คดีความมั่นคงอีกอย่างเริ่มแล้วสำหรับยุค
คสช.๒ เรื่องการ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์” อันพัลวันพัลเกกับข้อหา ‘๑๑๒’ ดูได้จากแถลงของ ‘กองบังคับการปราบปราม
การกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี’ เมื่อวานซืน
“มีผู้ไม่หวังดีได้ก่อกระแสข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์
(Hashtag) ที่ไม่เหมาะสม...และสร้างความเกลียดชัง...จนอาจทำให้พี่น้องประชาชนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ”
รัฐมนตรีดิจิทัลจึงได้ ‘สั่งการ’ ให้
บก.ปอท. ดำเนินการขอหมายจับจากศาล
“ซึ่งข้อความที่โพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นประมาณร้อยข้อความ
และแชร์ข้อความประมาณ ๕๐ ครั้ง” ถือเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา ๑๔(๓)
อัตราโทษสูงสุดจำคุก ๕ ปี ปรับ ๑ แสนบาท
โดยแถลงเดียวกันบอกด้วยว่า ใครที่เผยแพร่หรือส่งต่อข้อความดังกล่าวเหล่านั้น
ก็จะมีความผิดด้วยตามมาตรา ๑๔(๕) ระวางโทษเท่ากัน
ทั้งนี้หนังสือพิมพ์สองฉบับรายงานตรงกันว่า
การจับกุมครั้งนี้ต่อเนื่องจากการที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
ได้ประกาศว่าจะทำการกวาดล้าง ‘อาชญากรรมดิจิทัล’
ขนานใหญ่ที่เป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
แล้วเมื่อวานนี้ (๘ ตุลา)
มีแถลงแจงเพิ่มเติมว่า ‘ศูนย์เฟคนิวส์’ ของกระทรวงดิจิทัลเอาจริงนะ
ถ้ามีใครแจ้งเบาะแสข่าวปลอมละก็จะตรวจสอบได้ภายในสองชั่วโมง ทั่นรัฐมนตรียังแจ้งฝากร้านค้าร้านกาแฟต่างๆ
ที่ให้บริการฟรีอินเตอร์เน็ต
ว่าจักต้องเก็บข้อมูล “การจราจรทางอินเตอร์เน็ตของผู้ลงทะเบียนใช้ไวไฟของร้านเป็นเวลา
๙๐ วัน” เอาไว้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเมื่อต้องการด้วย ไหมล่ะ
‘ไชน่าโมเดล’ ก็มาเหมือนกัน
ทั้งนี้ทั่นชี้ “อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา ๒๖ ซึ่ง
‘ดีอีเอส’ ได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ
ปอท.แล้ว และหากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษตามกฎหมาย”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1703928,
http://www.khaosodenglish.com/politics/2019/10/08/activist-arrested-accused-of-making-threats-to-monarchy/0yOQ
และ https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1767574/man-arrested-amid-royalmotorcade-controversy5mp60)
มีข้อสังเกตุว่าทำไมคดีนี้ไม่ใช้ ม.๑๑๒
ฟ้อง ทั้งที่ข้อกล่าวหาเป็นเรื่องสถาบันกษัตริย์
สันนิษฐานว่าน่าจะเพราะอ้างไม่ได้ชัดเจนว่าเจาะจงกระทำต่อสถาบันกษัตริย์ไทย
โดยโพสต์ดังกล่าวของผู้ต้องหากล่าวถึงประวัติศาสตร์ราชวงศ์รัสเซีย ฝรั่งเศส
และเยอรมนี เท่านั้น
แม้ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า
“อยากให้มันจบอย่างไร” ยกตัวอย่าง
“ยิงแบบรัสเซีย...กิโยตินอย่างฝรั่งเศส...หรือลี้ภัยแบบเยอรมัน”
ดูเหมือนความผิดที่ถูกกล่าวหาอยู่ที่ มีคนเข้าไปไล้ค์และแชร์มากมาย
ซ้ำมีการเพิ่มเติมภาพเกี่ยวกับ #ขบวนเสด็จ ที่ติดเทร็นด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งเมื่อสองสามวันก่อน
วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของผู้ต้องหา
(กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์) ชี้แจงว่า เมื่อเจ้าตัวเห็นว่าโพสต์ของตนไปกันใหญ่
มีการบิดเบือนเนื้อความ และ “บางส่วนเป็นการ ‘ล่าแม่มด’
ด้วย” จึงได้ลบโพสต์ทิ้งแล้วค่อยเปิดใหม่ (ตามรายงานของ
ข่าวสดอิงลิช)
หลังจากที่กาณฑ์ถูกควบคุมตัวที่กองกำกับการตำรวจดิจิทัล
และถูกแจ้งข้อหาว่ากระทำผิดแล้ว ศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวเมื่อบ่ายวานนี้
โดยมีข้อแม้ว่าห้ามโพสต์ข้อความในลักษณะคล้ายกันกับที่ถูกกล่าวหาอีก
แม้รัฐมนตรีดิจิทัลจะไม่ยอมรับว่าการจับกุมนี้เกี่ยวกับแฮ้สแท็ก
#ขบวนเสด็จ
ก็ยืนยันว่าการโพสต์ดังกล่าวเป็นความผิด “ที่รับไม่ได้”
(ข่าวรอยเตอร์ซึ่งตีพิมพ์โดยบางกอกโพสต์รายงาน) น่าจะเพราะ แฮ้สแท็กเจ้าปัญหานั่น
ลงภาพรถติดบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ซึ่งมีบรรยายว่ารถพยาบาลถูกสั่งให้จอดรอ ห้ามเปิดไฟกะพริบและสัญญานไซเร็น
โดยโพสต์ของ Andrew
MacGregor Marshall (ซึ่งเจ้าตัวโปรโมตเพจด้วยแฮ้สแท็ก ‘ฝรั่งถ่อย’)
เขาชี้แนะ “เราไม่รู้นะขบวนของใครที่ทำให้การจราจรติดขัดเมื่อวันที่
๑ ตุลาคม แต่ไม่ใช่คิงวชิราลงกรณ์แน่ เพราะยังทรงประทับอยู่ที่เยอรมนี...”
อย่างไรก็ดีรัฐมนตรีพุทธิพงษ์ไม่วายย้ำเตือนว่า
“การจับกุมครั้งนี้เป็นตัวอย่างสำหรับคนอื่นๆ ควรคิดให้ดีก่อนโพสต์อะไร
เพราะจะกลายเป็นความผิดอาญาได้” จะเรียกว่าเชือดหมูให้ฟายดู คงไม่มีใครเถียง
“จริงๆ คือถ้าดูตามพรบ. คอมแล้ว ต้องถามทำยังไงถึงจะไม่ผิดดีกว่า เพราะเขียนไว้กว้างเหลือเกินครับ (แค่คำว่า ‘น่าจะ’ นี่ก็ไปได้ยาวๆ)”