วันศุกร์, พฤศจิกายน 23, 2561

โฆษกรัฐบาลไอทู้บบอก "คนรุ่นใหม่ อย่าทิ้งคนรุ่นเก่า" ควักเงิน 'งบกลาง' จ่าย กกต.ตรวจสอบได้ไง

โอ้ว ข่าวดีทั้งนั้น นอกจากแจกคนละห้าร้อยคนละพันแล้ว เศรษฐกิจไทยยังพองตัวมากกว่า ๔ เปอร์เซ็นต์ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบ ๙% ในเดือนตุลา นำเข้าก็มากขึ้นตั้ง ๑๑%

แต่ไหงแบ๊งค์ชาติบอกว่าต้องปรับอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจลงไปอีกนิด เนื่องเพราะดุลการค้ายังติดลบอยู่ตลอดไตรมาสที่สามของปีนี้ “เมื่อคิดเป็นเงินบาท ขาดดุล ๙,๔๓๐.๕ ล้านบาท” ซ้ำ “มองค่าเงินบาทผันผวนไปถึงปีหน้า ผู้ประกอบการจะต้องดูแลความเสี่ยงตัวเอง”


รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทยแจงว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินยอมรับว่าต้องปรับตัวเลขการเติบโตเศรษฐกิจลงจากที่ประมาณการไว้ ๔.๔% ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้การพองตัวกว่า ๔% จะเป็นเท่าไร ๔.๑ ถึง ๔.๓ เหรอ

แต่ว่าเอาเถอะ ไหนๆ ก็เป็นข่าวดี โดยเฉพาะที่รัฐบาลอนุมัติเงินเกือบ ๘ หมื่น ๗ พันล้าน (จากงบประมาณ กองกลาง) ไปใช้เป็นอั้งเปาแจกคนแก่ตอนใกล้ส่งท้ายปีเก่า อย่างที่โฆษกรัฐบาลบอก เราเป็นคนรุ่นใหม่ อย่าทิ้งคนรุ่นเก่า เพราะประเทศเรากำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ

แต่ข้ออ้างของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ว่า “ดำเนินการมาร่วมปีกว่าจะถึงวันนี้...พอดีมาออกช่วงเวลานี้ ถือว่าเหมาะสม...ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย” มัน ‘obvious’ เห็นเจตนาค่อนข้างชัด ทำไมมีเวลาเกือบ ๕ ปี มาคิดได้เมื่อปีที่แล้วตอนมั่นใจจะอยู่ต่อนั่นเหรอ

กระทั่งตัวใหญ่ไปพูดยาวเป็นคุ้งเป็นแควอีกที่ กรุงเทพตะวันออกตอนลงพื้นที่ตรวจราชการโรงเรียนวัดศรีบุญเรือง บางกะปิ ว่ารัฐบาลนี้ดูแล คนที่อยู่ในครอบครัวที่เป็นวัยฉกรรจ์ วัยทำงานให้มีรายได้สูงขึ้น...เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ทำกัน พอมาทำวันนี้ก็อาจจะดูแปลกๆ ไปนิด”

เขาอดไม่ได้ที่จะโทษคนโน้นคนนี้ จะว่านี่เป็นสัน...อะไรก็ไม่รู้ละ แหม่ คุณเฮียใช้คำว่า ก่อนหน้านี้ มันหมายถึงเกินสี่ปีเชียวหรือ “ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยมีความสุขที่ดีขึ้น แต่ต้องอาศัยเวลา

ถ้าทำมาก่อนหน้านี้ประเทศคงไปไกลแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งจะสตาร์ต ดังนั้นอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้” นั่นน่ะสิ แค่เมื่อสองสามปีที่แล้วทำซะ ก็ยังจะฟังดูดีกว่านี้ แทนที่จะมาพ่นเอาตอนใกล้จะห้าปี ซ้ำร้ายเหมาหมดระยะยาวอีกด้วย

“๒๐ ปีข้างหน้าเราจะต้องพ้นรายได้กับดักปานกลาง เราจะต้องสูงขึ้นไม่ใช่เตี้ยอยู่อย่างนี้...ถ้าทุกคนขออย่างเดียว แต่ไม่พูดถึงว่ารัฐบาลจะได้เงินมาจากตรงไหนมันก็ไม่ได้” ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ ในเมื่อยังไม่มีปัญญาหาเงินเข้าคลังกันได้

ไอทู้บยอมรับ “รัฐบาลได้เงินมาจากการเสียภาษีของประชาชน ซึ่งภาษีที่ได้มาไม่พอกับการจ่ายก็ต้องเอางบกลางมาใช้” มิน่า สองสามปีที่ผ่านมา ทั้งลูกไล่ลัลิ่วล้อ คสช. ประเคนงบกลางฯ มากขึ้นๆ เพราะเป็นเงินที่รัฐบาลใช้ได้ตามอำเภอใจ ไม่ผ่านกระบวนตรวจสอบ

อย่างนี้นี่เล่า ประชาชนที่สมองไม่นิ่มเหมือนสลิ่มถึงได้พากันโวยวายจน กกต. ทนไฟลนก้นไม่ไหว ต้องออกมาแสดงอะไรสักอย่างเอาตัวรอดเมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ออก อันนี้ไม่ต้องเซอร์ไพร้ส์ เมื่อนายอิทธิพร บุญประคอง แถลงว่า
 
หากพบว่าเป็นการอนุมัติงบประมาณที่เข้าข่ายการหาเสียงล่วงหน้า สำนักงาน กกต.จะเป็นผู้ตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล พยานหลักฐาน...เพื่อตั้งกรรมการไต่สวนต่อไป” และว่า “ต้องตรวจสอบเพราะเป็นหน้าที่ กกต.อยู่แล้ว โดยไม่ต้องรอให้มีการร้องขอ”


กกต.ไม่ต้องรอใครร้องขอ แต่ประชาชนต้องรอผลการตรวจสอบ กรณีที่เข้าเนื้อ คสช. อย่างนี้ถ้าดูจากแนวทางขององค์กรอิสระภายใต้กะลาครอบของทหารอีกแห่ง แบบ ปปช. ละก็รอกันจนเหนียงยานก็ยังตรวจไม่เสร็จ

เราทำอะไรได้บ้าง” เป็นคำถามท่ามกลางความหดหู่ “ภายใต้บรรยากาศที่การชุมนุมทำไม่ได้ การโพสต์เฟซบุ๊กแต่ละครั้งก็ยังอยู่ใต้ความหวาดกลัว และการเลือกตั้งต้องเป็นไปตามกติกาของ คสช.” ก็มีไอเดียหนึ่งผุดขึ้นเมื่อประมาณปีกว่าๆ ขณะนี้ไปได้ครึ่งทางแล้ว
 
กิจกรรมเข้าชื่อเพื่อ #ปลดอาวุธคสช หรือการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเข้าชื่อให้ครบ ๑๐,๐๐๐ เพื่อเสนอร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช. รวม ๓๕ ฉบับ” ยังเป็นความหวังที่ ‘ทำได้การกรอกแบบฟอร์ม ข.ก.๑ ยังดำเนินอยู่

สนใจไปดูกันที่ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2117368014960513&set=a.164850830212251&type=3&theater