วันอังคาร, พฤศจิกายน 20, 2561

องคาพยพของ คสช. ในหน่วยงานรัฐ พร้อมที่จะบิดเบี้ยวกฎหมายให้สนองความต้องการของตนอยู่ตลอดเวลา

ที่ อ.โสรัจ หงส์ลดารมย์ บอก “ปธ.กกต.รับแบ่งเขตเลือกตั้งช้า เหตุปัญหาสุขภาพต้องไปผ่าตัดตา” นั้น “ต้องเปลี่ยนตัวประธาน เอาคนไม่ป่วยมาเป็นแทน” น่ะ ใช่เลย กกต.ถึงจะไม่ครบเจ็ด แต่ก็มีอยู่แล้ว ๕ คน จะปล่อยให้ประธานทำงานคนเดียวเชียวหรือ

นายอิทธิพร บุญประคอง โอดว่าเหตุที่การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษา “เคลื่อนออกไป” จากกำหนดวันที่ ๑๐ พ.ย. “มีสาเหตุมาจากเรื่องของสุขภาพ ที่ผมต้องไปผ่าตัดตา”

ทั่นประธานฯ ยังอ้างอีกว่าการแบ่งเขตรอบแรกเสร็จตั้งแต่เมื่อ ๕ พ.ย.แล้ว “อยู่ในระหว่างทบทวนความถูกต้องก่อนนำไปประกาศ แต่เกิดปัญหาสุขภาพของผม” ก็เลยล่าช้า แต่พอนักข่าวซัก ถ้างั้นบอกได้ไหมที่แบ่งไปแล้วอย่างไร

“นายอิทธิพรปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ว่าจะต้องมีการรื้อใหม่ทั้งหมดหรือไม่ และไม่ขอตอบเรื่องแนวทางปฏิบัติของ กกต. หลังมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๑๖/๒๕๖๑ ออกมา” ประธาน กกต. ยังยืนยันอีก

“จะไม่แบ่งเขตตามคำร้องขอของผู้มีอำนาจ เพราะคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๑๖/๒๕๖๑ ก็บอกว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด” กฎหมายอะไรในเมื่อคำสั่งฯ ระบุให้ยืดเวลาประกาศแบ่งเขตออกไปตามใจ กกต. และจะแบ่งเขตอย่างไรอยู่ที่ กกต.

ก็ถ้าผู้มีอำนาจไม่ได้ร้องขอ (เป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปิดเผย) แต่ขยิบตา หรือใช้วิธียักคิ้วหลิ่ว (เหล่) ตา อย่างที่ผู้มีอำนาจชอบทำล่ะ แล้วการแบ่งเขตออกมาเป็นคุณแก่พรรคที่เสริมอำนาจคณะรัฐประหาร

เป็นโทษกับพรรคการเมืองฝ่ายไม่เอารัฐประหาร ตอนกระชั้นชิดใกล้จะเลือกตั้ง พวกเขาก็พังกันไปแล้ว ‘damages would have been done’ แล้วมันจะบริสุทธิ์ ยุติธรรมละหรือ


ดูจาก พรบ.ไซเบอร์เป็นตัวอย่าง มีเสียงท้วงกันอึงมี่ว่าให้อำนาจล้นฟ้า แก่คณะกรรมการ ความมั่นคง ทางไซเบอร์ จน ผู้มีอำนาจ ของ กกต. (และใครต่อใครในองค์กรแห่งรัฐกะลาแลนด์) สั่งให้เอากลับไปทบทวน

ร่างฯ ดังกล่าวที่มีการเเก้ไขเเล้วจะถูกนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายนนี้” แต่มีผู้รู้ท่านหนึ่งออกมาชี้ให้เห็นความไม่ชอบมาพากล ว่า “เสนอเข้ามาโดยที่มีการทบทวนเเก้ไขเพียงเล็กน้อยในส่วนของนิยาม เเต่ยังคงหลักการเดิมในส่วนเนื้อหาที่เคยโดนทักท้วงไป”
 
นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์บอกว่า “ยังให้อำนาจคณะกรรมการเพื่อความมั่นคงทางไซเบอร์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะมีอำนาจเยอะ โดยจะสามารถตรวจค้น จับกุม ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ หน่วยบันทึกความจำ บังคับบอกรหัสเพื่อเปิดข้อมูลได้หมด โดยไม่ต้องมีหมายจับหมายค้น”

ผู้ที่ “เป็นห่วงว่าถ้าออกกฎหมายลักษณะเเบบนี้มา จะเกิดความเสียหายจนประเทศอื่นๆ เขาไม่กล้าคบหาสมาคมด้วยเลย” ท่านนี้ยังชี้ถึงความอยุติธรรมของร่างกฎหมายดังกล่าวว่า “แค่สงสัย ก็สามารถเข้าไปตรวจค้นยึดได้ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานเอกชน บริษัท ประชาชนทั่วไป ถือเป็นการเข้าไปยึดเพื่อตรวจสอบแจ้งข้อหาทีหลัง” วิธีการเช่นนี้ปราศจากการตรวจสอบและถ่วงดุล ซึ่งในทางสากลต้องผ่านการตรวจทานโดยตุลาการ นายศรีอัมพรอ้างว่า “อย่างประเทศจีนซึ่งมีระบอบการปกครองที่เเตกต่างจากเราเขายังไม่กล้าทำเลย”

หนักกว่านั้น “ที่นายกฯ เคยให้ถอนร่างไปดูก่อน ไปดูมาเเล้วหรือยังได้ทำประชาพิจารณ์เเล้วหรือไม่ เรื่องนี้มันอาจกระทบทำให้โครงสร้างประเทศเปลี่ยนได้เลย” โดยเฉพาะจะส่งผลตรงถึงการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ

“ตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคงอย่างเดียว มันโยงถึงความลับทางการค้าความน่าเชื่อถือของประเทศเราด้วย”


ก็นั่นละ พวก คสช. นี่ทำอะไรไม่คิดไกล ทั้งที่อยากจะอยู่ยาว ๒๐ ปีนี่ละ มักเอาแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า กับที่แอบไว้ เบื้องหลัง อย่างกรณีที่นายแจ็ค หม่า ประธานอาลีบาบา บริษัทค้าออนไลน์ขนาดมเหาฬารของจีนมีข้อเสนอใหม่
 
จะซื้อที่ดินไทยในโครงการอีอีซีเป็นกรรมสิทธิ์ แทนที่จะเช่าดังที่กฎหมายเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยกำหนด โดยแลกกับการจัดสร้าง ฮับ ขนาดยักษ์เป็นศูนย์โลจิสติกส์แทนฮับธรรมดา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไปรับข้อเสนอมาเมื่อตอนไปร่วมงาน อิมพอร์ต-เอ็กซ์พอร์ตนานาชาติของจีนเมื่อเร็วๆ นี้

มีการสั่งการให้สองหน่วยงานเกี่ยวข้อง คือคณะกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน “ร่วมกันในการหาทางออกให้กับข้อเสนอซื้อที่ดินว่าจะสามารถทำได้อย่างไร

และเกี่ยวพันกับกฎหมายฉบับใดที่เปิดช่องให้สามารถดำเนินการได้บ้าง”


เท่ากับว่าองคาพยพของ คสช. ในหน่วยงานรัฐ พร้อมที่จะบิดเบี้ยวกฎหมายให้สนองความต้องการของตนอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์กรที่มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า องค์กรอิสระอย่างเช่น กกต. ก็ตา