
พรรคประชาชน - People's Party
Yesterday
·
[ สรุป 9 ข้อ ตอบข้อกังวลภาคเอกชน พ.ร.บ.อากาศสะอาด - พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน - พ.ร.บ.โรงงาน ฉบับใหม่ ส่งผลเสียต่อความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ จริงหรือไม่? ].
จากกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) แสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสภา ได้แก่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, พ.ร.บ.อากาศสะอาด, พ.ร.บ.โรงงาน โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายทั้งสามจะส่งผลเสียต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ
.
พรรคประชาชนตอบข้อกังวลต่างๆ ของ กกร. เป็น 9 ประเด็นดังนี้
.
(1) ข้อกังวลภาพรวม: กฎหมายทั้ง 3 ฉบับจะส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ?.
ตอบ: กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายอากาศสะอาด และกฎหมายโรงงาน ทั้ง 3 ฉบับมีจุดร่วมกันคือการยกระดับมาตรฐานของกฎหมายของประเทศไทย ให้ก้าวทันหรือทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว.
o กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ยกระดับสิทธิแรงงานเรื่องชั่วโมงทำงาน วันหยุด สิทธิลาไปดูแลคนที่รัก สิทธิลาปวดประจำเดือน
o กฎหมายอากาศสะอาด แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่ต้นตอ คนก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ
o กฎหมายโรงงาน เพิ่มความเข้มข้น ความถี่ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบโรงงานให้ได้มาตรฐาน
.
สิ่งที่เราผลักดันอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หรือสุดโต่ง ประเทศไทยไม่ได้ทำเป็นที่แรกของโลก ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกได้เรียกร้อง ต่อสู้ ทำสำเร็จมานานแล้ว
.
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายแต่ละครั้งย่อมทำให้เกิดผลกระทบระยะสั้นต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นรัฐบาลซึ่งมีอำนาจและงบประมาณ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม
.
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่าผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากกฎหมายเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ก้าวทันและทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้วได้จริง
.
o คนไทยทั้งรุ่นนี้และรุ่นต่อไป จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นพิษ
o ไม่ต้องกังวลว่าข้างบ้านจะมีโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานที่อาจเกิดอุบัติภัยในวันใดวันหนึ่ง
o เศรษฐกิจไทยจะได้นักลงทุนที่มีความรับผิดชอบ
o การเติบโตของเศรษฐกิจไม่ต้องแลกด้วยสภาพการทำงานที่เลวร้ายขูดรีดแรงงาน
.
(2) ข้อกังวลกฎหมายอากาศสะอาด: บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ลดความน่าสนใจของประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนใหม่?.
ตอบ: หนึ่งในหลักการสำคัญที่ถูกเพิ่มเข้าไปร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้สอดคล้องกับกลไกของด้านการค้าของนานาชาติ คือการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทาน.
ตัวอย่างเช่น บริษัท ก. ชี้แจงว่าไม่ได้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มาจากการเผา ให้ตรวจสอบตัวเลขการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็พบว่าน้อยมาก แต่ความจริงแล้วบริษัท ก. เปลี่ยนวิธีการให้บริษัทอื่นนำเข้ามา แล้วบริษัท ก. ไปรับซื้อต่อจากบริษัทนั้นแทน จากนั้นอ้างว่าเป็นการรับซื้อภายในประเทศ ส่วนบริษัทที่ขายให้จะนำเข้าข้าวโพดมาจากไหน บริษัท ก. อ้างว่าไม่สามารถล่วงรู้ได้
.
ถ้าประเทศไทยมีกลไกตรวจสอบห่วงโซ่อุปทาน จะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าข้าวโพดที่บริษัท ก นำเข้ามานั้นมีที่มาจากการเผา กลไกนี้จึงจะช่วยตรวจสอบผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ให้ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่การผลิต ซึ่งเป็นหลักการที่สหภาพยุโรปใช้กำกับผู้ประกอบการเช่นกัน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เป็นต้นตอการก่อมลพิษ
.
ในเรื่องผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ใน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ทั้งเรื่องการบังคับใช้กลไกตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานและการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนั้น ได้ระบุให้ คำนึงถึงขนาดของผู้ประกอบการ อัตราการหมุนเวียนของทุน และจำนวนพนักงานด้วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ส่วนผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในเรื่องค่าธรรมเนียม ก็มีช่องในการขอยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมได้ หากดำเนินการเพื่อจัดการกับมลพิษทางอากาศของตนเองได้อย่างสะอาดหมดจดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
.
ดังนั้นการมีกฎหมายอากาศสะอาด จะทำให้ประเทศไทยมีกลไกตรวจสอบผู้ประกอบการที่สากลให้การยอมรับ จะทำให้ไทยได้รับความเชื่อมั่นทางการค้าจากประเทศต่าง ๆ มากขึ้น
.
(3) ข้อกังวลกฎหมายอากาศสะอาด: ขาดการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน?.
ตอบ: ในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ ทาง กกร. โดยสภาหอการค้าไทย ได้ส่งความเห็นมาถึงกรรมาธิการกฎหมายอากาศสะอาดบ่อยครั้ง และกรรมาธิการเองได้พิจารณาความเห็นเหล่านั้น อีกทั้งในที่ประชุมยังมีตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมคอยให้ความเห็น เมื่อพิจารณาแล้วเสร็จ กรรมาธิการได้เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์และการลงพื้นที่ที่ จ.เชียงใหม่และกรุงเทพมหานคร โดยที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้แทนจากสภาหอการค้าไทยเข้าร่วม ซึ่งไม่ได้แสดงความกังวลต่อเนื้อหาในร่างกฎหมายแต่อย่างใด.
(4) ข้อกังวลกฎหมายอากาศสะอาด: เกษตรกรต้องเผชิญความยากลำบากในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเผา?.
ตอบ: ในร่างกฎหมายอากาศสะอาดไม่ได้ระบุให้ “ห้ามเผาทุกกรณี” แต่ให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงสำหรับพื้นที่เกษตรที่อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยรัฐบาลต้องออกมาตรการสนับสนุนควบคู่กันไปเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วย.
(5) ข้อกังวลกฎหมายคุ้มครองแรงงาน: หลายประเด็นในร่างกฎหมายไม่สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานที่ใช้ในต่างประเทศและมาตรฐานทั่วไป?.
ตอบ: กกร. ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ามาตราหรือประเด็นใดที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานกฎหมายแรงงานในต่างประเทศ แต่พรรคประชาชนยืนยันว่าข้อเสนอในร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ไม่ได้เป็นการเรียกร้อง “มาตรฐานที่สูงเกินไป” แต่เป็นเพียง “มาตรฐานขั้นต่ำ” ของสิทธิแรงงานในประเทศพัฒนาแล้ว.
ไม่ว่าจะเป็น ทำงาน 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ (ซึ่งอนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศรับรองเรื่องนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ค.ศ.1957 หรือเกือบ 70 ปีมาแล้ว) หยุด 2 วัน/สัปดาห์, วันหยุดพักผ่อนประจำปี 10 วันทำงาน/ปี (ในขณะที่ประเทศในสหภาพยุโรป กำหนดขั้นต่ำที่ 20 วัน) รวมถึงการให้สิทธิลาปวดประจำเดือน สิทธิลาไปดูแลคนที่รักในวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งเป็นสิทธิที่ประเทศพัฒนาแล้วให้ความสำคัญในปัจจุบัน
.
(6) ข้อกังวลกฎหมายคุ้มครองแรงงาน: การประเมินผลกระทบไม่ครอบคลุม?.
ตอบ: กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับนี้ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ทั้งในช่องทางออนไลน์และการไปพูดคุยกับผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆ ผลจากการรับฟังและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้านนี้เอง ทำให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายคุ้มครองแรงงานมีมติว่ากฎหมายคุ้มครองแรงงานจะมีผลบังคับใช้ 1 ปีภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้แต่ละฝ่ายทั้งผู้ประกอบการ แรงงาน และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง มีเวลาอย่างเพียงพอในการปรับตัวสู่มาตรฐานสิทธิแรงงานที่ถูกยกระดับขึ้น.
(7) ข้อกังวลกฎหมายคุ้มครองแรงงาน: เงื่อนไขการทำงาน 40 ชม./สัปดาห์ อาจทำให้ลูกจ้างดำรงชีพยาก เพราะค่าจ้างไม่พอ และการจ้างงานจะหายไป?.
ตอบ: ทุกครั้งเมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อยกระดับสิทธิแรงงานหรือการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในสังคมไทย มักมีข้อกังวลนี้อยู่เสมอว่าจะทำให้การจ้างงานลดลง แรงงานจะตกงาน.
แต่บทเรียนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว พิสูจน์ว่าการยกระดับจากประเทศรายได้ปานกลาง ขึ้นเป็นประเทศรายได้สูง ไม่ได้มาจากการกดค่าแรงให้ถูก หรือขูดรีดชั่วโมงทำงานจากแรงงานให้ได้มากที่สุด แต่มาจากการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรม ยกระดับแรงงานให้มีทักษะที่ตอบโจทย์ความต้องการของโลก
.
แรงงานไทยอยู่กับค่าแรงขั้นต่ำ 300 กว่าบาทที่ปรับขึ้นถ้วนหน้าครั้งล่าสุดเมื่อปี 2556 ทำงานหนักเกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ติดอันดับ 3 ของโลก สุดท้ายไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักลงทุน หนำซ้ำยังทำให้คุณภาพชีวิตของแรงงานไทยย่ำแย่ ขาดความมั่นคง เจ็บป่วยก่อนวัยอันควร และแก่ก่อนรวย
.
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากขึ้นคือการเพิ่ม “ผลิตภาพ” (productivity) ในการทำงานของแรงงาน ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ด้วยการยกระดับทักษะของคนไทยอย่างเป็นระบบครั้งใหญ่ ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานสิทธิแรงงานไปพร้อมกัน เป็นที่มาของการเสนอลดชั่วโมงการทำงานให้เหมาะสม ให้แรงงานมีวันหยุดที่เพียงพอ มีเวลาแสวงหาความรู้ ใช้เวลากับครอบครัว ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน
.
จากงานวิจัยขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) พบว่าการจัดชั่วโมงงานที่สมดุลช่วยเพิ่มผลิตภาพแรงงานระยะยาว การลดชั่วโมงการทำงานจึงเป็นการเพิ่ม “คุณภาพ” ของแรงงานและผลผลิตโดยรวม เพราะเมื่อแรงงานทำงานในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตามมาตรฐานสากล ร่างกายและจิตใจจะมีเวลาพักฟื้น สมาธิและความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้น ส่งผลให้ความผิดพลาดและอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้าลดลง
.
กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ จึงไม่เพียงทำให้พี่น้องแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และช่วยลดปัญหาทางสังคม ฝ่ายนายจ้างเองก็ได้รับประโยชน์จากแรงงานที่มีสุขภาพดี ทำงานมีประสิทธิภาพ ลดการขาดงานและอัตราการลาออก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจโดยตรง
.
(
ข้อกังวลกฎหมายโรงงาน: การต่อใบอนุญาตโรงงานทุก 2 ปี เป็นเวลาที่สั้นเกินไป เมื่อเทียบกับอดีตที่กำหนดไว้ทุก 10 ปี?.
ตอบ: ที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนในประเทศไทย ขาดความรับผิดชอบ ไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลในการประกอบกิจการ ทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากกากอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายที่ปนเปื้อนในสภาพแวดล้อม สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการทำเช่นนั้น เพราะการขาดการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานอย่างเข้มงวด.
กฎหมายโรงงานฉบับใหม่จึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโรงงาน โดยเพิ่มนิยามคำว่า “โรงงานควบคุมพิเศษ” ลงไปในกฎหมาย เพื่อแยกโรงงานอันตรายที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนออกมาโดยเฉพาะ และกำหนดให้โรงงานควบคุมพิเศษต้องต่อใบอนุญาตทุก 2 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการต้องปรับปรุงดูแลให้ได้มาตรฐานก่อนที่จะต่อใบอนุญาต โดยเปิดให้เจ้าหน้าที่และชุมชนร่วมตรวจสอบ
.
ส่วนโรงงานทั่วไป กรรมาธิการพิจารณากฎหมายได้นำข้อกังวลของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมาพิจารณา และได้ข้อสรุปขยายอายุจาก 4 ปี เป็น 10 ปี
.
(9) ข้อกังวลกฎหมายโรงงาน: การเพิ่มโทษอาญากระทบขวัญและกำลังใจนักลงทุน ไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ?.
ตอบ: ตามกฎหมายปัจจุบัน ผู้ที่กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือตั้งโรงงานแล้วสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น รัฐทำได้แค่ให้ผู้ประกอบการมาจ่ายค่าปรับปรับแล้วปล่อยตัวไป ซึ่งผู้ประกอบการก็กลับไปทำผิดแบบเดิม ไม่ได้หยุดปล่อยมลพิษ และเมื่อเกิดความเสียหายต่อประชาชนและชุมชน รัฐก็ต้องใช้งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนมาจัดการ เช่นกรณีโรงงานวินโพรเสส จ.ระยอง.
ดังนั้นการปรับปรุงบทกำหนดโทษให้มีความเข้มข้น เป็นการสร้างมาตรฐานความรับผิดชอบของโรงงานให้ชัดเจน เป็นการปรับแก้บทบัญญัติในลักษณะการป้องปรามการกระทำความผิด ซึ่งเราเชื่อว่าผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบต่อสังคม จะพร้อมปรับตัวและปฏิบัติตามมาตรฐานนี้ เพื่อให้กิจการของพวกเขาและชุมชน สามารถอยู่ร่วมกันและเติบโตไปด้วยกันได้
.
.
พรรคประชาชนตระหนักดีว่าปัญหาทุกอย่างของประเทศไม่ได้หมดไปในทันทีเพียงเพราะการมีกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่ง แต่การมีกฎหมายที่ก้าวหน้า จะเป็นบันไดขั้นแรกที่ทำให้ทุกปัญหาถูกแก้ไขได้ที่ต้นตอ
.
เราพร้อมรับฟังข้อกังวลและแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อหาหนทางผลักดันกฎหมายทั้งสามฉบับให้สำเร็จ ยกระดับมาตรฐานแรงงาน ยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และยกระดับมาตรฐานโรงงานของประเทศไทยให้ทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
https://www.facebook.com/photo/?fbid=122176186010480817&set=a.122093105408480817