
Somsak Jeamteerasakul
10 hours ago
·
ข้อสังเกตว่าด้วยเล็คเชอร์ของศาสตราจารย์ Pual Chambers แห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง The Army and the Palace: Thailand's Parallel State after the 2023 Election
ผมอยากตั้งข้อสังเกตุเล็กน้อยเกี่ยวกับเล็คเชอร์นี้ ข้อเสนอใจกลางของเล็กเชอร์นี้คือ รัฐไทยมีลักษณะพัฒนาไปแบบ"คู่ขนาน" ระหว่างกองทัพกับวัง ศ.แชมเบอร์สได้ไล่เรียงความเป็นไปเกี่ยวกับกองทัพยุคปัจจุบัน การเป็นไปเกี่ยววังน้อยลงมา ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ จุดสำคัญคือแชมเบอร์สอ้างถึงบทความเรื่อง The Proliferation of the “Parallel State“ ของ Ivan Briscoe (หาโหลดเอาจากเน็ตได้ไม่ยาก)
ในความเห็นของผม การเสนอเรื่องนี้อาจดีกว่าเรื่อง Network Monarchy หน่อย ตรงที่ Network Monarchy จริงๆเป็นการพูดถึงคนใกล้ชิดกษัตริย์(เช่นที่เป็นองคมนตรีอยู่) ไม่สู้จะครอบคลุมเพียงพอถึงอำนาจของสถาบันกษัตริย์ แต่ว่าผมคิดว่าแนวคิดเรื่อง “Parallel State“ ถ้าเอาตามที่เขียนมา ออกจะไม่ตรงกับกรณีไทยนัก
ผมคิดว่า กลุ่มที่ถือครองรัฐไทยนั้นแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กองทัพ (The Monarchy), ทหาร (The Military) และ นักการเมือง
ความเป็นใหญ่ของกษัตริย์นั้นเป็นมาตั้งแต่ปี 2530s โดยที่หลังเหตุการณ์พฤษภา 35 กองทัพได้สูญเสียบทบาทและกลายเป็น junior partner ของสองอันนี้ไป เป็นเวลาหลายปี นักการเมืองสามารถนำและบัญชาการกองทัพได้ จุดที่เปลี่ยนคือรัฐประหาร 19 กันยา 2549
นับแต่นั้นมาจนปัจจุบัน กองทัพสามารถขึ้นมาเป็นอันดับสองรองจากกษัตริย์ และถึงที่สุดแล้วอยู่ภายใต้การบัญชาของกษัตริย์ กษัตริย์ยังเอาพวกข้าราชการและศาลซึ่งเป็นแขนขาที่เคยอยู่ใต้บัญชาการของนักการเมืองไปอยู่ใต้การควบคุมของตน
การเลือกตั้ง 2566 ไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่องค์ประกอบนี้ เพียงแต่เป็นการยอมรับมากขึ้นว่า กษัตริย์และกองทัพไม่สามารถจัดการดูแลเศรษฐกิจได้ ต้องให้พวกนักการเมือง (โดนเฉพาะทักษิณ) จัดการ
https://www.facebook.com/photo/?fbid=9231285730257957&set=a.137616112958343