วันอังคาร, เมษายน 22, 2568

โผล่แล้วโครงการนำร่อง ‘แลนด์บริดจ์’ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ทั้ง ‘รวบรัด’ ขั้นตอน และ “รวบอำนาจการตัดสินใจ” จ่อเข้าสภาฯ ต้นกรกฎานี้

โผล่แล้วโครงการนำร่อง แลนด์บริดจ์เรียกว่าร่าง พรบ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม หรือ EnLAW ตั้งข้อสังเกตุว่า รวบรัดขั้นตอน และ “รวบอำนาจทางกฎหมายและผูกขาดการตัดสินใจ

ร่างกฎหมายนี้ เมื่อ ๑๑ มีนา ๖๘ รมช.คมนาคมแจ้งว่า ยังร่างไม่เสร็จ อีก ๑๐ วันต่อมาปรากฏบนเว็บไซ้ท์กลางว่าเปิดรับฟังความคิดเห็น ระหว่างวันที่ ๒๑ มีนา ถึง ๒๐ เมษา ทำให้วันนี้มีร่าง พรบ.เขตเศรษฐกิจภาคใต้ ๔ ฉบับผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้ว

รวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม ร่างฯ ทั้งสี่ฉบับจ่อถูกนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๓ กรกฎาคมนี้ ได้แก่ร่างที่เสนอโดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่างฯ ของ สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.ภูมิใจไทย

อีกร่างฯ เสนอโดย อนุชา บูรพชัยศรี พรรครวมไทยสร้างชาติ กับต้องมีร่างของรัฐบาลประกบ จัดทำโดยสำนักนโยบายและแผนขนส่งและจราจร (สนข.) กำหนดพื้นที่เขตอุตสาหกรรมภาคใต้ ๔ จังหวัด คือชุมพร ระนอง สุราษฎร์ และเมืองคอน

ทั้งนี้ให้อำนาจการตัดสินใจในโครงการนี้ทั้งหมด ไว้ที่ คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ซึ่งถูกขนานนามว่า ครม.ชุดเล็กผู้ทำหน้าที่กำกับดูแลทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับองค์ประกอบย่อยนำไปสู่แลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ๓ โครงการ

ได้แก่ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมริ่ว จ.ชุมพร กับท่าเรือน้ำลึกอ่าวอ่าง จ.ระนอง โครงการรถไฟรางคู่ และทางหลวงพิเศษ (Motorway) ระหว่างท่าเรือชุมพรและระนอง ซึ่งอันนี้ เอ็นลอว์ บอกว่า “มีนักวิชาการหลายท่านตั้งข้อสังเกตต่อความไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มทุน”

แล้วยังจะก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม “โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดระนอง ขุมทองอันดามันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและหล่อเลี้ยงชีวิตของสัตว์” อันจะ “สร้างรายได้มหาศาลทั้งจากการท่องเที่ยวและการทำประมง” ดีเสียกว่าเปลี่ยนพื้นที่เป็นย่านอุตสาหกรรม

“ที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่ม และต้องทำลายทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากที่ยากต่อการฟื้นฟูเยียวยา” ร่าง กม. SEC เหล่านี้จึงถูกจัดให้เป็นร่าง กม.การเงิน ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีก่อนนำเข้าสภา

ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้สี่จังหวัดนี้เดินตามแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมล้วมากมาย “จากการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมและโรงงานจำนวนมาก การปล่อยมลพิษ น้ำมันรั่ว” ยังต้องมีการ ประเมินผลสัมฤทธิ์

EnLAW รณรงค์ต้านร่าง กม.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เหล่านี้ ด้วยเหตุหนึ่งจาก “สิทธิในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถูกรวบอำนาจในการตัดสินใจ” อีกทั้งโดยตัวอย่างผลร้ายที่เกิดจากโครงการอีอีซี

“ที่คนภาคตะวันออกต้องเผชิญปัญหา โดยที่ไม่ได้รับการเยียวยาที่เป็นธรรม และวิถีชีวิตที่มีอยู่เดิมต้องล่มสลาย”

(https://www.facebook.com/Enlawthai2001/posts/frQNmaeBKA)