The Australian Alliance for Thai Democracy ออสซี่ ขยี้เผด็จการ
9h
ข่าวน่าสนใจที่สุดของวันนี้ คงหนีไม่พ้นการที่หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของออสเตรเลียอย่าง Sydney Morning Herald (SMH) ลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับคุณหมอขวาจัดชาวไทย ”พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา” ครับ
ทางเพจ The Australian Alliance for Thai Democracy ขออนุญาตกึ่งแปลกึ่งสรุปข่าวใน SMH มาให้อ่านกัน เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติไทย เพื่อต้อนรับคุณหมอพลตรีที่รักพ่อซะจนวู่วาม ลามปามไปทำลายชีวิตชาวบ้าน กันนะครับ
----------------------------------------
พาดหัว : "คนไทยหัวใจศาลเตี้ยอยากมาเกษียณที่ออสเตรเลีย เหยื่อที่ออสบอกอย่าปล่อยมันเข้ามา!"
สรุปเนื้อข่าว :
- ชายไทยหัวใจศาลเตี้ยนายหนึ่ง ที่ปล่อยกลุ่มสาวกไปเที่ยวข่มขู่ผู้วิจารณ์สถาบัน จนมีเหยื่อส่วนนึงต้องลี้ภัยมาอยู่ออสเตรเลีย ประกาศว่าตัวเองจะมาใช้ชีวิตยามบั้นปลายอย่างสงบสุขที่ออสเตรเลีย โดยชายคนนี้มีชื่อว่า เหรียญทอง แน่นหนา
- ทั้งเหยื่อชาวไทยที่เคยโดนชายคนนี้ทำให้เดือดร้อน และ เหล่านักเคลื่อนไหว ได้รวมตัวกันยื่นเรื่องให้รัฐบาลออสเตรเลียปฎิเสธไม่ให้นายเหรียญทองเข้าประเทศ เพราะเหรียญทองทั้งสนับสนุน และ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับ hate speech และยังสนับสนุนการ “ไล่ล่า” ผู้เห็นต่างกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่อยู่ไทย และ อยู่ต่างประเทศ
- เหรียญทอง ผู้ซึ่งเป็นทั้งหมอ และ อดีตทหารระดับนายพลในไทย ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ โรงพยาบาลแห่งนึงในกรุงเทพ ได้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ขึ้น ช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่ไทยจะโดนรัฐประหารในปี 2014
- โดยองค์กรนี้มุ่งเป้าไปในการจัดการกับ “ขยะ” ซึ่งในความหมายของเค้า ก็คือผู้ที่เป็น “อริราชศัตรู” กับสถาบัน โดยเหรียญทองบอกว่าคนกลุ่มนี้ต้องโดนจัดการให้หมด โดยเหล่าผู้ติดตามของเหรียญทอง ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นหลักพันคน จะโจมตีเป้าหมาย ทั้งในออนไลน์ และ ตัวจริง ละสั่งฟ้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ม.112) กับเป้าหมายเหล่านั้น
- หนึ่งในเหยื่อขององค์กรนี้ชื่อคุณ กฤตนัย เทพสาย (คุณแจ้ค) ที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ออสเตรเลีย กล่าวกับ SMH ว่ากลุ่มของเหรียญทองทำให้เค้าต้องลี้ภัยมาอยู่ออสเตรเลีย โดยคุณแจ้คโดนเหล่า “กองทัพรักเจ้าออนไลน์” จัดการในช่วงปี 2014 จากการที่เค้าไปวิจารณ์ในหลวง ร.9
- คุณแจ้คบอกว่า เหรียญทอง เอาข้อมูลส่วนตัวของเค้าไปโพสลงโซเชียล จนเค้าโดนข่มขู่รังควาญถึงชีวิต ถึงขั้นมีการบอกว่าจะมีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในบ้านที่เชียงใหม่ และ ข่มขืนลูกสาววัย 16 ของเค้าด้วย และ คุณแจ้คยังโดนคนกลุ่มนี้โยงแบบมั่วๆ ว่าเค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีระเบิดในกรุงเทพอีก จนคุณแจ้คคิดว่าถ้าตัวเองกลับไทยเมื่อไหร่ คงโดนอุ้มฆ่าแน่
- “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเหรียญทอง จะได้วีซ่าเข้าออสเตรเลียได้” เขาบอกกับ SMH
- เหรียญทองเองบอกว่าพ่อเค้าได้ซื้อบ้านที่เมืองเพิร์ท ตั้งแต่ปี 1992 และ เค้าจะใช้ช่วงเวลาหลังเกษียณของตัวเอง “ไปๆมาๆ” ระหว่างกรุงเทพและเพิร์ท โดย เหรียญทองโพสบอกว่า “ผมไม่ได้อพยพย้ายถิ่นฐาน หนีคดี ลี้ภัย หนีคุก เหมือนควายแดงส้มสามกีบนะครับ ผมแค่พาครอบครัวไปทำความสะอาดบ้านของพ่อแม่ ไม่ให้บ้านเสื่อมโทรม ไปดูแลต้นกุหลาบให้แม่”
- ในโพสเดียวกัน เหรียญทองยังบอกว่า เค้าจะเดินทางกลับไทยทันทีที่ “เมื่อชาติราชบัลลังมีภัย” พร้อมทั้งปิดท้ายว่า “เผด็จการอย่างผม รัฐบาลออสเตรเลียยินดีต้อนรับนะจ๊ะ”
- หลังจากเหตุการณ์นี้เหล่าคนไทยผู้ไม่เห็นด้วยทั้งในไทยและต่างแดนก็รวมตัวกันต่อต้านแผนเกษียณในออสเตรเลียของเหรียญทองทันที
- กลุ่มผู้เคลื่อนไหวชาวไทย ทั้งในยุโรป อเมริกา และ ออสเตรเลีย ต่างเขียนจดหมายถึงเอกอัคราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย Angela Macdonald บอกให้พิจรณาเรื่องวีซ่าของเหรียญทองใหม่
- หนึ่งในจดหมายมีเนื้อความว่า “การใช้โซเชียลของเหรียญทองเต็มไปด้วย hate speech และ การลดทอนค่าความเป็นมนุษย์ ของคนที่เห็นต่าง” และยัง “เหยียดคนคิดต่าง สร้างความแตกแยก ซึ่งผิดแผกไปจากคุณค่าที่ประเทศออสเตรเลียยึดถืออย่างชัดเจน”
- อันที่จริงแล้วรัฐมนตรีด้าน Immigration ของออสเตรเลีย Andrew Giles มีอำนาจพิเศษในการยับยั้งวีซ่าในกรณีแบบนี้ กรณีที่เรื่องนี้ขึ้นไปถึงชั้นศาล แต่ปกติแล้วอำนาจนี้ของรัฐมนตรีมีการใช้กันน้อยมาก และ เมื่อ SMH มีการสอบถามเกี่ยวกับกรณีของเหรียญทอง โฆษกส่วนตัวของ Andrew Giles ก็ตอบมาว่า เค้าไม่สามารถให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ได้ว่าเค้าจะตัดสินใจอย่างไร ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว
- ราชวงศ์ไทยนั้นถูกคุ้มครองโดยกฎหมาย ม.112 ซึ่งจัดเป็นกฎหมายที่โหดสุดๆ เพราะสามารถลงโทษจำคุกคนที่โดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ตั้งแต่ 3 - 15 ปี โดยผู้ที่วิจารณ์กฎหมายนี้กล่าวว่า ม.112 นั้นโดนใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากการวิพากวิจารณ์สถาบัน โดยมีเคสการฟ้องร้องด้วย ม.112 พุ่งสูงมากเป็นพิเศษสองครั้ง คือช่วงรัฐประหารปี 2014 และ ช่วงการประท้วงโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทยในปี 2020 ที่ไปตั้งคำถามเกี่ยวกับพระราชอำนาจ และ ทรัพย์สิน ของ ร.10
- หลังเหตุการณ์รัฐประหาร มีชาวไทยนับร้อย ต้องหนีออกจากประเทศ โดยมีอย่างน้อย 9 คน “ถูกทำให้สูญหาย” ในประเทศเพื่อนบ้านเช่น ลาว และ กัมพูชา มีแม้กระทั่งศพที่ถูกพบว่ามีการถ่วงน้ำด้วยคอนกรีตในท้องที่แม่น้ำโขง ในขณะที่รัฐบาลไทยก็ปฎิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ป่าเถื่อนเหล่านี้มาโดยตลอด
- คุณพิศาล (แม็กซ์) อดีตเทรนเนอร์ฟิตเนสที่กรุงเทพ ต้องหนีจากกรุงเทพมาที่ซิดนีย์ หลังจากเค้าโดน “ไล่ล่า” เพราะโพสที่เค้าเขียนลงโซเชียลช่วงรัฐประหาร
- คุณแม็กซ์บอกว่า ปกติแล้วข้อความของเค้าในโซเชียล จะเป็นเชิงเสียดสีๆ และ ใช้คำอุปมาอุปมัย ไม่ได้เขียนด่าสถาบันตรงๆ แต่เหรียญทองก็ยังเอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเค้าไปโพสประจานในโซเชียล จนเค้าโดนคนรุมโทรมาข่มขู่ต่างๆนาๆ
- ด้วยทั้งความกลัวเรื่องความปลอดภัย และ สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ คุณแม็กซ์ก็เลยไปบวชอยู่ที่วัดช่วงสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเค้าก็โดนฟ้องด้วย ม.112 อีก พอโดนฟ้องคุณแม็กซ์เลยหนีมาที่ออสเตรเลียทันที เพราะกลัวว่าจะต้องเข้าคุก
- “ถ้าเหรียญทองไม่โพสเรื่องผม ผมคงไม่โดนอะไรมากขนาดนี้ แต่เพราะโพสนั้นของเหรียญทอง ผมโดนกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาด่า เข้ามาโจมตีในเฟซบุ้ค แล้วชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกเลย”
- คุณแม็กซ์ถือว่าเหรียญทองเป็นพวก “หัวรุนแรง” และ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้รับการอนุญาตให้เข้าประเทศออสเตรเลียได้ คุณแม็กซ์บอกว่า “เราจะรู้ได้ไงว่าถ้าเหรียญทองเข้ามาที่ออสเตรเลีย แล้วเค้าจะไม่มาทำแบบเดิมอีกที่ออส? ใครจะมารับประกันว่าเค้าจะไม่มาไล่ล่าผู้วิจารณ์สถาบันไทยในออสเตรเลีย? แล้วคนที่เที่ยวไล่คนเห็นต่างออกนอกประเทศแบบนี้ ทำไมไม่อยู่ในประเทศไทยไปละ? คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่ คุณอยู่ที่ไทยไปสิ”
- เหรียญทอง ขนานนามตัวเองว่าเป็น Van Helsing เมืองไทย (นักล่าแวมไพร์) ละก็บอกกับ Bangkok Post ว่าเป็นพวก “คนที่คอยจำกัดฝุ่นไม่ให้เลอะพื้น” เค้าบอกว่า “เมื่อผมปัดฝุ่นแรกๆ ฝุ่นก็จะฟุ้งเลอะเทอะไปหมด แต่เมื่อไหร่ที่ผมกวาดๆมันมารวมกัน เมื่อนั้นแหละพื้นก็จะสะอาด”
- ยังมีอีกเคสนึงคือเคสของ คุณสมศักดิ์ ราชโส หนึ่งในเหยื่ออีกคนของเหรียญทอง ที่แม้ว่าจะอยู่ในออสเตรเลียแท้ๆ ก็ยังโดนเหรียญทองทำให้โดนออกจากงานที่ซิดนีย์ได้
- สำนักข่าว ABC รายงานในปี 2016 ว่า เหรียญทองได้โพส “ขอให้คนไทยที่จงรักภักดีในออสเตรเลีย จงร่วมแรงร่วมใจต่อต้าน ไม่คบค้าสมาคม อย่าให้งานพิเศษ หรือ งานประจำแก่ นาย สมศักดิ์ ราชโส ตลอดจนครอบครัว เนื่องจากเป็นครอบครัวที่ช่วยเหลือสนับสนุนคนจาบจ้วงหมิ่นในหลวง” พร้อมยังลงชื่อร้านอาหารที่คุณสมศักดิ์ทำงานอยู่ จนสุดท้ายหัวหน้าของคุณสมศักดิ์ต้องให้คุณสมศักดิ์ออกจากงาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าในร้าน
- ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการชื่อดังชาวไทย ที่ลี้ภัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งในคนที่เขียนจดหมายถึงสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โดยเน้นย้ำว่า “มีหลายชีวิตเหลือเกินที่ถูกกระทบโดยพฤติกรรมคลั่งสถาบันสุดโต่งของเหรียญทอง”
- “พฤติกรรม facist ของเหรียญทองนั้นยาวเป็นหางว่าว และ เหรียญทองยังใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการกำจัดคนเห็นต่าง ผมหวังว่าพฤติกรรมแบบนี้คงไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนยอมรับได้ ..ซึ่งผมคิด(หวัง)ว่าออสเตรเลียก็คงเป็นหนึ่งในนั้น”
อ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษได้ที่ : https://www.smh.com.au/.../a-ruthless-thai-vigilante...
ข่าวน่าสนใจที่สุดของวันนี้ คงหนีไม่พ้นการที่หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของออสเตรเลียอย่าง Sydney Morning Herald (SMH) ลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับคุณหมอขวาจัดชาวไทย ”พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา” ครับ
ทางเพจ The Australian Alliance for Thai Democracy ขออนุญาตกึ่งแปลกึ่งสรุปข่าวใน SMH มาให้อ่านกัน เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติไทย เพื่อต้อนรับคุณหมอพลตรีที่รักพ่อซะจนวู่วาม ลามปามไปทำลายชีวิตชาวบ้าน กันนะครับ
----------------------------------------
พาดหัว : "คนไทยหัวใจศาลเตี้ยอยากมาเกษียณที่ออสเตรเลีย เหยื่อที่ออสบอกอย่าปล่อยมันเข้ามา!"
สรุปเนื้อข่าว :
- ชายไทยหัวใจศาลเตี้ยนายหนึ่ง ที่ปล่อยกลุ่มสาวกไปเที่ยวข่มขู่ผู้วิจารณ์สถาบัน จนมีเหยื่อส่วนนึงต้องลี้ภัยมาอยู่ออสเตรเลีย ประกาศว่าตัวเองจะมาใช้ชีวิตยามบั้นปลายอย่างสงบสุขที่ออสเตรเลีย โดยชายคนนี้มีชื่อว่า เหรียญทอง แน่นหนา
- ทั้งเหยื่อชาวไทยที่เคยโดนชายคนนี้ทำให้เดือดร้อน และ เหล่านักเคลื่อนไหว ได้รวมตัวกันยื่นเรื่องให้รัฐบาลออสเตรเลียปฎิเสธไม่ให้นายเหรียญทองเข้าประเทศ เพราะเหรียญทองทั้งสนับสนุน และ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับ hate speech และยังสนับสนุนการ “ไล่ล่า” ผู้เห็นต่างกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่อยู่ไทย และ อยู่ต่างประเทศ
- เหรียญทอง ผู้ซึ่งเป็นทั้งหมอ และ อดีตทหารระดับนายพลในไทย ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการ โรงพยาบาลแห่งนึงในกรุงเทพ ได้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ขึ้น ช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่ไทยจะโดนรัฐประหารในปี 2014
- โดยองค์กรนี้มุ่งเป้าไปในการจัดการกับ “ขยะ” ซึ่งในความหมายของเค้า ก็คือผู้ที่เป็น “อริราชศัตรู” กับสถาบัน โดยเหรียญทองบอกว่าคนกลุ่มนี้ต้องโดนจัดการให้หมด โดยเหล่าผู้ติดตามของเหรียญทอง ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นหลักพันคน จะโจมตีเป้าหมาย ทั้งในออนไลน์ และ ตัวจริง ละสั่งฟ้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ม.112) กับเป้าหมายเหล่านั้น
- หนึ่งในเหยื่อขององค์กรนี้ชื่อคุณ กฤตนัย เทพสาย (คุณแจ้ค) ที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ออสเตรเลีย กล่าวกับ SMH ว่ากลุ่มของเหรียญทองทำให้เค้าต้องลี้ภัยมาอยู่ออสเตรเลีย โดยคุณแจ้คโดนเหล่า “กองทัพรักเจ้าออนไลน์” จัดการในช่วงปี 2014 จากการที่เค้าไปวิจารณ์ในหลวง ร.9
- คุณแจ้คบอกว่า เหรียญทอง เอาข้อมูลส่วนตัวของเค้าไปโพสลงโซเชียล จนเค้าโดนข่มขู่รังควาญถึงชีวิต ถึงขั้นมีการบอกว่าจะมีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในบ้านที่เชียงใหม่ และ ข่มขืนลูกสาววัย 16 ของเค้าด้วย และ คุณแจ้คยังโดนคนกลุ่มนี้โยงแบบมั่วๆ ว่าเค้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีระเบิดในกรุงเทพอีก จนคุณแจ้คคิดว่าถ้าตัวเองกลับไทยเมื่อไหร่ คงโดนอุ้มฆ่าแน่
- “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเหรียญทอง จะได้วีซ่าเข้าออสเตรเลียได้” เขาบอกกับ SMH
- เหรียญทองเองบอกว่าพ่อเค้าได้ซื้อบ้านที่เมืองเพิร์ท ตั้งแต่ปี 1992 และ เค้าจะใช้ช่วงเวลาหลังเกษียณของตัวเอง “ไปๆมาๆ” ระหว่างกรุงเทพและเพิร์ท โดย เหรียญทองโพสบอกว่า “ผมไม่ได้อพยพย้ายถิ่นฐาน หนีคดี ลี้ภัย หนีคุก เหมือนควายแดงส้มสามกีบนะครับ ผมแค่พาครอบครัวไปทำความสะอาดบ้านของพ่อแม่ ไม่ให้บ้านเสื่อมโทรม ไปดูแลต้นกุหลาบให้แม่”
- ในโพสเดียวกัน เหรียญทองยังบอกว่า เค้าจะเดินทางกลับไทยทันทีที่ “เมื่อชาติราชบัลลังมีภัย” พร้อมทั้งปิดท้ายว่า “เผด็จการอย่างผม รัฐบาลออสเตรเลียยินดีต้อนรับนะจ๊ะ”
- หลังจากเหตุการณ์นี้เหล่าคนไทยผู้ไม่เห็นด้วยทั้งในไทยและต่างแดนก็รวมตัวกันต่อต้านแผนเกษียณในออสเตรเลียของเหรียญทองทันที
- กลุ่มผู้เคลื่อนไหวชาวไทย ทั้งในยุโรป อเมริกา และ ออสเตรเลีย ต่างเขียนจดหมายถึงเอกอัคราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย Angela Macdonald บอกให้พิจรณาเรื่องวีซ่าของเหรียญทองใหม่
- หนึ่งในจดหมายมีเนื้อความว่า “การใช้โซเชียลของเหรียญทองเต็มไปด้วย hate speech และ การลดทอนค่าความเป็นมนุษย์ ของคนที่เห็นต่าง” และยัง “เหยียดคนคิดต่าง สร้างความแตกแยก ซึ่งผิดแผกไปจากคุณค่าที่ประเทศออสเตรเลียยึดถืออย่างชัดเจน”
- อันที่จริงแล้วรัฐมนตรีด้าน Immigration ของออสเตรเลีย Andrew Giles มีอำนาจพิเศษในการยับยั้งวีซ่าในกรณีแบบนี้ กรณีที่เรื่องนี้ขึ้นไปถึงชั้นศาล แต่ปกติแล้วอำนาจนี้ของรัฐมนตรีมีการใช้กันน้อยมาก และ เมื่อ SMH มีการสอบถามเกี่ยวกับกรณีของเหรียญทอง โฆษกส่วนตัวของ Andrew Giles ก็ตอบมาว่า เค้าไม่สามารถให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ได้ว่าเค้าจะตัดสินใจอย่างไร ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว
- ราชวงศ์ไทยนั้นถูกคุ้มครองโดยกฎหมาย ม.112 ซึ่งจัดเป็นกฎหมายที่โหดสุดๆ เพราะสามารถลงโทษจำคุกคนที่โดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้ตั้งแต่ 3 - 15 ปี โดยผู้ที่วิจารณ์กฎหมายนี้กล่าวว่า ม.112 นั้นโดนใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปิดปากการวิพากวิจารณ์สถาบัน โดยมีเคสการฟ้องร้องด้วย ม.112 พุ่งสูงมากเป็นพิเศษสองครั้ง คือช่วงรัฐประหารปี 2014 และ ช่วงการประท้วงโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ในไทยในปี 2020 ที่ไปตั้งคำถามเกี่ยวกับพระราชอำนาจ และ ทรัพย์สิน ของ ร.10
- หลังเหตุการณ์รัฐประหาร มีชาวไทยนับร้อย ต้องหนีออกจากประเทศ โดยมีอย่างน้อย 9 คน “ถูกทำให้สูญหาย” ในประเทศเพื่อนบ้านเช่น ลาว และ กัมพูชา มีแม้กระทั่งศพที่ถูกพบว่ามีการถ่วงน้ำด้วยคอนกรีตในท้องที่แม่น้ำโขง ในขณะที่รัฐบาลไทยก็ปฎิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ป่าเถื่อนเหล่านี้มาโดยตลอด
- คุณพิศาล (แม็กซ์) อดีตเทรนเนอร์ฟิตเนสที่กรุงเทพ ต้องหนีจากกรุงเทพมาที่ซิดนีย์ หลังจากเค้าโดน “ไล่ล่า” เพราะโพสที่เค้าเขียนลงโซเชียลช่วงรัฐประหาร
- คุณแม็กซ์บอกว่า ปกติแล้วข้อความของเค้าในโซเชียล จะเป็นเชิงเสียดสีๆ และ ใช้คำอุปมาอุปมัย ไม่ได้เขียนด่าสถาบันตรงๆ แต่เหรียญทองก็ยังเอาเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเค้าไปโพสประจานในโซเชียล จนเค้าโดนคนรุมโทรมาข่มขู่ต่างๆนาๆ
- ด้วยทั้งความกลัวเรื่องความปลอดภัย และ สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ คุณแม็กซ์ก็เลยไปบวชอยู่ที่วัดช่วงสั้นๆ แต่หลังจากนั้นเค้าก็โดนฟ้องด้วย ม.112 อีก พอโดนฟ้องคุณแม็กซ์เลยหนีมาที่ออสเตรเลียทันที เพราะกลัวว่าจะต้องเข้าคุก
- “ถ้าเหรียญทองไม่โพสเรื่องผม ผมคงไม่โดนอะไรมากขนาดนี้ แต่เพราะโพสนั้นของเหรียญทอง ผมโดนกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาด่า เข้ามาโจมตีในเฟซบุ้ค แล้วชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกเลย”
- คุณแม็กซ์ถือว่าเหรียญทองเป็นพวก “หัวรุนแรง” และ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้รับการอนุญาตให้เข้าประเทศออสเตรเลียได้ คุณแม็กซ์บอกว่า “เราจะรู้ได้ไงว่าถ้าเหรียญทองเข้ามาที่ออสเตรเลีย แล้วเค้าจะไม่มาทำแบบเดิมอีกที่ออส? ใครจะมารับประกันว่าเค้าจะไม่มาไล่ล่าผู้วิจารณ์สถาบันไทยในออสเตรเลีย? แล้วคนที่เที่ยวไล่คนเห็นต่างออกนอกประเทศแบบนี้ ทำไมไม่อยู่ในประเทศไทยไปละ? คุณไม่ควรมาอยู่ที่นี่ คุณอยู่ที่ไทยไปสิ”
- เหรียญทอง ขนานนามตัวเองว่าเป็น Van Helsing เมืองไทย (นักล่าแวมไพร์) ละก็บอกกับ Bangkok Post ว่าเป็นพวก “คนที่คอยจำกัดฝุ่นไม่ให้เลอะพื้น” เค้าบอกว่า “เมื่อผมปัดฝุ่นแรกๆ ฝุ่นก็จะฟุ้งเลอะเทอะไปหมด แต่เมื่อไหร่ที่ผมกวาดๆมันมารวมกัน เมื่อนั้นแหละพื้นก็จะสะอาด”
- ยังมีอีกเคสนึงคือเคสของ คุณสมศักดิ์ ราชโส หนึ่งในเหยื่ออีกคนของเหรียญทอง ที่แม้ว่าจะอยู่ในออสเตรเลียแท้ๆ ก็ยังโดนเหรียญทองทำให้โดนออกจากงานที่ซิดนีย์ได้
- สำนักข่าว ABC รายงานในปี 2016 ว่า เหรียญทองได้โพส “ขอให้คนไทยที่จงรักภักดีในออสเตรเลีย จงร่วมแรงร่วมใจต่อต้าน ไม่คบค้าสมาคม อย่าให้งานพิเศษ หรือ งานประจำแก่ นาย สมศักดิ์ ราชโส ตลอดจนครอบครัว เนื่องจากเป็นครอบครัวที่ช่วยเหลือสนับสนุนคนจาบจ้วงหมิ่นในหลวง” พร้อมยังลงชื่อร้านอาหารที่คุณสมศักดิ์ทำงานอยู่ จนสุดท้ายหัวหน้าของคุณสมศักดิ์ต้องให้คุณสมศักดิ์ออกจากงาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าในร้าน
- ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการชื่อดังชาวไทย ที่ลี้ภัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งในคนที่เขียนจดหมายถึงสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โดยเน้นย้ำว่า “มีหลายชีวิตเหลือเกินที่ถูกกระทบโดยพฤติกรรมคลั่งสถาบันสุดโต่งของเหรียญทอง”
- “พฤติกรรม facist ของเหรียญทองนั้นยาวเป็นหางว่าว และ เหรียญทองยังใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในการกำจัดคนเห็นต่าง ผมหวังว่าพฤติกรรมแบบนี้คงไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนยอมรับได้ ..ซึ่งผมคิด(หวัง)ว่าออสเตรเลียก็คงเป็นหนึ่งในนั้น”
อ่านเวอร์ชันภาษาอังกฤษได้ที่ : https://www.smh.com.au/.../a-ruthless-thai-vigilante...