อื้อหือ ตำรวจไทยยุค คสช. ไม้ใกล้ฝั่ง เดี๋ยวนี้หันมาเอาดังทาง
‘ไฮเท็ค’ เมื่อ สภ.เชียงใหม่
บุก ‘จับ-ยึด’ แหลก ‘อาชญากรรมทางไซเบอร์’ ชนิดสุดยอด ต้องเร่งจัดการ ไม่ว่า
‘มือถือ’ หนุ่มยามโหลดคลิปโป๊เอ๊าะๆ
ไว้ชักว่าว หรือคอมพิวเตอร์แกนนำขอคืนพื้นที่ ‘ป่าแหว่ง’ ดอยสุเทพ
แต่เรื่อง ‘ฮ้าร์ดแวร์’
ของหนัก อย่างกรณีซื้อเครื่องยนต์ ‘โรลสรอยซ์’ ใส่เรือบินโบอิ้ง ๗๗๗ ของการบินไทยมีเลศนัยรับสินบน หรือที่กองทัพบกซื้อ ‘ฮอ’ รัสเซียแบบ ‘จีทูจี’ แต่มีบริษัทเอกชนนายหน้าร่วมเซ็นสัญญา ก็น่าสงสัยมีส่วนต่างเงินทอนหรือเปล่า
ทว่าทั่นหัวหน้าใหญ่คณะรัฐประหารที่กำลังจะต่อเนื่องอำนาจด้วยการจัดเลือกตั้ง
ทำ ‘ไม่รู้ไม่ชี้’ ปรี่ไปยืนยิ้มย่องจับมือกับ
‘ปูติน’ หลังจากที่ไปยืนหงอยเด่อด๋าในการชุมนุมผู้นำนานาชาติ
โอกาสครบร้อยปีสงครามโลกที่ยุโรป
ต่อการที่กองทัพบกจัดซื้อเครื่องเฮลิค้อปเตอร์รุ่น
MI-17 V-5 จากรัสเซีย มูลค่ากว่า
๑,๕๐๐ ล้านบาท ไม่รวมภาษีต่างๆ
ลงนามกันแล้วเรียบร้อยเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
แต่เป็นข่าวตั้งแง่สงสัยว่าทั้งที่การจัดซื้อครั้งนี้เป็นแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
ไหงมีบริษัทเอกชนไปร่วมในการลงนามด้วย
สำนักข่าวอิศราจี้ถามกรมการขนส่งทางบกของ
ทบ. ได้คำตอบว่า บริษัทนายหน้าค้าอาวุธที่มีผู้บริหารไปร่วมเซ็นสัญญาซื้อ
ฮ.สองลำจากรัสเซียนั้น
เป็นตัวแทนที่ทางรัสเซียแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประสานการขายเฮลิค้อปเตอรืแก่รัฐบาลทหารไทยครั้งนี้
เจ้ากรมการขนส่งทางบกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล
คสช.ไปตกลงซื้อ ฮ. ครั้งนี้อ้างว่า ตัวแทนบริษัทเอกชนที่ร่วมคณะจัดซื้อดังกล่าวให้ความช่วยเหลือจัดล่ามในการเจรจากับทางรัสเซีย
น่าเสียดายที่เมื่อตอนตัวหัวหน้าใหญ่
คสช. ไปร่วมชุมนุมผู้นำที่ยุโรป ไม่ได้มีตัวแทนเอกชนร่วมไปด้วยเหมือนทีมทัพบกไปรัสเซีย
มิฉะนั้นทั่นผู้นัมพ์ไทยจะไม่ต้องไปยืนเซ่อซ่า และที่ปรึกษาคงไม่ได้ปล่อยไก่อ้างจำนวนประเทศยุโรปเว่อเกินไปเท่าตัว
อีกเรื่องเกี่ยวกับการบินไทยถูกอ้างชื่อว่ารับสินบนจากบริษัทโรลสรอยซ์ของอังกฤษ
ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๔ ถึง ๒๕๔๘ เป็นเงินราว ๑,๒๒๓ ล้านบาท ในการขายเครื่องยนต์แบบ Trent 800 สำหรับติดตั้งในเรือบินโบอิ้งรุ่น
๗๗๗ เป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกเมื่อต้นปีที่แล้ว
มาถึงขณะนี้เรื่องยังเงียบเป็นเป่าสาก
ทำให้องค์การต่อต้านคอรัปชั่น ชุดของนายประมนต์ สุธีวงศ์ ที่เรียกชื่อย่อองค์กรว่า
ACT อดรนทนไม่ไหว เร่งทำหนังสือถึงนายเอกนิติ
นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานการบินไทย เร่ง“สอบสวนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษและชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น”
นัยว่า อาจจะเจอ “อดีตผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ทางการ
และอดีตรัฐมนตรีของไทย” ในรัฐบาลยุคก่อนๆ โดยเฉพาะชุดที่ถูกรัฐประหารเมื่อปี ๒๕๔๙
ติดร่างแหอยู่ด้วยก็ว่าไป แต่ที่นิ่งมาขนาดนี้น่าจะเพราะมีรัฐบาลชุดอื่นเกี่ยวพันเงื่อนงำอยู่ด้วย
ที่ไม่นิ่งเมื่อวานนี้เองก็นี่ไง
กองกำกับการไซเบอร์ของตำหวดไทยออกลุยใหญ่ ภัยต่อความมั่นคงในโลกเสมือนจริง ‘virtual reality’ อย่างกรณีที่องค์กรชาวบ้านปกป้องสิ่งแวดล้อมต่อต้านการลุกล้ำธรรมชาติดอยสุเทพ
ออกมาคัดค้านหมู่บ้านจัดสรรของตุลาการบุกรุกเขตอนุรักษ์จนเป็น ‘ป่าแหว่ง’
ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ไม่ลดละตามกัดแกนนำองค์กร
ยกกำลังชุดสืบสวนกว่า ๑๐ คน นำหมายศาล “เข้าค้นบ้านพักของนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ
ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ...โดยเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบ”
ขณะเม้าท์ข่าวนี้ยังไม่ทราบแน่ว่าตำรวจจะตั้งข้อหาอะไรกับ
“แกนนำต่อต้านโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ”
ผู้นี้ เชื่อว่าอาจจะเป็นความผิดทางคอมพิวเตอร์ “หมิ่นประมาทและโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ”
ที่ คสช.มักใช้ในการกดดันฝ่ายต่อต้านรัฐประหาร
เก๋กว่านั้น ในวันเดียวกัน (๑๔ พ.ย.) ‘ตำรวจไฮเท็ค’ ผสานกำลังกับ ผกก.สภ.แม่วาง
จ.เชียงใหม่ “บุกเข้าจับกุมตัวนายยุ้ม เคอ อายุ ๒๑ ปี ชาวเมียนมา
พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง และซิมการ์ด ๒ อัน
ในข้อหามีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในครอบครอง”
ข่าวว่าการจับกุมอันเลื่องลือระบือลั่นครั้งนี้เนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้เครื่องมือใหม่ชนิดพิเศษมาใช้
ที่เรียกว่า ‘Cellebrite’
“สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลในอุปกรณ์หรือโทรศัพท์มือถือได้” จึงทำให้ตรวจพบว่ามีการโหลดคลิปโป๊เด็กอายุต่ำกว่า
๑๘ ปีมาดูกัน
เป้าหมายของปฏิบัติการสำคัญคราวนี้เป็นยามประจำป้อมนายหนึ่งที่หางดง
เชียงใหม่ จับได้คาหนังคาคลิปวาบหวิวเต็มเครื่อง เจ้าตัวรับสารภาพว่าโหลดมาเก็บไว้ดู
‘กระตุ้นอารมณ์’ ตอนช่วยตัวเองเวลาไปสนามหลวง พร้อมกับโอด “ไม่คิดว่าจะผิดกฏหมาย”
โธ่ถัง
น้องยามนี่ถ้านายไปดูรูป ‘น้องแนนสะพานชล’ แทน เหมือนบรรดาขาเจ๋งออนไลน์ เสียก็คงไม่ต้องซังเตอย่างนี้