‘Life imitating Art’ ว่ากันเรื่อง ‘ปะรัดชะยา’
สักเล็กน้อย วลีของ ออสการ์ ไวลด์ นี้เป็นทฤษฎีต่อต้านการเลียนแบบ
ที่บอกว่า ‘ชีวิต’ จะยิ่งใหญ่เพียงไรก็ยังต้องเลียนแบบ
‘ศิลปะ’
เอามาเปรียบกะ ‘ตะหาน’
จะยิ่งใหญ่แค่ไหน แม่งก็ยังพยายามเลียนแบบนักการเมือง ‘เอกชน’ จนได้ ดูจากทวิตเตอร์ ‘เรารักกองทัพบก’ @weloverta
นั่นปะไร
“ร้านกาแฟทหาร ราคาเบาๆ
แต่รสชาติไม่เบาเลยนะครับ!! ตอนนี้เปิดให้บริการแล้วที่ กองพันเสนารักษ์ที่ 3
ค่ายสุรธรรมพิทักษ์...ทั้งอร่อย ถูก และดี แบบนี้อย่าลืมแวะมาอุดหนุนกันนะครับ #กาแฟทหาร”
แม้นว่าเขาพยายามจะบอก “ซึ่งรายได้จากการขายนั้นจะนำมาเป็นสวัสดิการให้แก่กำลังพล
และส่วนหนึ่งยังนำมาพัฒนากองพันอีกด้วย” ก็ยังเข้าข่ายเอาอย่างฝ่ายสายการเมือง
มันต่างกับที่ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ เปิดร้านกาแฟ ‘ปลุกสมอง’
แต่มันค่อนข้างจะตรงกับที่มีคนตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า
น่าจะคล้าย ‘เซเว่น’
ขายข้าวแกง คือกินเหลา กินรวบไปเสียแทบทุกอย่าง จะเอาอย่างเครือข่าย ‘บลูเมาเทน’ และ ‘สตาร์บัค’
ได้หรือไม่ รอให้พลังประชารัฐตั้งรัฐบาลและไอทู้บเป็นนายกฯ อีกสิ
เดี๋ยวก็รู้
วันวานนี้ หมอสลักธรรม โตจิราการ โพสต์ข้อความ
“แถวบ้านผมมีซุปเปอร์มาร์เก็ตของหน่วยทหาร” แม้ว่าโดยเฉลี่ย “ไม่สะอาด...ความเป็นระเบียบยังไม่เท่าของเอกชน
อาศัยว่าสินค้าถูกกว่าซุเปอร์มาร์เก็ตของเอกชนและอยู่ในทำเลที่ดี
เลยมีทั้งทหารและพลเรือนมาช่วยอุดหนุนอยู่พอควร”
คุณหมอแกเขียนไว้ยาวกว่านี้ แต่ขี้เกียจก๊อปมาลง
เอาแค่แก่นๆ ที่ว่า “เรื่องนี้น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของทหารในการเข้ามาทำเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนเอง”
น่านละ
๑๘ พฤศจิกาเช่นกัน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
แกนนำกลุ่มสามมิตรนำสมาชิกไป ‘เท’ รายชื่อเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
ร่วมกับแกนนำอื่นๆ โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน โดยบอกว่าการปิดตัวสามมิตรไปรวม
พปชร. ครั้งนี้ “ยิ่งใหญ่กว่าการเปิดพรรคไทยรักไทย”
ฟังสุริยะแล้วเซ็ง ติดเชื้อ คสช. เสียจนพูดพล่ามไม่คิดถึงผลกระทบเข้าเนื้อตัวเอง
ในเมื่อไปเปรียบกับไทยรักไทย
จะยิ่งใหญ่กว่าหรือไม่ยังไม่รู้จนกว่าจะเกือบสี่ปีผ่านไป แต่แน่ๆ แสดงว่า
พปชร.พยายามเลียนแบบ ทรท.
เกือบจะทุกกระเบียดนิ้ว
ไม่เกรงใจคนข้างเคียงที่พรรค รปช. ที่ประกาศว่าจะต่อสู้กับ ‘ระบอบทักษิณ’ จนวันตายนั่นไรเชียว หนักเข้าไปอีก สมศักดิ์จ้อมั่ง ยอมรับว่า “ถ้าเปลี่ยนความรู้สึกในกระแสพรรคเก่าไม่ได้
โอกาสที่เราจะชนะจะยาก
การเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา
เราจึงต้องใช้ประโยชน์ในส่วนนี้” ไหมล่ะ เผลอหลุดออกมาจนได้ว่าตนเองจะสู้ไม่ไหว ‘ไม่ได้ด้วยเล่ห์
ก็เอาด้วยกล’ ไม่มีมนต์ก็เลยต้องใช้คาถา ‘วิชามาร’ ที่เจ้านายเสกไว้ให้ มาเข้าขย่ม
ราคาคุยของสุริยะที่ว่า “เราต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
และฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ” นั่นก็ดูท่าจะยากเช่นกัน คสช.ใช้มนต์สะกดคลังด้วยนะจังงัง
ถอนเงินเอามาถลุงและทุ่มสองสามแสนล้านเข้าไปแล้ว หายต๋อมละลายแม่น้ำทั้ง ๕
วันเดียวกัน โพลนิด้า ที่
ผอ.เพิ่งลาออกเพราะถึงเวลาประกาศตัวเป็นสมาชิกพรรค พปชร. มีตัวเลขเล็กๆ
น้อยๆ มาแฉว่า ‘ปลัก คสช.’ สี่ปีครึ่งเนี่ยลึกแค่ไหนแล้ว
เริ่มกันที่ดัชนีความสุข ผู้ตอบสำรวจต่ำกว่าครึ่งยอมรับว่าแค่ ครือๆ “ชีวิตความเป็นอยู่ยังคงเหมือนเดิม”
ถ้างงว่าเหมือนเดิมตรงไหน ต้องไปดูที่เขาเทียบเคียงกับเมื่อ
๖ เดือนที่แล้ว พฤษภา ๖๑ คนที่บอกว่าความสุขย่ำเท้าอยู่กับที่น้อยกว่าตอนนี้เกือบ
๑ เปอร์เซ็นต์ หากยังคลุมเคลืออยู่อีกไปดูที่ตัวเลขคนบอกความสุขเพิ่ม
อ้าว พวกที่บอกว่า คสช. ทำให้มีสุขเพิ่มดันมีจำนวนลดลงตั้ง
๗ เปอร์เซ็นต์ครึ่ง จาก ๒๗.๖๙% มาเป็น ๒๑.๒๐%
เท่านั้นไม่พอ ต้องดูที่จำนวนคนด่าว่าความสุขน้อยลงด้วย กันเหนียว อันนี้โพลเค้ายอมรับว่ามันเพิ่มเหมือนกันอีก
๕ เปอร์เซ็นต์ อะ
เข้าประเด็นเรื่องเศรษฐกิจที่ ‘อังเคิลสุริยะ’
คุยไว้จั๊กหน่อย พระเดชพระคุณนิด้านักสำรวจความเห็น พบความจริงว่าถ้าลงรายละเอียดทำไม
คสช. บ้อท่าไม่สามารถคืนความสุขแก่ประชาชนได้อย่างที่ ‘ตู่’ เอาไว้เมื่อสี่ปีครึ่งที่แล้ว เพราะอะไร
มากที่สุด ๓๓.๔๔ เปอร์เซ็นต์เห็นว่า คสช.
ไม่มีปัญญาแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติไง
ใช้เวลาสี่ปีครึ่งแล้วยังไม่รู้หมู่รู้จ่า จะขอต่ออีกสี่ปีกว่าๆ ใครล่ะจะเชื่อ แม้กระทั่งสลิ่มเดี๋ยวนี้ยังพากันร้องยี้
แหม่อังเคิลน่าจะดูตัวอย่างหลานสักนิดนะ
ดูตอนเขาไปอภิปรายที่เกษตรดิ ว่าฉะฉานมาเพื่ออะไร แล้วจะไปยังไง ขนาดหัวหน้า ๑ ใน ๒ พรรคเก่าที่อากลัว
ยังเหลือบมองด้วยท่วงทำนองริษยา