ยิ่งใกล้จะถึงกำหนดโร้ดแม็พเลือกตั้งเข้ามา
พรรค ‘พลังประชารัฐ’ ยิ่งออกลาย
สยายชั้นเชิงหลายขุม ไม่แต่พลังดูด ยังมีทั้งอิทธิฤทธิ์ซานต้า แม้กระทั่งเป็นพรรค ‘ช่วยพ่อ’
คำแถลงชี้แจงของนายเดชณัฐวิทย์
เตริยาภิรมย์ บุตรชายของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ในการลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ได้เป็นการดูดปกติแต่มีนัยยะพิเศษ เฉกเช่นลูกกตัญญูของอีกสองนักการเมือง
‘กำนันเป๊าะ’ สมชาย คุณปลื้ม อดีตจ้าวพ่อเมืองชลฯ ที่โดนคดีจ้างวานฆ่า คุก ๒๕ ปี
แล้วหนีคดีเพิ่งกลับมามอบตัวแล้ว รมว.ยุติธรรมของ คสช. สั่งพักโทษช่วงที่กลุ่มสามมิตรเริ่มออกดูดอุตลุต
โดยเฉพาะนักการเมืองในตระกูลคุณปลื้ม
จากนั้น คสช.ก็ใช้ ม.๔๔ ปลดนายกเมืองพัทยาแล้วตั้งให้นายสนธยา
คุณปลื้ม ลูกชายเข้ารับตำแหน่งแทน อ้างว่าให้ช่วยประสานโครงการอีอีซี พร้อมกันนั้นยังมีการล้างมลทินให้นายอิทธิพล
คุณปลื้ม น้องชายซึ่งเคยเป็นนายกเมืองพัทยาก่อนหน้าโน้นด้วย
อีกคน จ้าวพ่อเมืองกาญจน์ ‘กำนันเซี๊ยะ’ ประชา โพธิพิพิธ อดีตหัวหน้าทีม
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก ๒ ปี ๘ เดือน
ความผิดฐานบุกรุกที่ดินราชพัสดุ แล้วหนีคดีไปอยู่นอกประเทศ
พอ ‘ผู้มีอำนาจ’
ในรัฐบาล คสช.ต้องการได้ ส.ส.เมืองกาญจน์ยกทั้งจังหวัด
ในการเลือกตั้งที่จะมา ลูกชายสองคน ธรรมวิชญ์และอรรถพล ก็เลย ‘ช่วยพ่อ’ กลับมารักษาตัวระหว่างรับโทษ โดยเข้าไปเป็นว่าที่ผู้สมัคร
ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ
กรณีอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตระบายข้าวหรือจีทูจี
ในโครงการรับจำนำข้าว เงียบหายไปในคุกพักใหญ่
จนกระทั่งมีข่าวว่าอาการป่วยกำเริบต้องเร่งรักษา
ข่าวนายเดชณัฐวิทย์เดินเข้าพรรคพลังประชารัฐบ้าง
ก็ตามมา จนกระทั่งมีการแถลงข่าว ‘น้ำตาคลอ’
พ่อบอกว่าชีวิตการเมืองของท่านจบแล้ว ให้ลูกชายรับไม้ต่อ
โดยแนะนำให้ไปติดต่อ “ผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย เช่น
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร”
ก็เลยป๊งเช่ง นายเดชณัฐวิทย์จะลงสมัคร ส.ส.
“เขตเดิมที่คุณพ่อเคยลง
เพราะมีโอกาสได้พบปะประชาชนและเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้เป็นตัวแทนมาสานงานต่อ”
ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ โดยยอมรับว่ามาเข้าพรรคนี้ “เพราะต้องการช่วยคุณพ่อ...เป็นอย่างนั้นจริง”
ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการย้ายจากเพื่อไทยไปพลังประชารัฐแล้วนายเดชณัฐวิทย์จะ
“ช่วยคุณพ่อ” ได้อย่างไรบ้าง นอกจากที่เคยอ้างว่าขณะพ่อป่วยในคุกพรรคเพื่อไทยไม่เหลียวแล
ย้ายแล้วพลังประชารัฐเหลียวแลแค่ไหนต้องจ้องดูกันต่อไป
ในเมื่อโทษจำคุกของนายบุญทรงนี่ ๔๖ ปี
ถึงจุดนี้มองดูพรรคเพื่อไทยน่าจะเลือดไหลซิบๆ
อยู่ แต่พรรคนี้ดูจะรู้ทันวิชายักษ์-วิชามารของรัฐบาล คสช. มาแต่เนิ่นๆ
จึงดำเนินยุทธวิธี “แตกแบ๊งค์พัน...ออกมาเป็น ๓ พรรค คือ ไทยรักษาชาติ เพื่อธรรม
เพื่อชาติ” (คำของ Thanapol Eawsakul)
เพื่อธรรมของเจ๊แดงนั้นดูกร่อยๆ อยู่หน่อย
แต่ไทยรักษาชาติที่ใช้ชื่อย่อ ทษช. นี่ขลังทีเดียว มีตัวเด่นๆ
ทั้งสายขวัญใจเสื้อแดง สายวิชาการ และสายระบบราชการไปรวมกันหนาแน่น โดยชู ‘คนรุ่นใหม่’ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช นำทีมหัวเรือ
แต่กระนั้นแวดวงคุยการเมืองกลับหันไปเฝ้ามองการเคลื่อนตัวของพรรค
‘Wild Card’ (ไพ่เปลี่ยวที่สามารถชิงเด่นได้โดยคู่แข่งไม่รู้ตัว)
ดังที่ บก.ฟ้าเดียวกัน อ้างไว้ “ดูแล้วพรรคเพื่อชาติจะ ‘ปลอดภัย’ ที่สุด
ไม่น่าจะมีปัญหาจากการยุบพรรค ขณะเดียวกันอำนาจรัฐประหารก็ไม่เข้ามายุ่ง
ดูจากการระดมคนร่วมหมื่นมาที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตได้”
ธนาพลชี้ว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มี ‘ไฟเขียว’
ส่องทางให้
เขาอ้างอีกด้วยว่าเพราะ จตุพร พรหมพันธุ์
เป็นหัวหอกของพรรคนี้ และ “น้ำเสียงจตุพรในรัชกาลที่ ๙ ก็ไม่ใช่น้ำเสียงเดียวกันกับจตุพรในรัชกาลที่
๑๐” อันเนื่องมาจากการต่อรองปรองดองกับ สนธิ ลิ้มทองกุล และ สุวิทย์ ทองประเสริฐ
ในคุก
เพื่อ “เป็นทางที่สร้างความสงบสุข
โดยเฉพาะความสามัคคีและความยุติธรรม ผมเชื่อว่าหากทุกฝ่ายนำเอากระแสรับสั่งเป็นธงนำแล้วความสงบสุขทางการเมืองจะเกิดขึ้น”
จตุพรพูดถึง ‘แผ่นดินในยุคนี้’ “รัชกาลที่ ๑๐ จะมีการชุมนุมลักษณะเดิมอีกไม่ได้ ตามที่พล.อ.ประยุทธ์
ย้ำหลายครั้ง”
เมื่อปลายเดือนกันยายน
จตุพรไปออกรายการร่วมกับ 'บิ๊กจิ๋ว' พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ และนายเผด็จ ภูรีปฏิภาณ
เรียกร้องให้ยกเลิก รธน. ๒๕๖๐ ยุบ คสช. เซ็ทซีโร่ทางการเมืองสองปี
ถวายคืนพระราชอำนาจ ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
แต่เสียงเรียกร้องก็เป็นเพียงน้ำเซาะหาดทราย
มิได้ซึมซับกับพลังประชารัฐที่ตั้งหน้าดูดเอาๆ มุ่งหมายจะเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจในแผ่นดินนี้ต่อไปอีก
๕-๒๐ ปีให้จงได้
ด้วยสมรรถนะในการเปิดตัวอย่างใหญ่โตได้ขนาดนั้น
พรรคเพื่อชาติอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
ในภาวะการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐและเครือข่ายสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ยังได้คะแนนเสียงไม่มั่นคงเท่าไร
ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธว่าถึงเวลานั้น
พรรคเพื่อชาติจะไม่เลือกทางร่วมรัฐบาลกับ คสช. เพื่อธำรงไว้ซึ่ง ‘ชาติ ศาสน์ กษัตริย์’ ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
สมดังความมุ่งหวังของคณะรัฐประหาร