วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 09, 2568

ตัวเลขชดเชยน้ำท่วม 9,000 บาท ทำไมตัวเลขเงินชดเชยนี้ จึงห่างจากคำว่าเพียงพอไปมาก สำหรับชาวบ้านในจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมแล้ว 3 ระลอกในปีนี้



"ไม่เอาระยะยาว เราจะเอา [การแก้ปัญหา] ตอนนี้" อยุธยาน้ำท่วมระลอกที่ 3 ของปี ชาวบ้านไม่ทน ปิดถนนประท้วง

7 พฤศจิกายน 2025
บีบีซีไทย

วันนี้ (7 พ.ย.) ชาวบ้าน จ.พระนครศรีอยุธยา ราว 300 คนรวมตัวกันปิดถนนสายอยุธยา–เสนา บริเวณสี่แยก อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 8.00 น. เพื่อร่วมประท้วงการจัดการปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน

สำนักงานข่าวอโยธยา รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เสนา, อ.บางบาล และ อ.ผักไห่ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีบ้านเรือนกว่า 30,000 ครัวเรือนถูกน้ำท่วม ประชาชนต้องอพยพออกมาพักอาศัยริมถนนเนื่องจากระดับน้ำยังไม่ลดลง

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ปภ.อยุธยา) รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งรวม 10 อำเภอ 132 ตำบล 902 หมู่บ้าน รวมกว่า 56,700 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย นับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 68 จนถึงปัจจุบัน โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักได้แก่ อ.เสนา, อ.บางบาล, อ.บางไทร, อ.ผักไห่ และ อ.พระนครศรีอยุธยา

ปภ.อยุธยา เผยกับบีบีซีไทยด้วยว่า เหตุน้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นระลอกที่ 3 ของ จ.พระนครศรีอยุธยาในปีนี้ โดยครั้งที่หนึ่งคือตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. - 8 มิ.ย. 68, ครั้งที่สองคือ 21 ก.ค. - 9 ส.ค. 68 และครั้งล่าสุดคือตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันตัวแทนชาวบ้านเรียกร้องให้กรมชลประทานพิจารณาชะลอการระบายน้ำลงในพื้นที่ และขอให้เร่งบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด

ขณะที่วันนี้ (7 ต.ค.) กรมชลประทาน เผยสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา ว่ามีการระบายน้ำในอัตรา 2,700 ลบ.ม./วินาที แล้ว ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคลองบางบาล และ ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกประกาศเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

'ท่วมลึก-ท่วมนาน-ท่วมถี่' สถานการณ์น้ำท่วมอยุธยา

ชาวบ้าน จ.พระนครศรีอยุธยา ออกมาประท้วงปิดถนนสายอยุธยา–เสนา บริเวณสี่แยก อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เรียกร้องการจัดการปัญหาน้ำท่วมเร่งด่วนในจังหวัดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 เดือน เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2568

"มันท่วมยาวนานมากปีนี้ เริ่มท่วมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปลายสิงหาคม จนกันยายน [ระดับน้ำ] เพิ่ม ๆ ลด ๆ กันมาตลอด ผลกระทบจริง ๆ มาจากเขื่อนเจ้าพระยา" นายวีรวัฒน์ วังบรรพต ชาวบ้านหมู่ 5 ต.บางชะนี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บอกกับบีบีซีไทย

เขาอธิบายว่า หากน้ำในเขื่อนเจ้าพระยาถูกระบายออกมาแค่ 900 ลบ.ม./วินาที บ้านของชาวอยุธยาทั้งที่อาศัยอยู่ริมตลิ่ง อยู่นอกคันกั้นน้ำ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ริมคลองบางหลวง หรืออยู่หัวเวียง ก็จะถูกน้ำท่วมแล้ว

แต่ปัจจุบันระดับการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,700 ลบ.ม./วินาที แล้ว

นายวีรวัฒน์บอกด้วยว่า สองสัปดาห์ก่อน ระดับน้ำที่เคยท่วมอยู่มานานกว่าสองเดือนได้ลดลงไปในหลายพื้นที่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้ชาวบ้านนิ่งนอนใจและเริ่มทำความสะอาดที่พักอาศัย แต่ไม่นานหลังจากนั้นฝนก็ตกเพิ่มขึ้นอีกและทำให้เกิดน้ำท่วมหนักอีกครั้ง

"แต่มารอบนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้านฝั่งตะวันตกมีฝนตกเยอะ... น้ำมันก็กลับลงมาอีก จากที่เคยลำบากอยู่แล้ว มันก็กลับมาท่วมอีกเยอะ ณ วันนี้มันมากกว่าจุดที่เคยท่วมสูงสุดเมื่อสองสามสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าในปี 65" เขาอธิบาย

ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดไชยวัฒนาราม ว่าระดับน้ำประจำวันที่ 6 พ.ย. สูงอยู่ที่ 4.75 เมตร

"น้ำจากทางเหนือบนเขื่อนเจ้าพระยา มันควรจะระบายออกฝั่งตะวันตก หรือฝั่งตะวันออก เพื่อลดภาระที่น้ำจะมาตรง ๆ จากเขื่อนเจ้าพระยามาอ่างทอง มาอยุธยา ให้ลดปริมาณลง แต่การบริหารจัดการมันมีประเด็นมาโดยตลอด ที่เขาประท้วงกันก็เพราะแบบนี้" นายวีรวัฒน์กล่าว

เขาเสริมด้วยว่า ชาวบ้านมีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการทุ่งรับน้ำบางบาล ที่สามารถเปิดให้น้ำเข้าไปในทุ่งได้เพื่อลดปริมาณน้ำว่า "ทำไมไม่เปิด เปิดแล้วหรือยัง"

ก่อนหน้านี้ บีบีซีไทยรายงานว่าปกติในแต่ละปี จะมีข้อตกลงในพื้นที่ให้ชาวนาเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ทันก่อนวันที่ 15 ก.ย. แต่ในทางปฏิบัติมักจะมีการต่อรองกันให้ระบายน้ำเข้าทุ่งช้า ด้วยสาเหตุเช่น เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ทัน ซึ่งเมื่อน้ำไม่ถูกระบายเข้าไปยังทุ่งต่าง ๆ พื้นที่ที่ต้องแบกรับมวลน้ำไปก่อนคือบ้านเรือนริมน้ำของชาวบ้าน



ด้านนายสวัสดิ์ สัญญะวิรี กำนัน ต.บางชะนี ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า ในพื้นที่หมู่สองของ ต.บางชะนี ที่เขาดูแล ซึ่งมีประชาชนมากกว่า 570 ครัวเรือน ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว "เต็มพื้นที่"

"ปีนี้แหละครับที่มันมาแบบกระท่อนกระแท่น ทุกปีมันก็ท่วมยาว ๆ แต่ปีนี้มันทั้งยาวและจำนวนครั้งก็เพิ่มขึ้น" เขาอธิบาย

นอกจากความถี่ที่เพิ่มขึ้นแล้ว นายสวัสดิ์ ยังชี้ว่าปริมาณน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วด้วย โดยในห้วงสามวันที่ผ่านมา น้ำ "ขึ้นมาเกินเมตร" และการแจ้งเตือนล่วงหน้าก็ไม่สามารถช่วยบรรเทาทุกข์ชาวบ้านได้

"เขาก็มีแจ้งเตือนแค่นั้นว่าจะมีการระบายเพิ่ม แต่ระดับน้ำมันขึ้นสูงเร็วมาก เกินกว่าทุกปีที่เคยผ่านมา" เขาบอกกับบีบีซีไทย

ปัจจุบันมีชาวบ้านจากหมู่สอง ต.บางชะนี อย่างน้อยหกครัวเรือน ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่โรงเรียนในพื้นที่แล้ว ตามการเปิดเผยของกำนัน ต.บางชะนี

"ไม่เอาระยะยาว เราจะเอาตอนนี้" ชาวบ้านประท้วงเรียกร้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วน


น้ำท่วมบ้านเรือนและถนนชุมชนในพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568 ในขณะนั้นอัตราการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,400 ลบ.ม./วินาที

การประท้วงปิดถนนสายอยุธยา–เสนา บริเวณสี่แยก อ.เสนา ของชาวอยุธยาวันนี้ ระบุถึงสามข้อเรียกร้อง คือ
  • ขอให้กรมชลประทานไม่ระบายน้ำเพิ่ม ในพื้นที่ ต.หัวเวียง และ ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา
  • ขอให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้ลดระดับลงโดยเร็ว
  • ให้กรมชลประทานชี้แจงกำหนดวิธีการ ว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่จะลดลงเมื่อไร
หลังการประท้วงดำเนินไปได้ระยะเวลาหนึ่ง นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ก็เดินทางมาในพื้นที่เพื่อพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

"คำถามแรก กรมชลประทานปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามาเท่าไร บอกปล่อยมา 2,700 ลบ.ม./วินาที ปล่อยมาแค่ 700 [ลบ.ม./วินาที] เราก็อยู่ไม่ได้แล้วครับ" นายภราดร ประกาศต่อประชาชนชาวอยุธยาที่มาชุมนุมประท้วง

เขาอธิบายต่อไปว่า สาเหตุที่การปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในระดับปัจจุบันที่ 2,700 ลบ.ม./วินาที แต่กลับทำให้เกิดน้ำท่วมสูงกว่าปี 2554 ที่มีการปล่อยน้ำสูงกว่าที่ระดับ 3,000 ลบ.ม./วินาที เป็นเพราะไม่มีการปล่อยน้ำไปยังพื้นที่อื่น ๆ

"ช่วงก่อนโน้นปล่อยมา 3,000 ลบ.ม./วินาที เมื่อปี 54 น้ำไม่สูงเท่านี้ครับ เพราะมันแตกไปที่ฝั่งตะวันออก พอมันแตกไปฝั่งโน้น ฝั่งเรามันก็ทุเลาเบาบาง พอมาปีนี้ฝั่งนู้นมันไม่มีแตกครับ ฝั่งสิงห์บุรีมันไม่แตก เมื่อเช้าเพิ่งมาแตกที่อ่างทอง สองสามที่ พอมันไม่แตกน้ำมันก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ" เขากล่าว พร้อมเสนอทางออก ว่าคือการปล่อยน้ำไปยังทุ่งรับน้ำต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินการแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

"ต้องไม่ใช่ปล่อยน้ำมาแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยอย่างเดียว ต้องระบายน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งบ้าง แบ่งเบาภาระบ้าง ไม่ใช่ให้แต่พวกเราเดือดร้อน ต้องเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข" เขากล่าว

ทั้งนี้ ก่อนที่นายภราดรจะกล่าวต่อไปถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว ก็มีเสียงตะโกนจากฝูงชนว่า "ไม่เอาระยะยาว เราจะเอาตอนนี้" และเกิดเสียงเฮในกลุ่มผู้ชุมนุมตามมา ทำให้บรรยากาศชุมนุมมีความวุ่นวายเสียงดัง จนนายภราดรต้องหยุดการปราศัยเพื่อลงมาเจรจาพูดคุยกับผู้ชุมนุม

ทั้งนี้ การประท้วงยุติในช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. หลังนายภราดร เดินทางไปเปิดประตูระบายน้ำขนมจีน ระบายน้ำเพิ่ม รวมถึงประสานกรมชลประทานในพื้นที่ที่รับผิดชอบให้กระจายมวลน้ำ

การเยียวยาที่ห่างจากคำว่าเพียงพอ


น้ำท่วมบ้านเรือนและถนนชุมชนในพื้นที่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568

เมื่อวาน (6 พ.ย.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยถึงแผนการระบายน้ำตามเขื่อน ๆ ต่าง เพื่อรับมือกับพายุ "คัลแมกี" ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าประเทศไทยในวันนี้ โดยตอนท้ายของแผนการดำเนินงานระบุว่า สทนช. จะเฝ้าระวังปริมาณน้ำ และจะจัดการการจราจรน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

"สทนช. และทุกหน่วยงานก็ยังคงต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่จะได้รับอิทธิพลจากพายุในช่วงถัดจากนี้ไปอย่างเข้มข้น โดยต้องวางแผนจัดการจราจรน้ำในแต่ละพื้นที่แบบเป็นกลุ่มลุ่มน้ำ เพื่อให้สอดคล้อง สัมพันธ์ และช่วยบรรเทาผลกระทบในแต่ละพื้นที่ให้ได้มากที่สุด" แถลงการณ์ของ สทชน. ระบุ

แต่นายวีรวัฒน์ กล่าวว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปจากประกาศฉบับนี้

"ที่มันขาดหายไป เขาได้แต่บอกว่าจะพยายามควบคุมให้ผลกระทบน้อยที่สุด แต่จริง ๆ ในฝั่งของชาวบ้าน มันกระทบมาตลอดอยู่แล้ว เขาค่อนข้างละเลย" ชาวบ้าน อ.บางบาล ผู้นี้กล่าว พร้อมเสริมว่าตอนนี้ชาวบ้านวิตกกังวลถึงสถานการณ์ข้างหน้าหากมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้นอีก

"ความกังวลคือมันอาจจะไม่ได้หยุดแค่นี้ น้ำที่มันจะมาสะสมใหม่ ถ้าเขื่อนป่าสักเต็ม แล้วระบายลงมาเนี่ย มันก็เข้าอยุธยาเหมือนกัน อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าอาจจะขึ้นมาอีก... ตอนนี้มันเดือดร้อนที่สุดแล้ว ในเรื่องการอยู่อาศัย หลังบ้านเนี่ย หนุนจนไม่รู้จะหนุนยังไงแล้ว"

นายวีรวัฒน์ ยังเรียกร้องถึงค่าชดเชยจากภาครัฐที่มากขึ้นด้วย เพื่อให้ครอบคลุมกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับชาวอยุธยา ไม่ใช่การ "เหมาจ่าย"

"ค่าชดเชยอะไรก็ตามมันน่าจะให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าน้ำท่วมแล้วจ่ายทีเดียว 9,000 บาท เหมาจ่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเดือดร้อนในการใช้ชีวิตประจำวันมันเยอะแยะมาก" เขาอธิบาย พร้อมเสริมด้วยว่าแค่การล้างพื้น และซ่อมแซมบ้านที่ชำรุดจากน้ำท่วม ค่าใช้จ่ายก็สูงกว่าเงินชดเชยจำนวน 9,000 บาทแล้ว


สภาพบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568 นับเป็นเหตุน้ำท่วมระลอกที่สามของจังหวัดในปีนี้

"ตัวเลขชดเชยแค่ 9,000 บาท ที่เยียวยา ชดเชยอย่างอื่นก็ไม่มี" นายสวัสดิ์ กำนัน ต.บางชะนี กล่าวเสริม เขาแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับนายวีรวัฒน์ ว่าเงินเยียวยาจากรัฐบาลนั้นไม่สมเหตุสมผล เพราะปีนี้เขาและชาวบ้านล้างโคลน ทำความสะอาดที่พักไปแล้วหลายรอบ

"ทำความสะอาดบ้านไปสองเที่ยวแล้วครับ สองรอบแล้ว ถ้ามันลงมาอีกก็เป็นเที่ยวที่สาม" เขากล่าวทิ้งท้าย

https://www.bbc.com/thai/articles/cd043xrxy31o