วันอังคาร, เมษายน 15, 2568

“ปาตานีในความเงียบ: สันติภาพที่ไร้ความยุติธรรม กฎหมายพิเศษ และสงครามข่าวสาร” บทวิเคราะห์: สันติภาพ กฎหมายพิเศษ และสงครามข้อมูล – สมรภูมิใจกลางชีวิตประชาชนปาตานี


Wartani
10 hours ago
 ·
[Justice]

“ปาตานีในความเงียบ: สันติภาพที่ไร้ความยุติธรรม กฎหมายพิเศษ และสงครามข่าวสาร”

บทวิเคราะห์: สันติภาพ กฎหมายพิเศษ และสงครามข้อมูล – สมรภูมิใจกลางชีวิตประชาชนปาตานี

ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ “ปาตานี” ตามที่ประชาชนในพื้นที่เรียกขาน มีคำว่ามี “สันติภาพ” อยู่ในหัวข้ออภิปรายของรัฐและสังคมมายาวนาน แต่คำนี้กลับกลายเป็นเพียงวาทกรรมที่ไร้พลังในชีวิตจริงของผู้คน หากไม่มีการทบทวนโครงสร้างอำนาจ กฎหมายพิเศษ และกลไกทางข้อมูลข่าวสารที่รัฐใช้ในการควบคุมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง



สันติภาพแบบรัฐไทย: ความเงียบสงบที่มีปืนจ่อหัว

สันติภาพที่รัฐไทยพยายามนิยามในพื้นที่ชายแดนใต้มักเป็น “สันติภาพเชิงลบ” หรือ Negative Peace คือการไม่มีเสียงปืน ไม่มีเหตุระเบิดในพื้นที่—แต่ไม่เคยมีความหมายถึง “ความยุติธรรม” หรือ “การคืนศักดิ์ศรี” ให้กับประชาชน

ในความเป็นจริง ชาวบ้านจำนวนมากยังคงอยู่ภายใต้บรรยากาศของความหวาดกลัว มีบ้านเรือนถูกปิดล้อมโดยไม่มีหมายจับ ถูกควบคุมตัวโดยไม่แจ้งข้อหา ถูกตีตราผ่าน IO ว่าเกี่ยวข้องกับความรุนแรงโดยไม่มีโอกาสแก้ต่าง



กฎหมายพิเศษ: อาวุธทางกฎหมายที่พรากอิสรภาพ

การใช้ กฎอัยการศึก และ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) มาอย่างต่อเนื่องกว่า 19 ปี ไม่ได้เพียงแต่จำกัดสิทธิพื้นฐานของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยน “หลักการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์” ให้กลายเป็น “ใครก็ได้ที่อาจผิด จึงจับก่อนสอบทีหลัง”

กลไกทางกฎหมายเหล่านี้เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวบุคคลได้โดยไม่ต้องมีหลักฐาน ไม่ต้องมีหมายจับ และไม่ต้องรับผิดหากเกิดความผิดพลาด ประชาชนต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทั้งที่รัฐควรเป็นฝ่ายพิสูจน์ความผิด



ปฏิบัติการ IO: ข่าวสารที่ฆ่าความน่าเชื่อถือก่อนศาลตัดสิน

“IO” หรือปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร คือกลไกอีกชุดหนึ่งที่รัฐใช้ในการควบคุมพื้นที่ผ่านการสร้างภาพลักษณ์เชิงลบต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ก่อนที่ข้อเท็จจริงจะได้รับการพิสูจน์ทางกฎหมาย

ผู้ถูกควบคุมตัวจำนวนมากถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในเพจข่าวที่ไม่เปิดเผยเจ้าของบัญชี และถึงแม้ท้ายที่สุดจะไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ แต่ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของพวกเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว

นี่คือการลงโทษทางสังคมที่ไร้กระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำหน้าที่แทน “กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย” โดยไม่ผ่านศาลใด ๆ



ความรุนแรงในชีวิตประจำวัน: บาดแผลที่ไม่เป็นข่าว

ความรุนแรงที่คนปาตานีเผชิญ ไม่ได้มีแค่ระเบิดหรือกระสุน หากแต่รวมถึงการตรวจค้นบ้านกลางดึก การหายตัวของคนในชุมชน การถูกควบคุมตัวโดยไม่มีโอกาสพบญาติ หรือแม้แต่การถูกบังคับให้ยอมรับสารภาพเพื่อแลกกับการได้กลับบ้าน

ความรุนแรงรูปแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็น “ความปกติ” ที่ผู้คนจำใจต้องอยู่ร่วมกับมัน โดยไม่มีใครรับผิด และไม่มีทางเลือกในการต่อรอง



ประชาชนปาตานี: ผู้ถูกทำให้เป็นเป้าหมายของความหวาดระแวง

ประชาชนในปาตานีถูกทำให้กลายเป็น “ผู้ต้องสงสัยตามธรรมชาติ” ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ เพียงเพราะอยู่ในพื้นที่ เพียงเพราะมีชื่อในภาษามลายู หรือแม้แต่เพราะเลี้ยงวัวในฟาร์มชุมชน พวกเขาถูกควบคุม ถูกจับตา และถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ในนามของ “ความมั่นคง”

แต่ความมั่นคงที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่อาจสร้างบนความหวาดระแวงต่อประชาชน



บทสรุป: สันติภาพจะไม่มีวันเกิดขึ้น หากยังมีความไม่ยุติธรรม

สันติภาพที่แท้จริง (Positive Peace) ไม่ได้เกิดจากการ “เงียบเสียงปืน” แต่เกิดจากการยุติการใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติ การคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชน และการรับฟังเสียงของคนในพื้นที่ว่าพวกเขาอยากมีอนาคตแบบใด ไม่ใช่ให้คนจากส่วนกลางมากำหนดให้

เพราะตราบใดที่รัฐไทยยังมองประชาชนปาตานีเป็นเพียง “ผู้ต้องสงสัย” และไม่ยอมรับว่า “ความเจ็บปวดของพวกเขา” คือความจริงที่ต้องเยียวยา สันติภาพก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง—มีเพียง “ความเงียบที่ปกคลุมด้วยความกลัว”

#News
#wartani_news
#PATANI

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1096511709181251&set=a.602152418617185