พอดีมีข้อมูลกลางเก่ากลางใหม่จาก ทักษิณ ชินวัตร ว่า “คนไทยประมาณ ๒-๔ ล้านคนใช้เงินในธุรกิจนี้สูงถึง ๓๐๐,๐๐๐ – ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี” ไฉนเลยไม่เปิดให้คนไทยทั้งประเทศ เสริมทักษะในระบบคอมพิวเตอร์ด้วยการพนัน
ด้วยความอิจฉาเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์ กัมพูชา และเมียนมาร์ มีกฎหมายยอมให้เปิดบ่อนออนไลน์รายได้อูฟู ทั่นรองฯ ว่าการกระทรวงดีอี ก็เลยได้รับมอบหมายให้จัดทำโครงการ นำการพนันออนไลน์มาไว้ในที่แจ้ง เพื่อการจัดเก็บภาษี
ทั่นว่านอกจากจะเพิ่มรายได้เข้ารัฐแล้วยังเป็นช่องทางลดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ทั่นซื่อบริสุทธิ์จริงๆ คิดว่ามีกฎมายกำกับแล้วจะไม่มีอาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้น “โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการฟอกเงิน” ในประเทศไทยนี่นะ
อ้อทั่นบอกว่ากระทรวงดีอีกำลังศึกษาโมเดลจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะป็นอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และมาเก๊า แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม สปป.ลาว (โมเดลจีน) และมาเลเซีย ที่การพนันออนไลน์ถูกกฎหมายกันหมดแล้ว
หลักเกณฑ์เบื้องต้นจะมี ระบบยืนยันตัวตนแบบเข้มงวด การกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้เล่น การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุน และ “ระบบเก็บข้อมูลธุรกรรมเพื่อป้องกันการฟอกเงิน” พูดอย่างเซี้ยวๆ ก็ต้องว่า “แน่นะวิ” เพราะรู้ๆ กันอยู่
บ้านนี้เมืองนี้กฎหมายมีไว้ใช้ได้ดีกับคนที่ไม่เจ้าเล่ห์เท่านั้น สฤณี อาชวานันทกุล แย้ปว่า “ตราบใดที่คอรัปชั่นยังเบ่งบาน และนิติรัฐนิติธรรมอ่อนแอถึงขีดสุด” จะไปหวังอะไรกับการป้องกันสภาพสังคมไม่ให้มั่วสุมเละเทะ เธอบอกอีกว่า
ไฉน “ไม่ได้คิดหาทางปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว” บ้างหรือ โถ ของพวกนั้นมันท่ายากรอไว้ก่อน ให้รัฐบาลนี้ได้อยู่ต่ออีกสมัยสองสมัย แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้อะไรขุดได้ขุดก่อน
แม้นว่าเร่งขุดกันเสียจน ไม่มีเวลากลบ จนพื้นที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อของอบายมุข ความคิดจิตใจประชาชนมุ่งแต่จะรวยทางลัด ยิ่งเป็นเยาวชนซึ่งหวาดหวั่นกันว่าจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของอบายมุขโหลงโจ้งมากที่สุด ก็คงถูกปล่อยตามยถากรรม
(https://www.thansettakij.com/economy/625458=IwY2xjaw50xrvg)
