ไม่ได้ ‘ลด’
มีแต่เพิ่ม ไม่ต้อง ‘แลก’ เพราะ ‘แจก’ ฟรี แล้วยัง ‘แถม’ ให้ใช้ฉลองปีใหม่คนละห้าร้อย นี่ละพลังไทยนิยมประชารัฐของรัฐบาลคณะรัฐประหาร
มาเร่งทำกันตอนปลายๆ อีกสองสามเดือนจะเลือกตั้ง
วงเงินทั้งสิ้นกว่าแสนล้านบาท
ควักจากเงินก้นถุงในคลัง ทั้งที่ “เศรษฐกิจไตรมาส ๓ วูบเกินคาด”
ขนาดแบ๊งค์ชาติเองยังมึน แล้วไหงหัวหน้าใหญ่ดันสอนชาวบ้าน “การแก้ปัญหาความยากจนให้ยั่งยืนนั้นสิ่งสำคัญคือตัวตนประชาชนเอง
ทุกคนควรยึดวิถีพอเพียง” ล่ะ
ครม.เคาะแล้วเมื่อ ๒๐ พ.ย. ‘มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย’ ๔ อย่าง
รวมทั้งสิ้น ๑๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ได้แก่ ช่วยออกค่าน้ำค่าไฟครัวเรือนที่ถือบัตรสวัสดิการ
๘ ล้าน ๒ แสนราย รวมเดือนละ ๓๓๐ บาทต่อครัวเรือน เป็นเวลา ๑๐ เดือนตั้งแต่ธันวานี้ถึงกันยาหน้า
รายการแจกลำดับต่อไปไม่เหมือนรายการแรกที่ต้องใช้เงินในคลัง
๒๗,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้ให้สดๆ คนละ ๕๐๐ บาทแก่ผู้ที่ลงทะเบียนรับสวัสดิการรัฐ ๑๔
ล้านครึ่ง ใช้งบประมาณเพียงเบาะๆ ๗.๒๕ พันล้าน มากกว่ามาตรการอันดับสามเกือบเท่าตัว
มาตรการแจกเงินผู้สูงอายุ (๖๕ ปีขึ้นไป) ที่รายได้น้อยจำนวน
๓ ล้าน ๕ แสนคน คนละ ๑ พันบาท นั้นสิ้นเปลืองเพียง ๓,๕๐๐ ล้านบาทเพราะเป็นการให้ครั้งเดียวจบ
ไม่มีอ้อยอิ่ง
ส่วนมาตรการที่สี่ ช่วยค่าเช่าบ้านของ ‘ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย’ เช่นกัน รายการนี้แม้จะให้ทุกเดือน
เดือนละ ๔๐๐ บาทต่อราย แต่เนื่องจากมีผู้เข้าข่ายเพียง ๒ แสน ๓ หมื่นคน ก็เลยใช้เงินดำเนินการเพียง
๙๒๐ ล้านบาท
ยังไม่หมด ไหนๆ
แจกพวกคนจนแล้วไม่แจกข้าราชการที่ซื่อสัตย์ก็จะกระไรอยู่ ข้าราชการทหาร ตุลาการ
และองค์กรอิสระ ได้รับการขึ้นเงินกันไปแล้วพร้อมหน้าก้ตาม
ยังต้องเก็บตกข้าราชการบำนาญด้วย พวกนี้คะแนนเสียงสุดซื่อสัตย์ตรงตามตัวเงิน
ฝรั่งว่า ‘Right on the money.’
กรณีนี้ถือเป็นรายการ ‘แถม’ จากเดิมให้ข้าราชการบำนาญอายุต่ำกว่า ๖๕ ปี ได้
‘บำเหน็ดดำรงชีพ’ ๒ แสน และที่เกิน ๖๕
ได้ ๕ แสน ตอนนี้เพิ่มข้าราชการบำนาญที่อายุเกิน ๗๐ ปี ที่มีอยู่ประมาณ ๑๕๙,๐๐๐
ราย ให้คนละ ๕ แสน คำนวณแล้วจะต้องใช้เงินทั้งสิ้น ๒๔,๗๐๐ ล้านบาท
ทั้งหมดนี้อดีต กปปส. โฆษกรัฐบาล คสช. “ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง”
ดังที่มีเสียงก่นด่าทั่วหล้าว่า “หวังผลเลือกตั้ง” นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
แก้ตัวพัลวันว่าเรื่องนี้พวก คสช.คิดกันไว้นานแล้ว มาลงตัวตอนช่วงสิ้นปีพอดี
ข้อสำคัญนี่เป็นนวัตกรรมใหม่ก็ว่าได้ นายพุทธิพงษ์บอก
“ซึ่งที่แล้วมายังไม่มีรัฐบาลใดออกนโยบาย ‘ส่งตรง’
ไปยังผู้สูงอายุ” มาก่อนเลย เรื่องแจก-แถมที่ไม่ใช่ประชานิยมนี่น่ะ พวกไพร่ฟ้าหน้าเขียวต้องยกนิ้วโป้งให้กับ
คสช.เขานะ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนายกฤษฎา บุญราช
รมว.เกษตรและสหกรณ์ แพร่งพรายนวัตกรรม ทุ่มเงินอุ้มชาวสวนยาง ว่า ครม.จะอนุมัติให้ใช้งบกองกลางที่มีเหลืออยู่
๑ หมื่นล้านบาท แจกชาวสวนยาง ๑ แสน ๔ หมื่นครัวเรือน ในจำนวนมากกว่าเดิมที่ให้ไร่ละ
๑,๕๐๐ บาท
บวกกับโครงการรับซื้อยางในราคา ๓ โลร้อย
(ยางก้อนแห้งโลละ ๓๕ บาท ยางสด ๓๗ บาท และยางแผ่นดิบ ๔๐ บาท)
นี่แสดงว่าวิกฤตยางหนักหนาสากรรจ์มาก อย่าว่าแต่ราคากิโลละ ๖๐
บาทที่ชาวสวนยางอยากได้ไม่มีทางได้เท่านั้น ขนาด ๓ โลร้อยยังขายไม่ออก ต้องให้
คสช. ตั้งจุดรับซื้อ
ล้วนแต่เรื่องที่ คสช.ถนัดทั้งนั้น ทั้ง ‘ทุ่ม’ ทั้ง ‘เท’ แจกแถมโดยไม่หวังคะแนนเสียง แต่มีการซาวเสียงชาวไร่ ชาวนา และชาวบ้าน
โดยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมวลชนของ กอ.รมน. แล้วได้รับการตอบสนองอย่างดีว่า “แจกเงินอย่างนี้ต้องลงให้เขาสิ”
ปัญหามีอยู่ว่าเงินที่จะแจกเอามาจากไหน
ในเมื่อมาตรการแจกแถมนี้ไม่เพียงสองสามเดือนก่อนเลือกตั้ง
แต่กำหนดยาวไปถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๒ โน่น แต่รูปการณ์เศรษฐกิจไม่ได้หรูอย่างที่พวกกูรู
คสช.คุยโต
สภาพัฒน์เพิ่งเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สามของปีนี้
ว่าได้เพียง ๓.๓ เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าที่คาดหวังเอาไว้เล็กน้อย แม้ว่าการลงทุนภาคเอกชนและการนำเข้าวัตถุดิบจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่การส่งออกและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยหลัก แสดงให้เห็นว่า ‘อ่อนแรง’
อย่างนี้ถ้า คสช.ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็คงไม่กระไรนัก
เพราะใช้พระเดชผสมกับความหน้าด้านทั้งแถและดันไปเรื่อยๆ จะจมปลักอย่างไรไม่มีใครกล้าหือ
แต่ถ้าฝั่งประชาธิปไตยพลิกกลับมาเป็นรัฐบาลคงต้องงานหนักหาเงินมาถมแทนส่วนที่ คสช.
ถลุงไปเกือบเกลี้ยง
ปุจฉาน่าคิดอยู่ที่ประชาชนที่ได้รับแจกแถมจะตอบแทนเขาด้วนคะแนนเสียง
หรือว่าเลือกที่จะนำผู้มีฝีมือเคยมีผลงานกลับมาเช็ดขยะของ คสช. และกู้ความกินดีอยู่ดีให้คืนมา
มิฉะนั้นคงได้อยู่กันอย่างสงบเสงี่ยมและท้องกิ่ว รอการแจกแถมระลอกใหม่ที่อาจไม่มา