แต่เนื้อหาเยอะมากและแน่นมาก จนทำให้ถึงบางอ้อว่า ทำไมเรื่องนี้ฝ่ายกลาโหมทำตัวเป็น ‘สารวัตรเฉย’ เหมือนตำรวจจราจรดิจิตอล ที่เพิ่งได้เลื่อนยศขึ้นมาจากจ่า เพราะเหตุเกิดเมื่อครั้ง ผบ.ทบ.นามสกุลชินวัตร นั่นเอง
อันเนื่องมาแต่ “ปัญหาหนี้สินก้อนใหญ่ของ ททบ. ๕ ที่กองทัพบกให้ยืมเงิน ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ และจนบัดนี้ ทบ.ก็ยังไม่ได้เงินคืน” จากการที่ทัพบกเลี่ยงบาลีเปลี่ยนชื่อบริษัท ททบ.๕ เป็น RTA Entertainment (Enterprise)
“ด้วยทุนเริ่มต้น ๒๕๐ ล้านบาท ต่อมา นำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์, กองทัพบกถือหุ้น ๔๙.๐๐๙๕% ส่วนอีก ๕๐.๐๐๐๕ % ถือโดยนายพลในกองทัพบกจำนวนหนึ่ง” หุ้นใหญ่หลายคนเรียงหน้าผลัดกันเป็น ‘กรรมการผู้อำนวยการใหญ่’
เรื่องของเรื่อง ประกอบธุรกิจขาดทุน แต่อ้างว่าเป็นกิจการเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ ทว่าคำนวณ “จากการถือสิทธิ์เหนือโครงข่ายดิจิตัล ๒ โครงข่าย แล้วให้เอกชนเช่าทำ” รายได้น่าจะอยู่ที่ ๓.๕ ล้านบาทต่อเดือน หรือ ๘๒๒ ล้านบาทต่อปี
เท่าที่กรรมาธิการค้นหาได้แต่ไม่ครบ “ในส่วนของวิทยุ...บางปีมีการนำเงินบริจาคให้แก่สมาคมแม่บ้านของทหาร, ชมรมนายทหารอาวุโส, และค่าของขวัญของที่ระลึกปีใหม่ ปีละหลายล้านบาท ไปร่วมเป็น Operation cost ของสถานี”
ทว่าภาวะหนี้อยู่ที่ กว่า ๑,๑๘๓ ล้านบาท เป็นหนี้ที่ทางกองทัพบกให้บริษัทอาร์ทีเอกู้แบบไม่มีดอกเบี้ย และตัวแทนทัพบกยังแจ้งกับกรรมาธิการฯ ว่า ททบ.๕ กับ อาร์ทีเอไม่เกี่ยวข้องกัน แค่เป็นลูกหนี้-เจ้าหนี้ เท่านั้น
“ในปี ๒๕๔๗ คณะรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากกรณีที่พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.นำ RTA เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ผลการสอบมีสาระสำคัญคือ การกระทำของ ททบ.๕
หลายประการไม่เหมาะสม ไม่โปร่งใส ไม่สามารถอธิบายได้” จึงมีการส่งรายงานถึง คกก.และส่งเอกสารการเงินให้ ปปช.ตรวจสอบ แต่ ปปช.เอาไปดองไว้นาน กระทั่งปลายปี ๖๖ จึงเผยมติ “ตีตกข้อกล่าวหาว่าพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร กระทำผิด”
แค่บอกว่า “เป็นการดำเนินการที่ไม่รอบคอบตามระเบียบกฎหมายโดยเคร่งครัด” เท่านั้น อันนี้ อจ.พวงทองบอก “เหลือเชื่อ” ยังมีเรื่องลึกลับซับซ้อนอีกเยอะ ทางที่ดีตามไปอ่านเพิ่มเติมกันที่ https://www.facebook.com/puangthong.r.pawakapan/posts/2Xs7KX4mceNy จะถึงบางอ้อง่ายกว่า
