐาน และแนวทางการต่อสู้คดี
.
เขายังคงเป็นทนายความอยู่ทุกลมหายใจ
.
.
3
.
ทนายอาวุโสแถลง “จำเลยทุกคนยืนยันว่าได้ไปชุมนุมในวันที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย เพราะการชุมนุมเป็นเสรีภาพที่ได้รับการรับรองคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ”
.
ประเด็นที่จะต้องปรึกษาหารือกับทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลย และศาล มีเป็นจำนวนมาก จนต้องพักการพิจารณาเพื่อให้ฝ่ายจำเลยได้นั่งตรวจเอกสาร และรอนัดพิจารณาอีกครั้งในช่วงบ่าย
.
พอถึงเวลานัดพิจารณาคดียามบ่าย อานนท์ก็เดินขึ้นมาบนห้องพิจารณา หยิบเสื้อครุยมาสวมทับชุดนักโทษอีกครั้ง นั่งพูดคุยกันเรื่องคดีที่กำลังตรวจพยานอยู่ และเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ
.
ผมถามเขาว่า “พี่ พี่เป็นกวีนะ ทำไมไม่เห็นเขียนงานกวีออกมาบ้างเลย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มันต้องใช้อารมณ์หลายอย่าง ถึงจะเขียนออกมาได้ แต่วันนี้ผมมีความสุขมากๆ เลยนะ ที่ได้มาทำหน้าที่ทนายความ”
.
ศาลกลับมานั่งพิจารณาคดี ทนายจำเลยแถลงศาลเรื่องจำนวนพยานหลักฐาน ศาลขอกำหนดวันนัดสืบพยาน ทนายความทั้งหมดปรึกษากันเรื่องวันสืบพยาน อานนท์พูดแบบยิ้มๆ ว่า “มอบหน้าที่ให้คุณดูแลเลยนะ ผมว่างทุกวัน เพราะผมอยู่ข้างใน” พลางหัวเราะ
.
จากนั้นไม่นาน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนพิจารณา
“ทุกท่านฟังรายงานกระบวนพิจารณา” ศาลขาน
ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา จนเป็นอันเสร็จการตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง
.
หน้าที่ในคดีความของทนายวันนี้ ผ่านไปอีกวัน
.
.
4
.
อานนท์ถอดเสื้อครุยทนายความออก เหลือเพียงชุดนักโทษที่เขาสวมใส่ ความจริงแล้ว เสื้อครุยไม่ได้มีความหมายอันใดมากนัก เพราะสำหรับผมแล้ว เขาคือ “ทนายอานนท์” ไม่ว่าจะสวมครุยหรือไม่ก็ตาม
.
เจ้าหน้าที่เรือนจำกำลังจะพาตัวเขาไปห้องควบคุม
ทุกคนเดินไปเอ่ยคำร่ำลา จับมือ และโอบกอด
.
เจ้าหน้าที่เรือนจำพาเขาเดินออกไปจากห้องพิจารณา
ผมกำลังเก็บของ เตรียมตัวกลับ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เมื่อเดินออกไปดูหน้าห้องพิจารณา หลานน้อยกำลังเรียก “ลุงนนท์ ลุงนนท์” หลานน้อยร้องไห้ไม่หยุด
.
ราวเป็นเสียงอำลาของผู้ร่วมกระบวนการพิจารณาในวันนี้ต่ออานนท์
.
.
5
.
“ผมคิดถึงคุณ” เป็นถ้อยคำที่พี่ชอบพิมพ์อยู่เสมอ
ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายว่าพี่คิดถึงใคร
บางครั้งก็ด่าว่าพี่เวิ่นเว้อ จนถึงวันนี้ผมเข้าใจมันแล้ว
และผมก็อยากจะบอกว่า “ผมคิดถึงคุณ”
.
จนกว่าเราจะพบกันอีก
.
———————————–
.
บันทึกเหตุการณ์ ความรู้สึก และความทรงจำ
วันที่ 3 มีนาคม 2564 จากห้องพิจารณาคดี 701 ศาลอาญา ในวันนัดพร้อมคดีชุมนุมแกนนำคนอยากเลือกตั้ง UN62
.
.
อ่านบันทึกบนเว็บไซต์ >> https://tlhr2014.com/archives/26576


The Reporters
17h ·

HUMANRIGHTS:"ทนายความตีนเปล่า" อานนท์ นำภา ในวันที่ได้ทำหน้าที่ทนายความระหว่างเป็นจำเลย ศาลระบุไม่ถูกพิจารณาพิพากษาว่าผิดยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ มีศักดิ์และสิทธิทำหน้าที่ทนายความได้ ขณะที่ "อานนท์" ห่วงความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น หวัง การได้สิทธิประกันตัว จะรักษากระบวนการยุติธรรมไม่ให้ล่มสลาย

"ไม่เสียกำลังใจเลย เพราะคิดว่าเราทำหน้าที่อย่างครบถ้วนแล้ว"

ชายที่นั่งทำหน้าที่กับกลุ่มทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน คนนี้ สวมชุดครุย เหมือนทุกคน ทรงผมเกรียน ที่อาจแตกต่างจากทรงผมปกติที่เราเคยเห็นเขา แต่เมื่อเขาหันมาทักทายกับเรา ภายใต้เสื้อครุยทนายความ เขาอยู่ในชุดผู้ต้องขัง เสื้อสีน้ำตาล กางเกงขาสั้น และ ตีนเปล่า

ชายคนนั้น คือ นายอานนท์ นำภา ผู้ต้องขัง แดน 1 คดีมาตรา 112 จากการชุมนุม 19 ก.ย.2563 ที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี มา 22 วันแล้ว และวันนี้ 3 มี.ค.2564 อานนท์ ถูกนำตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาที่ศาลอาญา ในฐานะจำเลยและทนายความคดีชุมนุมเรียกร้องให้เลือกตั้ง เมื่อปี 2561

สบายดีไหม คำทักทายที่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ซึ่งคงพอๆ กับคนตอบที่บอกว่า "สบายดีครับ" ก่อนที่จะพากันหยุดนิ่ง แล้วพูดมาว่า "ไม่รู้จะตอบยังไงพี่ ก็ตามที่เห็นครับ"

บทสนทนาสั้นๆที่รู้ว่าจะมีเวลาในการคุยกันไม่มาก เราถามอานนท์ ว่า เป็นห่วงอะไรข้างนอกบ้าง

"เป็นห่วงความรุนแรงครับ กระบวนการยุติธรรมต้องอยู่เป็นหลัก สิทธิการประกันตัวสำคัญ เพราะต้องผ่านการสอบสวน ผู้ที่ศาลยังไม่ตัดสินว่าผิด ต้องได้สิทธิประกันตัว ที่ไม่ได้ คือ ผิดปกติ ผมไม่ได้ห่วงตัวเอง ไม่ได้ออกมา ไม่เป็นไร แต่ห่วง กระบวนการยุติธรรมจะล่มสลาย"

อานนท์ บอกถึงความรู้สึกของเขาเวลานี้ ที่เห็นว่าการขังก่อนพิพากษา ทำให้คนในสังคมเปรียบเทียบที่ คนรุ่นใหม่ ไม่ได้ประกันตัว แต่กำนันสุเทพ ได้ประกันตัว คนรุ่นใหม่จึงต้องออกมาเรียกร้องกระบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังไม่นิ่ง จะเป็นเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง กระบวนการนอกกฏหมายจะเลี่ยงไม่ได้

"ต้องยอมรับว่าคนมีความรู้สึก เวลาไม่มีความยุติธรรม จะทำยังไง จะขอคำสั่งศาลให้คุ้มครองเหรอ ซึ่งชัดเจนว่าการชุมนุมที่ผ่านมา เกิดการยั่วยุ โดยรัฐ โดยตรง ถ้าปฏิเสธความรุนแรงเฉพาะหน้า รัฐอาจคุมชัยชนะ แต่ระยะยาวเรียกคืนมาไม่ได้

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ดูเหมือนการชุมนุมข้างนอกจะแผ่วลง

อานนท์ ตอบว่า "ไม่เสียกำลังใจเลยครับ หน้าที่เราทำอย่างครบถ้วนแล้ว"

บทสนทนาจบลง ก่อนที่อานนท์ ในชุดครุยที่สวมทับชุดนักโทษ ตีนเปล่า จะทำหน้าที่ทนายความต่อไป จนเพื่อนๆต้องให้ฉายาเขาว่า อานนท์ นำภา "ทนายความตีนเปล่า"

"นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำที่ได้เห็นทนายความที่อยู่ในระหว่างขัง แล้วออกมาว่าความในชุดผู้ต้องขังใต้ครุยทนายความ" ทนายจูน ศิริกาญจน์ เจิรญศิริ เพื่อนทนาย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เขียนไว้ในเฟสบุ๊กส่วนตัว บันทึกความทรงจำ 3-3-2021

ทนายจูน เขียนข้อความบรรยายภาพจากห้องพิจารณาคดี ที่ไม่สามารถบันทึกภาพได้ แต่มองเห็น เพื่อนที่ชื่อ อานนท์ นำภา ในชุดนักโทษ ด้านหลังมีข้อความว่า "แดน ๑ ผมตัดสั้นเกรียน สวมแว่นตาและหน้ากาก โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำประกบ

"เมื่อเขาเดินเข้าห้องพิจารณาคดี เพื่อนๆ มิตรสหายที่มารอได้พบเขา ต่างลุกขึ้นต้อนรับ รวมถึงคุณพ่อ คุณแม่ หลานชาย แฟนสาวและลูกสาวอานนท์ด้วย อานนท์มานั่งเก้าอี้ด้านหน้าสำหรับจำเลย เราไปเอาครุยทนายจากแฟนอานนท์แล้วเดินเอาไปให้ เพื่อใส่ทำหน้าที่ทนายความ"

ทนายจูน เล่าถึงบรรยากาศก่อนเราไปถึง และเหตุผลที่ผู้พิพากษาอนุญาตให้ อานนท์ มาทำหน้าที่ทนายความในวันนี้

"เมื่อผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณา เรียกชื่อจำเลยแต่ละคนแล้ว ผู้พิพากษาพูดว่า อานนท์ยังไม่ถูกพิจารณาพิพากษาว่าผิดยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์ มีศักดิ์และสิทธิทำหน้าที่ทนายความได้ ศาลถามว่า ทางเรือนจำจะขัดข้องไหม ถ้าจะให้อานนท์มานั่งที่โต๊ะทนายความ เพราะต้องมีพื้นที่สำหรับเอกสารทนาย อานนท์จึงได้ย้ายจากที่ม้านั่งไม้ที่ให้สำหรับจำเลยและบุคคลทั่วไปนั่ง มานั่งที่โต๊ะทนายความฝั่งจำเลยกับทีมทนายความเรา"

ทนายจูน ทิ้งท้ายถึงการทำหน้าที่ของอานนท์ว่า

อานนท์ นำภา “ทนายความตีนเปล่า”
ทนายประชาชน ผู้สวมครุยทนายความทับชุดผู้ต้องขังสัญญะพันธนาการอิสรภาพที่ถูกพรากเพียงเพราะออกมาพูดความจริงแห่งยุคสมัย

การได้ออกมาทำหน้าที่ทนายความของ ทนายอานนท์ เป็นวันเดียวที่ แอมมี่ ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ถูกฝากขังในคดี 112 เป็นเวลา 12 วันด้วย และจะถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งมีเพื่อนร่วมชะตากรรมทั้ง เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ สมยศ พฤกษาเกษมสุข และปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม ยังถูกฝากขังระหว่างพิจารณาคดี 23 วันแล้ว

ฐปณีย์ เอียดศีไชย : The Reporters