วันเสาร์, เมษายน 19, 2568

เรื่องเล่าจากวงสนทนาคนไทยในโอซาก้า เรื่อง Thailand Pavilion ใน EXPO2025


Pongsuk Hiranprueck
4 hours ago
·
ณ ขณะนี้ เมื่อผมพบคนไทยในโอซาก้า พวกเขาชวนผมสนทนาแต่เรื่อง Thailand Pavilion ใน EXPO2025
ผมนึกขึ้นมาได้ว่า ผม "รู้อะไรมา" เลยเล่าเบา ๆ ให้พวกเขาฟัง ปรากฏพวกเขา "ตาโต" กันทุกคนกับหัวใจดวงใหญ่โตนี้
จะดีที่สุด ผมก็ไม่ควรเก็บเรื่องดี ๆ นี้ไว้คนเดียว ...สังคมเรามีเรื่องฉาวมากพอแล้วขณะนี้
...มานั่งพักฟังเรื่องน่ารัก ๆ พร้อมกันครับ
…..
…..
เมื่อคืนนี้ผมมีโอกาส ร่ำบรรยากาศ กับ กลุ่มคนจิตใจดี
ก็ได้พบเจ้าของวลี "ดีไซน์เอกชน- คอนเทนต์ราชการ" ที่แทบทุกเพจข่าวหยิบไปพาดหัวกันรึ่มร่ำ
เธอย้ำว่า "พวกเราทำแค่ตำหนิเขาไม่ได้นะ …เราต้องเสนอ 'โซลูชัน' ให้เขาด้วย ...ถึงจะถูกต้อง !"
มีผู้เสนอ 'วิธีแก้ปัญหา' ในวงสนทนามากมาย ได้ไอเดียพรั่งพรู ...อะไรก็ตามที่เราไม่ได้ทำเอง มันง่ายเสมอแหละครับ
...ส่วนตัวผม ได้รับฟังข้อมูลมามากมาย ทั้งข้อจำกัด ข้อล่าช้า ข้อเสียเวลา ข้อเสียเปรียบด้านค่าก่อสร้างในประเทศญี่ปุ่นที่สูงกว่าปกติ 3 เท่า
และด้วยข้อกฎหมายที่ ’ต้องใช้คนงานญี่ปุ่น‘ จึงเกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน
มีการแก่งแย่งแรงงานโดยการ ‘จ่ายแรง’ เพื่อให้งานเสร็จ บางประเทศเตรียมตังค์มาไม่พอ พาวิลเลี่ยนก็ไม่เสร็จ เปิดงานแล้วก็ เลี่ยน สมชื่อ
เท่าที่ตาผมเห็น มี อินเดีย อินโด ฯ เนปาล …เป็นที่เล่าขานโจษจันกันในงาน ดั่งโศกนาฏกรรม ทำพาวิลเลี่ยนไม่ทัน ก็ล้อมรั้วเอาไว้พร้อมเศษซาก จะสร้างต่อตอนกลางวัน เค้าก็ไม่ให้ !
ส่วน Thailand Pavilion จะดีจะร้าย แต่ ”งานเราเสร็จ“ สง่างามตามตาทุกคนเห็น คิวยาวเหยียดเพราะภายนอกสุขสกาว ใคร ๆ ก็อยากเข้าชม
แต่ภายใน เสร็จตามแบบ ตรงตาม TOR แต่ดราม่าที่เกิดขึ้น คือคิดไม่ตรงกัน คิดเห็นกันไม่ตรงสากลศักราช ระหว่างคนทำกับคนมาชม …ก็เกิดรสขมขึ้น
ยุคนี้เป็นยุคของการทำนิทรรศการแบบ Immersive คือไม่ต้องอ่านอะไรมาก แต่มีเหตุการณ์มาห่อหุ้มให้ผู้ชม “รู้สึก” ตามเป้าหมายที่ต้องการ
แต่คนทำบอก เขาอ่านผลวิจัยมาว่า “ชาวญี่ปุ่นชอบอ่าน ชอบสแกน QR เอาข้อมูลเพิ่มเติม“ ก็เลยเคาะออกมาเป็นบอร์ดนิทัศน์ตามที่เห็น
ผมเล่าทั้งหมดให้กลุ่มสนทนาฟังไป เพราะตนเองฟังมามากพอ สัมผัสทุกฝ่าย ฝ่ายซื้อ ฝ่ายขาย ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายหนังหน้าไฟ อดหลับอดนอน ตากแดดตากฝน ก็อดทนแก้ปัญหากันไปในระยะสั้น
ส่วนระยะยาว ผมได้เสนอโซลูชันไปแล้ว ตามโพสต์ก่อนหน้านี้ ไม่เล่าซ้ำ และได้ย้ำความคิดนี้กับผู้ปฏิบัติงาน เขาให้การรับฟังดี
…อันนี้ต้องบอกให้ทราบว่า ผู้จัดเขารับฟังดี แต่มีเหตุผลรองรับทุกผลงานที่ประจักษ์ออกมาแก่ตา ผมคุยสายสนทนา Roaming จน Data Package เกือบหมด !
ปรากฏ มีพี่ท่านหนึ่งในวงสนทนา ... จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
===========
"เมื่อได้วิธีแล้ว...
ผมประสงค์ออกตังค์นะ ...แต่ไม่ประสงค์ออกนาม
ผมขอมอบ 10 ล้านบาท ให้ทีมเขาได้แก้ไขงาน
ไม่ต้องเอาแบบที่ผมชอบ แต่ให้เป็นไปตามมติของคนเก่ง ๆ ของชาติที่มาช่วยกันคิด
และไม่ต้องบอกชื่อผม ไม่ต้องขึ้นโลโก้ขอบคุณด้วย
ผมขออย่างเดียว ขอทำให้ Thailand Pavilion มันเจ๋งจริง ๆ ไม่เสียโอกาสประเทศไทยในอีก 6 เดือนต่อจากนี้ในงาน EXPO ที่ชาวโลกกำลังทะยอยเดินทางมาดู“
===========
.... แน่นอนเมื่อท่านให้น้ำเสียงจริงระดับนี้ ผมไม่มีขวาง ผมประสานไปทางผู้จัดในเรื่องนี้เรียบร้อย
ได้รับคำขอบคุณกลับมามาก ๆ โดยฝั่งนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
ซึ่งหากจะปรับใหญ่กันจริง ๆ เขาก็ต้องไปผ่านขั้นตอนอีกมาก ราชการเจ้าของงานจะยอมไหม ? ซึ่งต้องพูดคุยกันต่อไป
อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ นายกรัฐมนตรีจะมาดู รัฐมนตรีกระทรวงต้นเรืองก็จะมาด้วย
จะออกหัวหรือก้อยยังไม่ทราบได้
แต่ก็ถือเป็น จุดเริ่มต้นที่ต่อไปนี้ "แบรนด์ไทยแลนด์" หากจะทำการใดบนแผนที่โลกอีก ก็ขอให้เป็นคอนเซ็ปต์
ราชการให้โครงสร้าง แล้วให้เอกชนมาร่วมกันดูแลเนื้อใน
จะถูกใจ ถูกรสนิยม ไม่ก่อดราม่าใด ๆ กันอีก
เจ็บปวดแล้วต้องเรียนรู้ครับ เราถึงจะเรียกว่า "เดินไปข้างหน้า ...โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง"
ราชการและเอกชน แม้คนละ VIBE แต่ต้องเดินด้วยกันครับ เพราะไม่ว่าหมวกไหน "เราก็คนไทย" ใช่ไหมล่ะ ?

https://www.facebook.com/photo?fbid=10160869294161976&set=a.37459806975