จากบทความ “สตง.‘สร้างทิพย์’ เบิกงบเกือบ ๓,๐๐๐ ล้าน ฝากแบ๊งค์” โดย ‘ThaiPublica’ พบว่า สตง. “เก็บรักษาเงินเหลือจ่ายสะสมจำนวนมาก ไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคาร ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๐-๒๕๕๙ มียอดคงค้างประมาณ ๒,๙๔๕.๗๓ ล้านบาท”
การตรวจสอบครั้งแรกประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๕๕ สตง.จัดซื้อจัดจ้าง ออกแบบอาคาร ๒ โครงการ “อาจไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ” สมัยนั้นเป็นยุค คสช.เรื่องโกงกินในระบบราชการ ก็มักจะหยวนๆ ไป เอาใจมือตีนทหาร
เอาเฉพาะปี ๒๕๕๘ โครงการจัดซื้อจัดจ้างของ สตง.ส่วนกลางมีถึง ๙๐ โครงการ แต่ดำเนินการได้เพียง ๔๗ โครงการ รวมถึง “โครงการก่อสร้างสถาบันธรรมาภิบาลแห่งชาติ และโครงสร้างอาคารที่ทำการ สตง. ทั้งเฟส ๑ และ ๒” ปี ๕๙ ก็เช่นกัน
ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการ สตง.แห่งใหม่เริ่มในปี ๖๐ ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินการถไฟ เป็นเวลา ๑๕ ปี แต่ปีนั้นยังไม่ได้ดำเนินงาน การรถไฟเลยยกค่าเช่าให้ ๑๑.๒๕ ล้านบาทยังไม่ต้องจ่าย ยกยอดไปจ่ายในปี ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ตรงนี้มีข้อวิพากษ์จาก Te Neti ว่า จากปี ๖๐ ถึง ๗๖ ตั้งวงเงินค่าเช่าไว้ ๗๖๔ ล้านบาท “น่าสงสารนะครับ เป็นหน่วยงานรัฐเหมือนกัน ยังต้องจ่ายค่าเช่า” เขาให้ลองไปปรึกษาเนวิน ชิดชอบ ดู “เพราะของ ‘บุรีรัมย์ยูไนเต็ด’
ก็ตั้งอยู่บนที่การรถไฟเหมือนกัน” เจริญรุ่งเรืองดีมาก แต่นั่นไม่ต้องจ่ายค่าเช่า “ฮุบเอาดื้อๆ เลย” ครั้นถึงปี ๖๒ การตรวจสอบของกรมบัญชีกลางพบอีกว่า “มีการดำเนินการที่เข้าข่ายเป็นการก่อให้เกิดความเสียหาย ตามมาตรา ๘๕ วรรค ๒” ของ พ.ร.ป.ตรวจเงินแผ่นดิน
ตลอดยุค คสช.และสืบทอดอำนาจรัฐประหาร จนมาถึงพรรคที่ชนะเลือกตั้งโดนยุบ และพรรคอันดับสองตระบัดสัตย์ ข้ามขั้วไปตั้งรัฐบาลร่วมกับฝ่ายอำนาจรัฐประหาร สตง.ก็ยังลอยชายมาเรื่อย จนเกิดเหตุตึกถล่มแผ่นดินไหว ตึกเดียวในไทยนั่นละ
หนอนมันถึงได้ออกมาจากกระป๋องยุบยับ “มีคนขุดแฉงบประมาณฟุ่มเฟือยที่ไม่น่าจะต้องมีในตึกราชการ ฝักบัวอันเป็นหมื่น โรงหนังขนาดใหญ่นับร้อยล้าน เก้าอี้ตัวละหลายหมื่น ใช้งบนับ ๑๐ ล้านซื้อโทรศัพท์อะนาล็อกเป็นพันเครือง”
(https://x.com/joe_black317/status/1912722072255754714, https://thaipublica.org/.../repeated-audit-findings.../ และ https://www.facebook.com/Neti.Wichian/posts/cKnG65jXm)
