สูตรการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งที่ สมฤทัย
ทรัพย์สมบูรณ์ แห่งค่ายเนชั่น ยุคที่สปริงนิวส์ตั้ง สนธิญาน (หนูแก้ว)
ชื่นฤทัยในธรรม ไปนั่งอำนวยการแล้ว แต่ยังไม่ออกฤทธิ์เต็มพิกัดนั้น น่าสนใจทีเดียว
ขออนุญาตนำมาเล่าซ้ำแบบ ‘อ่านเอาเรื่อง’ ทำความเข้าใจง่ายๆ อย่าง ‘novice’
คนไม่รู้ลึกแต่อยากศึกษาดูหน่อย ตีพิมพ์ใน ‘คมชัดลึก’ ที่ตั้งแต่ไม่มี ‘กาแฟดำ’
แล้วหลุดไปเป็น ‘ทีนิวส์’
แค่ครั้งสองครั้ง (หรือมากกว่านั้น แต่ไม่น้อยกว่านี้)
ดูที่ภาพของ ‘ฝ่ายแดง’ ก่อน ดังสมฤทัยชี้ว่าหลังเลือกตั้ง ‘เพื่อไทย’ คงไม่ได้ ๓๐๐ เสียงอย่างที่ ‘ทักกี้’ ฝัน มันจะลงตัวแค่ ๑๖๐ ที่นั่ง แม้นว่า “ตามที่จาตุรนต์ (ฉายแสง) บอกล่าสุดคือ ๒๕๑ ที่นั่ง เกินครึ่งของ ส.ส.ในสภา” ก็ตามที
เหตุเพราะ “ครั้งนี้ถูกดูดอดีตส.ส.บางส่วนไป
อดีตส.ส.บางคนย้ายไปพรรคไทยรักษาชาติและพรรคแนวร่วม
บวกกับจำนวนเขตเลือกตั้งที่ลดลงจาก ๓๗๕ เหลือ ๓๕๐ เขต
โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.เท่าเดิมน่าจะเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นสถานการณ์การเมืองพลิกผันและพรรคเพื่อไทยชนะมาถล่มทลาย”
ถึงอย่างนั้น เพื่อไทยจะยังเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากกว่าพรรคอื่นๆ
ใน ๒ ขั้ว และ ๓ ก๊ก (ดังจั่วหัวบทความที่โพสต์เมื่อตอนทุ่มหนึ่งคืนวันที่ ๒๑ พ.ย.)
ซึ่งสามารถตั้งรัฐบาลได้ด้วยความร่วมมือในก๊ก ‘ตัวแปร’
๓ พรรค คือ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนา
โดยไม่มีประชาธิปัตย์
เนื่องจาก ปชป.มีแนวโน้มที่จะไปผสมกับฝ่ายลิ่วล้อและลูกไล่
คสช. ที่มีพรรค สว. ๒๕๐ คน รอ คสช.ตั้งเต็มๆ ไม่ต้องลุ้นเรื่องจำนวนน้อยกว่านั้น
กับพรรคสี่รัฐมนตรีรัฐบาลประยุทธ์ พรรค รปช.ของสุเทือก และพรรคนิติตะวัน
ที่สมฤทัยเรียกรวมกันว่า ‘มุมน้ำเงิน’
สูตรที่สมฤทัยคิดออกมาสำหรับ
คสช.กลับมาตั้งรัฐบาลอีกอยู่ที่ “ตัวเลขเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ” (ซึ่งนัยว่าใหญ่เป็นอันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย)
จะไม่ได้ ๑๕๐ เสียงอย่างที่คุย หรือแม้แต่ ๑๐๐ เสียงดังคนในพรรคอ้าง แต่จะเหลือแค่
๘๐ ที่นั่ง
รวมกับพรรคเทือก “หวังจะได้ส.ส. ๓๐-๕๐ ที่นั่ง เวลานี้นักวิเคราะห์มองว่าได้สัก ๑๐ ที่นั่งก็เก่งแล้ว”
แถมด้วยพรรค ปชปร. ของไพบูลย์ที่เชื่อว่าน่าจะได้สัก ๑ ที่นั่งหรือน้อยกว่านั้น
เป็นอันว่าก๊วน คสช.นี้จะมีเพียง ๓๔๑ เสียง ไม่พอฟันธงให้ลุงตู๊บเป็นนายกฯ
จึงต้องอาศัยตัวแปร ๑๕๙ เสียง อันมี ปชป.
ที่กำลังฮึดอย่าให้ต่ำร้อย ภูมิใจไทยซึ่งมาแรงหลังจากดูดตัวดังๆ ของชาติไทยพัฒนามาได้สองสามคน
คาดจะได้ไม่น้อยกว่า ๓๔ ที่นั่งเหมือนตอนปี ๒๕๕๔ ทำให้ ชทพ. คงเหลือ ส.ส.ไม่เกิน
๑๕ เสียง
ดังนั้นก๊วนที่สนับสนุน ประยุทธ์
จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แค่ได้ภูมิใจไทยไปร่วมก็พอแล้ว
แต่ถ้าจะเอาแน่ก็ชวนชาติไทยพัฒนาและชาติพัฒนามาด้วย แน่กว่านั้นฟันนางเอกอย่าง
ปชป. ไปซะเลยชัวร์ๆ นางเค้ารอให้เข้าหาอยู่แล้ว
เหมือนดังพลายแก้วฟันม่านเข้าหาพิมพิลาลัย ครั้นผ่านห้องสายทอง
(ภจท.) แวะเก็บต๋งเสียหน่อย ประยุทธ์ก็จะได้เป็น ‘ขุนแผน’ สมกับที่กาละแมร์ พัชรศรี ชมว่า “หล่อจริงๆ...รูปร่างสูงใหญ่ สง่า
มีออร่าน่าเกรงขาม”
ย้อนกลับไปที่สูตรฝ่ายแดงตั้งรัฐบาลโดย “รวมกับพรรคตัวแปรยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์”
ซึ่งสมฤทัยแนะไว้ว่า “สูตรนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมได้เสียงมาถล่มทลาย
คือต้องได้มากกว่า ๓๐๐ เสียงตามที่ ‘ทักษิณ
ชินวัตร’ เคยพูดไว้ เพื่อไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย
พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนา แล้วได้เสียงเกิน ๓๗๕”
ตัวเลขที่สมฤทัยคิดไว้โดยไม่มี ‘เซอร์ไพร้ส์’ ก็คือ เพื่อไทย ๑๖๐ บวกพรรคตระกูลเพื่อ
เช่น ทษช. (ย่อจาก ‘ไทยรักษาชาติ’ นะอย่าคิดเป็นอื่น)
อีกสัก ๔๐ และพรรคปรองดองของ จตุพร พรหมพันธุ์ หรือพรรคโค่นทหารของ เสรีพิศุทธ์
เตมียาเวส กับพรรคตบหน้า ปชป.ในภาคใต้ของ ‘วันนอร์’ และ ทวี สอดส่อง
พรรคเสริมเหล่านั้นสมฤทัยคิดว่าจะได้ที่นั่งในสภาอย่างมากก็แค่พรรคละ
๑๐ เช่นเดียวกับพรรคเทือก เมื่อเหมารวมกับพรรคอนาคตใหม่ ที่ผู้ร่วมก่อตั้งคนหนึ่งพยายามปกป้องพรีเซ็นเตอร์วัยรุ่นของ
คสช. จนทำให้กระแส ‘ไปโลด’ ชลอตัวลง และคาดว่าจะได้ที่นั่งเพียง ๒๐ ครึ่งเดียวของจำนวนที่ทักษิณทำนายไว้แล้ว
ผู้เขียนบทความใน ‘คมชัดลึก’ บอกว่าฝ่ายการเมืองที่ชอบอ้างวาทกรรม ‘ประชาธิปไตย’ น่าจะได้ ส.ส.รวมกันแค่ ๒๕๐ บวกลบคนสองคน
ไม่สามารถตั้งรัฐบาลเองได้แน่ ทำให้ อนุทิน ชาญวีรกูล กลายเป็นพ่อเนื้อหอม
ฝ่ายไหนก็อยากได้
บทความสมฤทัยไม่ลืมที่จะเหยาะว่า
ที่กล่าวมาเป็นเพียงวิเคราะห์ตัวเลขเท่านั้น ถึงวันจริงจะมีการเจรจาต่อรองผลประโยชน์กันจนทำให้สมการเปลี่ยนไปได้
แต่ยังมีแง่มุมที่สมฤทัยละไว้ หรือคิดไม่ถึง หรือ ‘underestimated’ ประเมินต่ำ ด้วยก็ได้
ดังเช่น การแตกตัวพรรคตระกูลเพื่ออาจไม่ใช่ออกไปแย่งคะแนนเสียงกันเอง
แต่เป็นการเพื่มจำนวนดังที่ยุทธวิธีนั้นหวังผล (ดูตัว ทษช.แล้วไม่น่าจะได้แค่สิบอย่างที่สมฤทัยทำนาย)
หรือว่าการกำเนิดของพรรคอนาคตใหม่เป็น ‘เทร็นด์’ ที่มีตัวเลขจริงอยู่เบื้องหลังดังฝ่ายไม่เอารัฐประหารคาดหมาย
ถึงอย่างไรบทความสมฤทัยได้ให้ความหวังแก่พวกที่
“พยายามสร้างวาทกรรม ว่านี่คือการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ”
ประการหนึ่ง