วันอังคาร, พฤศจิกายน 27, 2561

มาแล้ว ไล่เลี่ยกับโร้ดแม็พเลือกตั้ง คำสั่ง คสช.สถาปนาหน่วยงานกำกับดูแลรัฐบาลใหม่


มาแล้วโร้ดแม็พเลือกตั้งชนิดใกล้ความจริงเข้าไปอีกนิด เมื่อ วิษณุ เครืองาม แฉไต๋ ไทม์ไลน์เลือกตั้ง ที่พี่ใหญ่ คสช. ชูสองกับสี่นิ้วแล้วไม่น่าพลาด

ทั่นรองฯ ฝ่ายกฎหมายชี้แจงต่อนักข่าวว่าการพูดคุยระหว่าง คสช. กับพรรคการเมืองซึ่งกำหนดวันที่ ๗ ธันวานี้นั้น “เจตนาของการพูดคุยกันครั้งก็เนื่องจากมีคำถามใดๆ ที่พรรคการเมืองเคยพบกับ กกต.แล้วถาม กกต.แต่ทาง กกต.ตอบไม่ได้ ให้ไปถาม คสช.ก็จะมาถามกันในวันนั้น

ส่วนเรื่องปลดล็อคพรรคการเมืองหาเสียง “คงจะไม่ได้ปลดล็อกกันในวันนั้น แต่จะบอกให้รู้ว่าปลดล็อกวันไหน ซึ่งรายละเอียดของการปลดล็อกนี้ทาง คสช.จะเป็นผู้ชี้แจงทั้งหมด

แต่ตามเงื่อนเวลาของ พรป.เลือกตั้ง ส.ส. ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑๑ ธันวา แล้วจึงจะมี พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมา จากนั้นอีก ๕ วัน กกต. จะออกประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งวันสมัครรับเลือกตั้งและสถานที่รับสมัคร

และก่อนวันสุดท้ายของการรับสมัคร ส.ส. พรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ พรรคจะเสนอ ชื่อ ชื่อ หรือ ชื่อก็ได้ แต่เสนอชื่อซ้ำกันไม่ได้


มาไล่เลี่ยกัน คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับใหม่ที่ ๑๙/๒๕๖๑ จัดตั้งหน่วยงานกำกับ ดูแลการทำงานของรัฐบาลที่จะมีขึ้นหลังเลือกตั้ง เพื่อ ขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
 
หน่วยงานนี้ให้เรียกว่า สำนักงานขับเคลื่อนฯมีฐานะเท่ากรม โดย “โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ และภาระผูกพัน” รวมทั้งพนักงานและลูกจ้างของ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ยกเลิกไปตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๗๑/๒๕๕๙ มาอยู่ภายใต้สำนักงานใหม่นี้

นอกจากจะมีการแต่งตั้ง ผู้อำนวยการ ทำหน้าที่บริหารงานองค์กรดังกล่าว ยังให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งคอยกำกับดูแล เท่ากับว่าสำนักงานฯ เป็นผู้ปฏิบัติงาน คณะกรรมการเป็นผู้กำหนดนโยบายและสั่งงาน

กรรมการประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รองนายกฯ หนึ่งคนกับรัฐมนตรีอีกสามคนที่นายกฯ เลือกนอกเหนือจากนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยงานเพื่อการพัฒนาต่างๆ รวมทั้ง กพ. กฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกฯ เลือก ๓ คน กับที่ขาดไม่ได้ คือ ปลัดกลาโหม ต้องเป็นกรรมการด้วย

คณะกรรมการนี้มีอายุการทำงาน เร่งรัด ขับเคลื่อนกำกับดูแล และประเมินผล” ต่อ “การปฏิรูป  ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนกรสร้ำงความสำมัคคีไปอย่างน้อย ๕ ปี แล้วให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาว่าเห็นควรให้ยุติหรือไม่


ดูจากคอมเม้นต์ของ อจ.โสรัจจ์ หงส์ลดารมภ์ ที่ว่า “สนง. นี้จะเป็นตัวป่วนรัฐบาลใหม่ เว้นแต่นายกจะยังเป็นประยุทธ์” ก็ใช่ ในเมื่อกรอบนโยบายของสำนักงานล้วนขึ้นอยู่กับ แม่แบบ การปฏิรูป ยุทธศาสตร์ และการปรองดองที่กำหนดไว้โดย คสช.ทั้งนั้น
 
และคำสั่งที่อาศัยอำนาจมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗ ควบกับมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญใหม่ (๒๕๖๐) ให้มีผลบังคับใช้เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ นี้แล้ว

เท่ากับต่อนี้ไปอีก ๕ ปีเป็นอย่างน้อย ประยุทธ์และคณะจะหายใจรดต้นคอรัฐบาลใหม่ไปตลอดอายุขัยของสำนักงานนี้ เว้นแต่ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีก ลมหายใจเรื่องนี้อาจจะแผ่วจนเกือบไม่ได้ยินก็ได้