มองเพื่อไทยกับอนาคตใหม่อย่างไร
เพื่อไทยคืออดีตและปัจจุบัน อนาคตใหม่ถ้าทำสำเร็จก็คือทางเลือกใหม่
บางคนบ่นว่าผมเชียร์อนาคตใหม่จนลากนิรโทษสุดซอยมากระทืบเพื่อไทย แหม่ ก็สังฆกรรมอยู่ในแวดวง Voice และคนเพื่อไทยมาตลอด ไม่ได้มองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสุดขั้ว แบบเดียวกัน ช่อก็แจ้งเกิดที่ Voice อ.ปิยบุตรแต่งงานก็เพื่อไทยนั่งเต็มโต๊ะ ทำไมจะไม่เข้าใจกัน เข้าใจจนเห็นทั้งข้อดีข้อจำกัด จนไปตั้งพรรคใหม่
เพื่อไทยคืออดีตและปัจจุบัน คือไทยรักไทยที่ถูกรัฐประหาร ทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม เสื้อแดงไม่ได้รับความยุติํธรรม ซึ่งแยกกันไม่ออก แต่อีกด้านมันก็เป็นพันธนาการที่บีบให้ต้องเจรจาต่อรองอยู่เรื่อยๆ เห็นใจนะ แต่มันก็เป็นพันธนาการใช่ไหมล่ะ นอกจากนี้ องค์ประกอบของพรรคมันก็ยังเป็นแบบนักการเมืองเก่า (ที่หลายคนมวลชนเสื้อแดงก็ด่าขรมแต่จำใจเลือก)
เพื่อไทยจึงเป็นอดีตและปัจจุบัน ในแง่ของการต่อสู้ทวงความยุติธรรม เป็นตัวแทนของประชาชนผู้ถูกกระทำมา 12 ปี (โดยที่มวลชนก็ต้องผลักดันไม่ให้ต่อรองจนข้ามหลักประชาธิปไตยและความยุติธรรม)
ขณะที่การก้าวไปข้างหน้า องค์ประกอบต่างๆ ของเพื่อไทย มันแทบไม่เอื้อ ทั้งที่ควรจะไปสู่พรรคมวลชน ก็ไม่ไป ไปยาก ในภาพรวมมันก็เป็นสถานการณ์ติดกับ
จริงๆตอนตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่ชวนไปหารือ เล่าหลายครั้งแล้ว ผมก็ลังเลไง ทั้งเห็นว่าเสี่ยงมาก ทั้งเห็นว่ามันยาก ไม่ใช่เรื่องโลกสวย นักวิชาการอย่างปิยบุตร นักธุรกิจ (จริงๆ ธนาธรมีความเป็นนักกิจกรรมมากกว่า) จะเล่นการเมืองมันห่างไกลความเป็นจริง แต่เมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็บอกเอาวะ เห็นด้วยที่จะมีทางเลือกใหม่ ดีกว่ามีแต่เพื่อไทยที่ข้อจำกัดเยอะมาก อย่างน้อย ผมก็เชื่อมั่นจุดยืนปิยบุตร ธนาธร มากกว่าองค์ประกอบของเพื่อไทย (ที่เชื่อมั่นเฉพาะะรายแบบพี่อ๋อยพี่อ้วนเท่านั้น)
อีกมุมมองหนึ่งที่อาจเฉพาะตัว คือในทางเศรษฐกิจ ผมว่านโยบายเพื่อไทยไม่สามารถหลุดพ้นจากเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ แบบที่สมคิดก๊อปมาทำ แม้ของจริงอาจเจ๋งกว่า แต่โลกกำลังจะเปลี่ยน เราต้องการพรรคการเมืองใหม่ที่คิดไปข้างหน้าเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ผสมผสานสังคมนิยมประชาธิปไตย อนาคตใหม่มีศักยภาพที่จะระดมความคิดในแนวนี้ ขณะที่ทักกี้จะไม่กล้าแตะเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ ทุนผูกขาด อะไรมากนัก
..
เดี๋ยวจะว่าไม่พูดถึงปัญหาอนาคตใหม่
ปัญหาของอนาคตใหม่คือนอกจากจุดเด่นที่จุดยืน ความคิด อุดมการณ์ ของธนาธร ปิยบุตร และเพื่อนร่วมอุดมคติที่ก่อร่างสร้างพรรคกันตั้งแต่ต้นไม่กี่คน
คือที่เหลือนั่นมันเป็นปัญหาเกือบทั้งหมด แหะแหะ
ง่ายๆ สั้นๆ ความพยายามรวบรวมคนคิดหลากหลาย ที่มีจุดร่วมเดียวเท่านั้นคือไม่เอาเผด็จการ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะบริหารจัดการ โดยเฉพาะเมื่อคนที่เข้ามาร่วม เป็นคนรุ่นใหม่ New Gen หรือนักกิจกรรม (NGO) ซะเยอะ
เข้าใจตรงกันนะ เวลาทำกิจกรรมมหาลัย กับทำบริษัท หรือทำพรรคการเมือง มันไม่เหมือนกัน พวกทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ ด้วยอุดมการณ์เดียวกันเนี่ย พอมาทำธุรกิจด้วยกัน ทำอย่างอื่นด้วยกัน ที่ไม่ใช่งาน "สมัครเล่น" ทะเลาะกันฉิบหายวายป่วงมาเยอะแล้ว
New Gen หรือนักกิจกรรม ไม่ค่อยต่างกันหรอก ตรงที่เชื่อมั่นตัวเองสูง (แปลอีกอย่างว่าอีโก้สูง) ความคิดอิสระ ใครสั่งไม่ได้ (แปลอีกอย่าง เอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เข้าใจส่วนตัวส่วนรวม) ฉะนั้นเวลามารวมกัน มันก็จะมีปัญหาการทำงานเป็นองค์กร การเปิดกว้างรับคนอื่น ซึ่งสำคัญโคตรๆ กับพรรคการเมือง ที่จะต้องทำงานมวลชน
อันนี้ลองนึกภาพก็ได้ ใครลองจับเซเลบส์ประชาธิปไตยทั้งหลายในโลกออนไลน์มาร่วมกันตั้งพรรคการเมือง กรูไม่เอาด้วยนะ โดดหนีเป็นคนแรก 🤣🤣🤣
อันนี้เป็นปัญหาแน่ๆ แก้ยาก ทัมใจ เพราะต้องใช้เวลาหลอมรวม ต้องเด็ดเดี่ยวในการหลอมรวม ได้แต่ให้กำลังใจว่าประคองผ่านเลือกตั้งครั้งนี้ไป ได้คะแนนพอไม่ถอดใจ เป็นรากฐานให้ว่ากันต่อในอนาคต
Atukkit Sawangsuk
ooo
คุณใบตองแห้งบอกมุมมองของคุณใบตองแห้งเกี่ยวกับเพื่อไทยและอนาคตใหม่ไปแล้ว ต่อไปนี้เป็นคิวของดิฉันตามที่รับปากกับมิตรสหาย
ดิฉันเห็นด้วยกับคุณใบตองแห้ง เรื่องอดีตและปัจจุบันของเพื่อไทยในแง่การทวงถามความยุติธรรมจากกรณีรัฐประหาร และเห็นด้วยว่า ถ้าอนาคตใหม่ ทำสิ่งใหม่ๆ ได้สำเร็จ จะสามารถเป็นเส้นทางใหม่ ทางเลือกใหม่ของสังคมที่จำเป็นต้องมี
แต่ในรายละเอียดอื่นๆ ดิฉันและคุณใบตองแห้ง ย่อมคิดต่างกันบ้าง เป็นปกติ
ดิฉัน “เชื่อ” ความคิด ความสามารถ และการยืนหยัดตามแนวทางประชาธิปไตยของเพื่อนพี่น้องที่รู้จักกันตัวเป็นๆในพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)
ดิฉันมั่นใจว่า 2 พรรคนี้ “รู้” วิธีต่อสู้ในสนามการเมืองไทย ที่นอกจากความเป็น “การเมือง” ปกติเหมือนการเมืองทุกแห่งในโลก ก็ยังมีลักษณะพิเศษแบบไทยๆ ซึ่งจะยังคงดำรงอยู่อีกนานเมื่อเทียบกับการเติบโตอย่างช้าๆของประชาธิปไตยไทย และเรื่องนี้ แม้มันจะน่าเบื่อหน่ายเพียงใด เราไม่อาจดูเบา
จริงอย่างคุณใบตองแห้งว่า พท และ ทษช มีความเก่าอยู่ในองค์ประกอบ แต่ในเรื่องการจัดการปัญหาเศรษฐกิจนั้น ดิฉันเชื่อว่า ปัญหาโครงสร้างไม่ใช่จะแก้ได้ในวันเดียว พรรคใหม่ของคนรุ่นใหม่ก็ทำไม่ได้ และถึงที่สุด พท และ ทษช ที่ “เข้าใจมวลชน” จะสามารถเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ที่ทำให้คนกำลังยากลำบากกลับมาพอมีพอกินบ้าง ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นคืนมาได้บ้าง ในยามเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลทหารปัจจุบันมีแต่ช่วยให้เราซบเซาตกต่ำหนักลงไปอีก
ดิฉันเชื่อเช่นกันว่าอนาคตใหม่ก็จะสามารถเสนอนโยบายเศรษฐกิจที่ช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อน แต่อนาคตใหม่พูดแล้วประชาชนจะฟังรู้เรื่องทันทีไหม ยังต้องลุ้น (ฮา)
พูดกันตามจริง ดิฉันก็เห็นเหมือนหลายๆคนว่าอนาคตใหม่ยัง “กระดูกอ่อน” ทางการเมือง และมีลักษณะของนักกิจกรรมมหาวิทยาลัยมากกว่านักการเมือง (มีคนบางกลุ่มในสังคมไทยพยายามสร้างความเชื่อว่านักการเมืองมาพร้อมกับความกะล่อน ความฉ้อโกง และความเลวสารพัน ซึ่งไม่ใช่ และเราต้องคัดค้าน) พลาดแต่ละเรื่องติดๆกันให้คน “หัวร้อน” เกิดอาการทนไม่ได้ รับไม่ไหว อย่างไม่น่าพลาด วิธีจัดการปัญหาที่ควรจะเป็นปัญหาเล็กๆ ก็ไม่เด็ดขาด ไม่โดนใจกองเชียร์
แต่เพราะดิฉันสนับสนุนคนหนุ่มสาวที่ตั้งใจสร้างสรรค์สังคมงามเพื่อส่วนรวมเสมอ และไม่คิดตั้งแต่แรก (ขออภัยอนาคตใหม่นะคะ ฮาๆ) ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่จะได้คะแนนเสียงมาก ดิฉันจึงประกาศเชียร์พรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้พรรคของคนรุ่นใหม่นี้มีกำลังใจ มีฐานเสียงไว้เดินหน้าต่อไปเพราะอนาคตของสังคมไทยต้องการมุมมองใหม่ๆและทางเลือกใหม่ๆ
คิดและพูดอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนของเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ “คิดใหม่” ไม่ได้ พวกเขาคิดได้แน่นอน ดิฉันซึ่งเป็นคนแก่แล้วโดยอายุ ก็มั่นใจว่าคิดใหม่ คิดนอกกรอบเดิมได้เสมอ ตราบที่สมองยังไม่เสื่อม
เพียงแต่ “คิดใหม่” ของดิฉันและเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ดิฉันรู้จัก เป็น “คิดใหม่” ของเราๆท่านๆ ที่คุ้นเคยกันอยู่ และเติบโตมาในแวดวง / เวลาใกล้เคียงกัน
“คิดใหม่” ของคนใหม่ๆ จากกลุ่มใหม่ๆกลุ่มอื่น ซึ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จึงเป็นความน่าสนใจ และสมควรได้รับการสนับสนุน
กล่าวโดยสรุป สำหรับดิฉันแล้ว เลือกตั้งครั้งนี้ เราที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยต้องยืนหยัดชัดเจน ช่วยกันลงคะแนนเสียงเลือกฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อยับยั้งการจัดตั้งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ คสช ตามที่คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ว่าไว้
Nithinand Yorsaengrat